บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 189

บทที่ 189 ดูว่าใครจะดูดเลือดใคร!

เจ้าเมืองภูเขาดำเดินมาตรงหน้าเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าเคารพยิ่ง

เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านเซียนจัดการปีศาจยุงแทนเมืองเรา ช่วยเมืองเราไว้ โปรดรับการก้มกราบจากข้าด้วย”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าเมืองก็คุกเข่าลงให้เสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนยิ้มพลางยื่นมือมาประคองเจ้าเมืองขึ้น “ไม่ต้องคุกเข่า คุกเข่าแล้วก็ต้องจ่ายเงินเหมือนเดิม”

จะ…จะจะจ่ายเงินรึ

เจ้าเมืองภูเขาดำซวนเซแทบจะล้มลงนอนกับพื้น “ท่านเซียน เราจ่ายให้ไม่ไหวจริงๆ!”

ท่านเซียนออกมือจัดการปีศาจยุงครั้งนี้ ขอไม่บอกว่าค่าออกโรงสูงเท่าไร ลำพังแค่มูลค่าของยันต์ระเบิดอัสนีของท่านเซียนก็ซื้อทั้งเมืองภูเขาดำได้ แถมยังมีเหลือกินเหลือใช้อีก

ท่านช่วยชาวเมืองทั้งเมืองภูเขาดำไว้ ผู้คนทั้งเมืองต่างซาบซึ้งในบุญคุณ แต่เราชดใช้ค่าเสียหายยันต์อัสนีของท่านไม่ไหวจริงๆ!

ขายตัวเจ้าเมืองก็ยังชดใช้ให้ไม่ได้!

เมื่อเห็นสีหน้าหวาดผวาของเจ้าเมืองภูเขาดำแล้ว เสิ่นเทียนมีสีหน้ามืดลงเล็กน้อย “จ่ายไม่ไหวรึ จ่ายหมื่นตำลึงเงินไม่ไหวแล้วพวกเจ้าจะติดป้ายประกาศรางวัลเพื่ออะไรกัน นี่จะหลอกข้ารึ”

เอ่อ~

หมื่นตำลึงเงินหรือ

เจ้าเมืองภูเขาดำอึ้งงันไปเลย “หมื่นตำลึงเงินอะไร ค่าตอบแทนที่ท่านเซียนว่าแค่หมื่นตำลึงเงินรึ”

เสิ่นเทียนมองเจ้าเมืองภูเขาดำเหมือนกับมองคนโง่ “ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเท่าไรล่ะ พวกเจ้าติดประกาศให้เงินรางวัล ข้ารับเงินทำงาน มีปัญหาอะไร”

ทันใดนั้น เจ้าเมืองภูเขาดำเป็นบ้าไปแล้ว

ดังนั้นค่าตอบแทนที่ท่านเซียนจะเอาคือหมื่นตำลึงเงิน แค่นี้เองหรือ

จะว่าไปถ้าคำนวณหมื่นตำลึงเงินเป็นศิลาวิญญาณก็ได้สิบก้อน ยังไม่พอซื้อยันต์ระเบิดอัสนีดีๆ สักแผ่นเลย!

ท่านไม่เสียดายจ่ายไปมากขนาดนั้นเพื่อกำจัดปีศาจยุงและรับเงินรางวัลแค่นี้หรือ

ไม่ใช่สิ ท่านเซียนไม่มีทางไร้สมองเช่นนี้แน่

จะต้องมีความหมายลึกซึ้งอีกแน่นอน!

ใช่แล้ว!

ท่านเซียนใช้เงินหมื่นตำลึงเงินเล็กจ้อยมาลดบรรยากาศตึงเครียดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเมืองภูเขาดำของเราไว้ สมกับเป็นเซียนจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ มีคุณธรรมและสติปัญญาสูงส่ง ทั้งยังมีความโอบอ้อมอารีจริงๆ

นี่ก็เพื่อไม่ให้เรารู้สึกบาปและละอายใจกับเรื่องนี้!

ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าเมืองภูเขาดำก็พูดด้วยความเคารพ “ขอให้ท่านเซียนรอเดี๋ยว ข้าจะไปนำหมื่นตำลึงเงินมาให้เดี๋ยวนี้”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนมองไปนอกเมือง “ไม่ต้องรีบ ปีศาจนั่นยังไม่ตาย!”

ยังไม่ตายรึ

เจ้าเมืองภูเขาดำหัวใจบีบรัดตัวก่อนรีบมองไปนอกเมือง เห็นหมอกโลหิตลอยขึ้นตรงทุ่งกว้างนอกเมืองตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

โลหิตกลางซากศพยุงโลหิตที่ถูกสังหารพวกนั้นรวมขึ้นมาทีละหยดอย่างรวดเร็ว อำนาจคุกคามพลันมาเยือนทั้งเมืองภูเขาดำ น่าสะพรึงยิ่งกว่าตอนปีศาจยุงปรากฏตัวเป็นสิบเท่า!

ชายชุดคลุมสีโลหิตปรากฏนอกยอดค่ายกลมังกรเขียว มือถือทวนยาวสีโลหิต แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาทั่วร่าง!

ใบหน้าเขาเหมือนกับปีศาจยุงก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงแต่กลิ่นอายพลังแกร่งกว่าปีศาจยุงนั่นไปไกลมาก เขามองเสิ่นเทียนอย่างเฉยชาราวกับมองคนที่ตายไปแล้ว จิตสังหารเย็นเยือก

“มนุษย์สารชั่ว ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกล้าสังหารบุตรชายของข้า วันนี้ข้าจะสูบกินเจ้าให้หมดตัว!”

ชั่วขณะที่พูดอยู่นั้น ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตนั้นก็กลายเป็นประกายแสงโลหิตพุ่งเข้ามากลางเมือง

ยอดค่ายกลสายฟ้ามังกรเขียวพลันถูกทวนยาวสีแดงในมือชายคนนั้นฉีกเป็นช่องหนึ่ง ไม่อาจต้านไว้ได้เลยแม้แต่ครู่เดียว

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตดวงตาแดงก่ำ จ้องเสิ่นเทียนเขม็ง

เขาแค้นเสิ่นเทียนเหลือล้นฟ้า!

เพราะเมื่อครู่ปีศาจยุงที่เสิ่นเทียนฆ่าไม่ใช่แค่บุตรชายของเขา แต่ยังเป็นบุตรชายแท้ๆ ที่มีความสำคัญกับเขาอย่างมาก

ครั้งนี้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตนำทัพยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำมากมายเช่นนี้ก็เพื่อใช้โลหิตบริสุทธิ์ของผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งเมืองมาเลี้ยงยุงโลหิตระดับแก่นพลังทองตัวนั้น

เดิมทีเขาคิดว่าหลายครั้งก่อนบุกโจมตีเมืองภูเขาดำเป็นเพียงการเล่นแบบเด็กๆ ไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่โต ต่อให้เมืองภูเขาดำขอกำลังเสริมมาจริงๆ อย่างมากสุดก็อยู่ราวๆ แก่นพลังทองสามรอบ

ตนรับมือได้ทั้งหมดอยู่แล้ว กระทั่งยังดูดเลือดอีกฝ่ายมาบำรุงให้ตัวเองได้

ถึงอย่างไรผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่ผักกาดขาว จะมาเมืองภูเขาดำเพียงเพื่อปีศาจยุงระดับ ‘เตรียมแก่นพลังทอง’ เล็กๆ ตัวเดียวได้อย่างไร

ทว่าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นเทียนที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นแม้จะไม่ถึงระดับแก่นพลังทอง แต่กลับมีสมบัติติดตัวเยอะขนาดนี้!

นั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีระดับสูงสุด ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานส่วนใหญ่จะเอาไว้เป็นไม้ตายก้นหีบ ไว้เป็นไพ่ตายเอาตัวรอด

แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์นี่กลับเอามาเป็นปุ่มกดโจมตีปกติ ทั้งยังสะบัดทีเป็นปึก

เจอกับการโจมตีเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองก็ต้องกลัวกระมัง!

เดิมทีถึงจะเป็นเช่นนั้น เสวี่ยเหวินเค่อก็คงไม่ถึงกับสิ้นชีพลงในพริบตา หลักๆ คือเสิ่นเทียนเล่นสกปรกเกินไป ตอนแรกก็ยิงปืนปทุมฆาตเทพใส่เสวี่ยเหวินเค่ออย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นใช้เถากลืนกินเซียนมัดเสวี่ยเหวินเค่อคุมตัวเขาเอาไว้

เถาวัลย์นั่นแข็งแรงมาก ขนาดเสวี่ยเหวินเค่อระดับแก่นพลังทองยังดิ้นไม่หลุด สุดท้ายก็โดนระเบิดอัสนีระเบิดตาย

ความเร็วในการจู่โจมเร็วจนแม้แต่เขายังช่วยไม่ทัน!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง เขารู้สึกว่าเถาวัลย์นั่นไม่ธรรมดามาก!

กระทั่ง…มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินในตำนาน…ไม้วิญญาณ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใจของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็เร่าร้อนขึ้นมา หากเป็นไม้วิญญาณจริงๆ ฆ่าเจ้าเด็กนี่แล้วก็จะเยียวยาบรรพบุรุษได้!

ความคิดหมุนวนอยู่ในใจ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพุ่งเข้ามากลางเมืองแล้ว พริบตาเดียวก็มาอยู่หน้าเสิ่นเทียน ก่อนแทงทวนยาวสีโลหิตในมือใส่เสิ่นเทียน

ตอนนี้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นอัดแน่นไปทั้งกำแพงเมือง กลิ่นอายอสูรล้นฟ้า กลิ่นชวนอาเจียน

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาเหมือนมองเห็นภาพเสิ่นเทียนถูกทวนเทพโลหิตทะลวง ส่งเสียงโอดครวญขอชีวิตแล้ว!

อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเทียนที่เห็นผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเข้ามาใกล้เหมือนกับตกใจจนโง่งม ไม่ขยับเลย

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม เป็นไก่อ่อนที่ไม่เคยผ่านโลกมาจริงๆ พอเจออันตรายเป็นตายก็ตกใจเสียจนลืมหลบ

เหอะๆ มนุษย์โง่เขลา ตายเสียเถอะ!

ข้าจะสูบเลือดเจ้าให้หมดตัว!

ทวนยาวสีโลหิตมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรง มวลอากาศตรงปลายทวนยังบิดรูป แตกกระจาย อานุภาพของทวนนี้น่าสะพรึงถึงขีดสุด!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมองมาด้วยแววตาเหี้ยมโหดพร้อมกับทวนเทพโลหิตโจมตีใส่หน้าอกเสิ่นเทียนอย่างรุนแรง ทว่ากลับไม่เกิดภาพทวนเทพทะลวงเสิ่นเทียนอย่างที่เขาจินตนาการขึ้น

เพราะจู่ๆ ก็ปรากฏภาพยันต์แปดทิศสีทองสว่างจ้าขึ้นตรงหน้าอกเสิ่นเทียน ก่อนจะหมุนวนไม่หยุด กระจายแรงดูดรุนแรงออกมา

มันไม่ใช่แค่ต้านการโจมตีของทวนยาวไว้ แต่ยังดูดทวนยุงโลหิตในมือผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเอาไว้แน่น ทำให้เขาดึงทวนถอยไปไม่ได้

โดน…โดนดูดแล้ว!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะลึงไปเลย นี่เป็นไปได้อย่างไร!

แค่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานเล็กจ้อยจะใช้หน้าอกต้านทวนเทพโลหิตของข้าได้อย่างไร

ส่วนอกของเจ้านี่ทำขึ้นจากทองคำเซียนรึ

ชิ้นส่วนชุดเกราะสีทองลอยขึ้นรอบตัวเสิ่นเทียนก่อนหุ้มเขาไว้ทั้งตัว ดูองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง

ตอนนี้เส้นขอบฟ้าปรากฏแสงสีแดงแล้ว แสงตะวันแรกส่องบนเกราะนักรบของเสิ่นเทียนส่องประกายแสงระยิบระยับ!

เสิ่นเทียนในยามนี้เหมือนกับเทพสงครามลงมาเยือน!

เขายกมุมปากเล็กน้อยให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่กำลังตาค้างอ้าปากกว้าง “ล่อเจ้าออกมาได้สักที!”

เสิ่นเทียนพูดพร้อมกับคว้าทวนเทพโลหิตไว้ ไม่ให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตดึงทวนยาวกลับไป พร้อมกันนั้นยังมีเชือกเส้นใหญ่สีเขียวอมดำลอยออกมาจากตัวเสิ่นเทียน พันร่างผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้อย่างฉับไว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน