บทที่ 187 ทองคำล่องหน วิชาขว้างพันทอง
เมื่อเห็นฝูงยุงโลหิตดำที่มืดฟ้ามัวดินแล้ว ทุกคนในเมืองภูเขาดำต่างหน้าเปลี่ยนสีไป
เพราะจำนวนของฝูงยุงโลหิตมากเกินไปจริงๆ อีกทั้งยุงโลหิตทุกตัวยังตัวใหญ่มาก
ที่มันใช่ยุงที่ไหนกัน นี่มันโคมไฟใหญ่เปล่งแสงสีแดงชัดๆ ดูแล้วน่าตื่นตกใจ
นี่ไม่ได้โม้แม้แต่นิด หากโดนยุงโลหิตชนิดนี้กัด ครั้งเดียวคงโดนสูบเลือดหมดตัว
และที่สำคัญกว่านั้นคือในยุงโลหิตพวกนี้ยังมียุงโลหิตขนาดเท่าผู้ใหญ่อีกไม่น้อย ยุงโลหิตดุร้ายยิ่งกว่า แผ่กลิ่นอายพลังทั่วร่างแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ยุงโลหิตระดับยศพวกนี้เทียบได้กับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐาน น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
อีกทั้งถ้ารวมผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานของทั้งเมืองภูเขาดำแล้ว ก็มีจำนวนแค่สิบกว่าคนเท่านั้น
ทว่าในฝูงยุงโลหิต ยุงโลหิตระดับยศขนาดเท่าผู้ใหญ่มีอย่างน้อยสามถึงห้าสิบตัว จำนวนอยู่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง
หลังจากเห็นฝูงยุงโลหิตบินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้วนั้น ผู้ฝึกบำเพ็ญข้างหลังเสิ่นเทียนทุกคนต่างสิ้นหวัง!
นี่จะให้สู้อย่างไร ไม่รู้จะสู้เจ้าพวกนี้อย่างไรเลย! กำลังรบต่างกันมากเกินไป!
เจ้าเมืองภูเขาดำล้มลงกับพื้น “ไม่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! ท่านบรรพบุรุษเพิ่งไล่ยุงโลหิตเตรียมแก่นพลังทองนั่นไปไม่กี่วันก่อนเอง มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานคนอื่นก็สิ้นหวังเช่นกัน “สวรรค์จะล้างบางเมืองภูเขาดำเรารึ นี่มันเยอะเกินไปแล้ว!”
“ยุงโลหิตเยอะเช่นนี้ เกรงว่าคงมีมากกว่าแสนตัว! พวกเราจะต้านไว้ได้อย่างไร”
“แผนการในตอนนี้ก็มีแค่ทิ้งเมืองและพาคนที่เดินได้ถอยไป!”
“ไม่ไหว! กิจการของเรา ญาติพี่น้องกับครอบครัวของอยู่กลางเมือง จะถอยอย่างไรล่ะ”
……..
เวลานี้ทั้งเมืองภูเขาดำวุ่นวาย มีคนคิดถอยเตรียมจะหนีแล้ว แน่นอนว่าก็มีหลายคนเข้าใจว่าตอนนี้ไม่มีทางถอย มีเพียงใช้กำลังทั้งเมืองถึงจะมีเสี้ยวโอกาสรอด
เสิ่นเทียนมองฝูงยุงโลหิตเยอะเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วด้วยความเฉยชา ตอนนี้ในใจเขาไม่ตระหนกเลย
ในโลกบำเพ็ญเซียน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพบเหตุการณ์กะทันหัน เพราะเหตุการณ์กะทันหันจะไม่ให้เวลาเจ้าเตรียมตัวเลย ทว่าหากรู้ว่าจะมีภัยมาก่อน ผู้ฝึกเซียนเผ่ามนุษย์จะสามารถแก้ไขทุกอย่างได้!
เสิ่นเทียนเห็นภาพนี้เกิดขึ้นในโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนานแล้ว รู้ดีว่าจะมียุงโลหิตจำนวนมากบุกเมือง เขาจะไม่เตรียมการมาได้อย่างไร
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก สายฟ้าสีเขียวขยับประกายวูบไหวทั่วร่าง ทั้งตัวเขาปกคลุมด้วยประกายสายฟ้าสีเขียวพร้อมกับรวมอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งขึ้น
อัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่งเข้มข้นรวมขึ้นเป็นเกราะนักรบมังกรบนตัวเสิ่นเทียน
ใช่ นี่คือวิชารวมเกราะมังกรเขียวที่สอดคล้องกับวิชาอัสนีธาตุไม้ลำดับหนึ่งในเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม
เทียบกับเกราะเต่าดำที่เน้นเรื่องการป้องกันแล้ว เกราะมังกรเขียวจะเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วในการเยียวยากับฟื้นพลังวิญญาณ
เสิ่นเทียนรู้ดีว่าต่อไปจะเป็นสงครามเข่นฆ่าระหว่างผู้เล่น กำลังยืนหยัดจึงสำคัญมาก!
ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงเลือกเกราะมังกรเขียวในสงครามครั้งนี้ นี่คือการวิเคราะห์ด้วยเหตุผลอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่เพราะเกราะมังกรเขียวเท่กว่าเกราะเต่าดำเลย!
เขาตะโกนเสียงดัง “ทุกคนอย่าตระหนก มีข้าอยู่ ไม่ต้องห่วง!”
กล่าวจบ เสิ่นเทียนก็หยิบถาดค่ายกลมังกรลายสีเขียวแผ่นหนึ่งมาจากแหวนเวหา เขาวางถาดค่ายกลไว้บนหอเมืองภูเขาดำ ทันใดนั้นมังกรฟ้าอัสนีสีเขียวตัวหนึ่งก็บินออกมาจากถาดค่ายกล
มันส่งเสียงคำรามสวรรค์เก้าชั้นแผ่อานุภาพมังกรเด่นชัด พริบตาเดียวก็เกิดเมฆดำขึ้นบนฟ้า
ขณะเดียวกันสี่ทิศเหนือใต้ออกตกของเมืองภูเขาดำพลันมีประกายแสงเทพสีเขียวพุ่งขึ้น พลังงานโปร่งใสปรากฏขึ้นรอบๆ เมืองภูเขาดำ ดูดพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆ เข้ามาคุ้มกันเมือง
ใช่ นี่คือยอดค่ายกลมังกรเขียวเทพสวรรค์ เป็นฉบับรวบรัดของยอดค่ายกลเทพสวรรค์พิทักษ์ภูเขาฉบับสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้จางอวิ๋นซีเคยวางยอดค่ายกลเทพสวรรค์พิทักษ์ภูเขาในเมืองหมอกลับแล ทำให้เสิ่นเทียนคุ้นหูคุ้นตา ดังนั้นก่อนเดินทางเขาจึงไหว้วานให้ฉินอวิ๋นตี๋ไปหาผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ
ใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งแลกเป็นถาดค่ายกลพิทักษ์ภูเขาหนึ่งชุด
ซึ่งในเมื่อคืนวานนี้ เสิ่นเทียนได้ฝังถาดค่ายกลมังกรเขียวไว้แล้ว ขอแค่เขากดปุ่มกระตุ้นค่ายกลอันเป็นหัวใจสำคัญสุดท้ายก็จะระเบิดยอดค่ายกลมังกรเขียวขึ้นมา
ส่วนเหตุใดถึงวางแค่ยอดค่ายกลมังกรเขียว ไม่วางยอดค่ายกลเทพสวรรค์พิทักษ์ภูเขาฉบับสมบูรณ์!
เหอะๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเสิ่นเทียนมีพลังบำเพ็ญไม่พอ มันกินแรงไปหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน