บทที่ 186 ปีศาจยุงบุก
เงามืดปกคลุมทั้งเมืองภูเขาดำ ยามค่ำคืนผู้คนเงียบสงบ
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิ ศิลาวิญญาณปูบนเตียงราวกับไม่ต้องใช้งานแล้ว
ทหารร่างกำยำคนนั้นนั่งเหม่อมองอยู่ข้างๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและเฝ้าใฝ่หา
เมื่อไรกันที่เขาจะใช้ศิลาวิญญาณฝึกฝนสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ได้! ขนาดฝันยังไม่กล้าคิดเลย
พึงรู้ไว้ว่าแม้ศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์จะใช้ศิลาวิญญาณหลายร้อยถึงพันก้อนราวกับเศษเงิน แต่สำหรับศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่แล้ว นี่คือทรัพย์สินจำนวนมหาศาล
ถึงอย่างไรในโลกคนธรรมดานั้น ศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนก็แลกได้พันตำลึงเงินเต็มๆ แล้ว คนที่ใช้ศิลาวิญญาณได้อย่างไม่มีแรงกดดันได้ ทุกคนล้วนเป็นพ่อค้าเศรษฐีระดับสุดยอดกันทั้งนั้น!
ทางด้านทหารร่างกำยำเป็นคนเกิดมาในครอบครัวธรรมดา ต้องประหยัดศิลาวิญญาณทุกก้อน
เขาอยู่ระดับหัวหน้าหน่วยในกองทัพเมืองภูเขาดำ อยู่ชั้นกลางในกองทัพภูเขาดำ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเงินเดือนทุกเดือนของเขาก็ยังได้แค่ศิลาวิญญาณครึ่งก้อน หรือก็คือห้าร้อยตำลึงเงิน
ถ้าหัวหน้าหน่วยภูเขาดำออกจากเมืองไปล่าสัตว์ได้อะไรนอกเหนือจากนี้มา ก็อาจจะมีรายได้พิเศษมาบ้าง แต่ตอนนี้ในเมืองมียุงปีศาจเลือดก่อความวุ่นวายอยู่ ผู้คนหวาดกลัวกัน
กองทัพภูเขาดำได้แต่เตือนให้ระวังตลอด เฝ้าป้องกันอยู่กลางเมืองทุกวัน
ศิลาวิญญาณพวกนี้ที่เสิ่นเทียนใช้ฝึกบำเพ็ญในคืนนี้ ถ้าแบ่งเป็นเงินเดือนของทหารร่างกำยำ เดาว่าคงเทียบได้กับเขาไม่กินไม่ดื่มในเมืองภูเขาดำได้หลายร้อยปีเลย!
ต้องบอกว่าคนรวยฝึกบำเพ็ญหนึ่งครั้งเท่ากับคนจนสะสมมาทั้งชีวิต ไม่ว่าโลกใดก็เหมือนกัน
หลังจากเดินครบรอบใหญ่สุดท้ายแล้ว ศิลาวิญญาณข้างๆ เสิ่นเทียนก็หมดประกายแสงวาววับไปทั้งหมด
เสิ่นเทียนพ่นลมหายใจขุ่นๆ ออกมา กำลังวังชาที่เสียไประหว่างการเดินทางฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย
เขามองทหารร่างกำยำพลางพูดขึ้น “เจ้าคนหนุ่ม ชื่ออะไร”
ชายร่างกำยำพูดอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยแซ่เฉิง ชื่อโดดๆ เปียวขอรับ”
เฉิงเปียวหรือ
เสิ่นเทียนครุ่นคิด ระดับหลอมปราณขั้นสามเล็กจ้อยกลับกล้ามาขวางทางระดับสร้างฐานอย่างข้า กล้าหาญมาก
เสิ่นเทียนหยิบดาบใหญ่สีแดงเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเวหา “นี่คือดาบสมบัติวิเศษระดับล่าง ต่อไปข้าจะถามเจ้า ถ้าเจ้าตอบดี ดาบนี้จะเป็นของเจ้า”
ดาบสมบัติวิเศษระดับล่างเล่มนี้ เสิ่นเทียนเก็บมาจากบนพื้นตอนเกิดความวุ่นวายในเมืองหมอกลับแล ในตัวเขามีสมบัติวิญญาณเป็นกอง แม้แต่ของวิเศษอริยะครบชุดก็ยังมี พูดได้ว่าเขาไม่ได้ใช้สมบัติวิเศษพวกนี้อยู่แล้ว
แต่สำหรับเฉิงเปียว ดาบสมบัติวิเศษระดับล่างเล่มเดียว อย่างน้อยก็มีมูลค่าหลายร้อยศิลาวิญญาณแล้ว คำนวณจากรายได้ของเขา ต้องไม่กินไม่ดื่มหลายสิบปีกว่าจะซื้อได้
อีกทั้งสำหรับเขา ยังแสดงอานุภาพของสมบัติวิเศษระดับล่างได้อย่างพอดี หากเป็นสมบัติวิเศษระดับกลางหรือระดับสูงที่แกร่งกว่า เขาก็คงจะควบคุมไม่ค่อยได้
ในทางตรงข้ามจะซวยเพราะมีสมบัติกับตัวเสียอีก เป็นที่หมายตาของผู้มีระดับพลังสูงบางคนและอาจจะเจอกับหายนะก็ได้
เอาแค่ได้สมบัติวิเศษระดับล่างเล่มนี้ไป กำลังรบของเฉิงเปียวต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าส่วนแล้ว เรียกได้ว่าผลัดเปลี่ยนกระดูก
จากนี้เวลาเขาออกไปล่าสัตว์จะปลอดภัยกว่าเดิม มีการเอาตัวรอดสูงขึ้นหลายเท่าเพราะเหตุนี้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉิงเปียวก็รีบพูด “ผู้อาวุโสถามมาได้เลย ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้!”
เสิ่นเทียนพยักหน้าด้วยความพอใจ “บอกเรื่องเกี่ยวกับปีศาจยุงที่เจ้ารู้มาทั้งหมด”
ถึงก่อนหน้านี้จะเห็นในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือแล้ว ยืนยันเวลาและสถานที่อย่างแม่นยำแล้ว แต่มีบทเรียนรถคว่ำบนที่ราบหมอกลับแลครั้งก่อน เขาเลยรู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยมากพอ
ดังนั้นเขาต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับปีศาจยุงจนเข้าใจอย่างถ่องแท้!
มันง่ายแค่นี้เองหรือ เฉิงเปียวดีใจใหญ่ นี่ไม่เท่ากับให้สมบัติมาเฉยๆ เลยรึ
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าชมท่านเซียนหล่อเหลา ท่านเซียนชอบจริงๆ ด้วย
ข้าว่าแล้วไง ผู้อาวุโสปรมาจารย์เซียนหน้าตาหล่อเหลาจะต้องใจกว้าง ต้องตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน!
เฉิงเปียวดีใจที่ตนเองตัดสินใจขวางเสิ่นเทียนไว้ก่อนหน้านี้ไปพลาง เริ่มแนะนำเกี่ยวกับปีศาจยุงไปพลาง
…
เสิ่นเทียนได้รู้จากปากเฉิงเปียวว่าปีศาจยังตัวนี้จู่ๆ ก็ปรากฏมาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ตอนแรกมันแค่โจมตีทุ่งสัตว์เลี้ยงแกะวัวและสูบเลือดแกะวัวนอกเมืองภูเขาดำเท่านั้น
อีกทั้งระดับพลังก็ไม่ได้แกร่งมาก แต่ประมาณระดับหลอมปราณ
เมืองภูเขาดำส่งนักรบชั้นสูงระดับหลอมปราณเดินทางไปตามหารังและฆ่ามัน เดิมทีคิดว่าจะปราบปีศาจได้ง่ายๆ แต่ไม่นึกเลยว่าปีศาจยุงนั่นจะมีกลอุบายร้ายกาจอย่างยิ่ง สังหารนักรบทุกคนได้
หลังจากโจมตีนักรบทุกคนแล้ว ปีศาจยุงนั่นหายตัวไปอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าออกห่างไปจากละแวกเมืองภูเขาดำแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน