บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 189

บทที่ 189 ดูว่าใครจะดูดเลือดใคร!

เจ้าเมืองภูเขาดำเดินมาตรงหน้าเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าเคารพยิ่ง

เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านเซียนจัดการปีศาจยุงแทนเมืองเรา ช่วยเมืองเราไว้ โปรดรับการก้มกราบจากข้าด้วย”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าเมืองก็คุกเข่าลงให้เสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนยิ้มพลางยื่นมือมาประคองเจ้าเมืองขึ้น “ไม่ต้องคุกเข่า คุกเข่าแล้วก็ต้องจ่ายเงินเหมือนเดิม”

จะ…จะจะจ่ายเงินรึ

เจ้าเมืองภูเขาดำซวนเซแทบจะล้มลงนอนกับพื้น “ท่านเซียน เราจ่ายให้ไม่ไหวจริงๆ!”

ท่านเซียนออกมือจัดการปีศาจยุงครั้งนี้ ขอไม่บอกว่าค่าออกโรงสูงเท่าไร ลำพังแค่มูลค่าของยันต์ระเบิดอัสนีของท่านเซียนก็ซื้อทั้งเมืองภูเขาดำได้ แถมยังมีเหลือกินเหลือใช้อีก

ท่านช่วยชาวเมืองทั้งเมืองภูเขาดำไว้ ผู้คนทั้งเมืองต่างซาบซึ้งในบุญคุณ แต่เราชดใช้ค่าเสียหายยันต์อัสนีของท่านไม่ไหวจริงๆ!

ขายตัวเจ้าเมืองก็ยังชดใช้ให้ไม่ได้!

เมื่อเห็นสีหน้าหวาดผวาของเจ้าเมืองภูเขาดำแล้ว เสิ่นเทียนมีสีหน้ามืดลงเล็กน้อย “จ่ายไม่ไหวรึ จ่ายหมื่นตำลึงเงินไม่ไหวแล้วพวกเจ้าจะติดป้ายประกาศรางวัลเพื่ออะไรกัน นี่จะหลอกข้ารึ”

เอ่อ~

หมื่นตำลึงเงินหรือ

เจ้าเมืองภูเขาดำอึ้งงันไปเลย “หมื่นตำลึงเงินอะไร ค่าตอบแทนที่ท่านเซียนว่าแค่หมื่นตำลึงเงินรึ”

เสิ่นเทียนมองเจ้าเมืองภูเขาดำเหมือนกับมองคนโง่ “ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเท่าไรล่ะ พวกเจ้าติดประกาศให้เงินรางวัล ข้ารับเงินทำงาน มีปัญหาอะไร”

ทันใดนั้น เจ้าเมืองภูเขาดำเป็นบ้าไปแล้ว

ดังนั้นค่าตอบแทนที่ท่านเซียนจะเอาคือหมื่นตำลึงเงิน แค่นี้เองหรือ

จะว่าไปถ้าคำนวณหมื่นตำลึงเงินเป็นศิลาวิญญาณก็ได้สิบก้อน ยังไม่พอซื้อยันต์ระเบิดอัสนีดีๆ สักแผ่นเลย!

ท่านไม่เสียดายจ่ายไปมากขนาดนั้นเพื่อกำจัดปีศาจยุงและรับเงินรางวัลแค่นี้หรือ

ไม่ใช่สิ ท่านเซียนไม่มีทางไร้สมองเช่นนี้แน่

จะต้องมีความหมายลึกซึ้งอีกแน่นอน!

ใช่แล้ว!

ท่านเซียนใช้เงินหมื่นตำลึงเงินเล็กจ้อยมาลดบรรยากาศตึงเครียดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเมืองภูเขาดำของเราไว้ สมกับเป็นเซียนจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ มีคุณธรรมและสติปัญญาสูงส่ง ทั้งยังมีความโอบอ้อมอารีจริงๆ

นี่ก็เพื่อไม่ให้เรารู้สึกบาปและละอายใจกับเรื่องนี้!

ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าเมืองภูเขาดำก็พูดด้วยความเคารพ “ขอให้ท่านเซียนรอเดี๋ยว ข้าจะไปนำหมื่นตำลึงเงินมาให้เดี๋ยวนี้”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนมองไปนอกเมือง “ไม่ต้องรีบ ปีศาจนั่นยังไม่ตาย!”

ยังไม่ตายรึ

เจ้าเมืองภูเขาดำหัวใจบีบรัดตัวก่อนรีบมองไปนอกเมือง เห็นหมอกโลหิตลอยขึ้นตรงทุ่งกว้างนอกเมืองตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

โลหิตกลางซากศพยุงโลหิตที่ถูกสังหารพวกนั้นรวมขึ้นมาทีละหยดอย่างรวดเร็ว อำนาจคุกคามพลันมาเยือนทั้งเมืองภูเขาดำ น่าสะพรึงยิ่งกว่าตอนปีศาจยุงปรากฏตัวเป็นสิบเท่า!

ชายชุดคลุมสีโลหิตปรากฏนอกยอดค่ายกลมังกรเขียว มือถือทวนยาวสีโลหิต แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาทั่วร่าง!

ใบหน้าเขาเหมือนกับปีศาจยุงก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงแต่กลิ่นอายพลังแกร่งกว่าปีศาจยุงนั่นไปไกลมาก เขามองเสิ่นเทียนอย่างเฉยชาราวกับมองคนที่ตายไปแล้ว จิตสังหารเย็นเยือก

“มนุษย์สารชั่ว ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกล้าสังหารบุตรชายของข้า วันนี้ข้าจะสูบกินเจ้าให้หมดตัว!”

ชั่วขณะที่พูดอยู่นั้น ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตนั้นก็กลายเป็นประกายแสงโลหิตพุ่งเข้ามากลางเมือง

ยอดค่ายกลสายฟ้ามังกรเขียวพลันถูกทวนยาวสีแดงในมือชายคนนั้นฉีกเป็นช่องหนึ่ง ไม่อาจต้านไว้ได้เลยแม้แต่ครู่เดียว

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตดวงตาแดงก่ำ จ้องเสิ่นเทียนเขม็ง

เขาแค้นเสิ่นเทียนเหลือล้นฟ้า!

เพราะเมื่อครู่ปีศาจยุงที่เสิ่นเทียนฆ่าไม่ใช่แค่บุตรชายของเขา แต่ยังเป็นบุตรชายแท้ๆ ที่มีความสำคัญกับเขาอย่างมาก

ครั้งนี้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตนำทัพยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำมากมายเช่นนี้ก็เพื่อใช้โลหิตบริสุทธิ์ของผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งเมืองมาเลี้ยงยุงโลหิตระดับแก่นพลังทองตัวนั้น

เดิมทีเขาคิดว่าหลายครั้งก่อนบุกโจมตีเมืองภูเขาดำเป็นเพียงการเล่นแบบเด็กๆ ไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่โต ต่อให้เมืองภูเขาดำขอกำลังเสริมมาจริงๆ อย่างมากสุดก็อยู่ราวๆ แก่นพลังทองสามรอบ

ตนรับมือได้ทั้งหมดอยู่แล้ว กระทั่งยังดูดเลือดอีกฝ่ายมาบำรุงให้ตัวเองได้

ถึงอย่างไรผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่ผักกาดขาว จะมาเมืองภูเขาดำเพียงเพื่อปีศาจยุงระดับ ‘เตรียมแก่นพลังทอง’ เล็กๆ ตัวเดียวได้อย่างไร

ทว่าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นเทียนที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นแม้จะไม่ถึงระดับแก่นพลังทอง แต่กลับมีสมบัติติดตัวเยอะขนาดนี้!

นั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีระดับสูงสุด ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานส่วนใหญ่จะเอาไว้เป็นไม้ตายก้นหีบ ไว้เป็นไพ่ตายเอาตัวรอด

แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์นี่กลับเอามาเป็นปุ่มกดโจมตีปกติ ทั้งยังสะบัดทีเป็นปึก

เจอกับการโจมตีเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองก็ต้องกลัวกระมัง!

เดิมทีถึงจะเป็นเช่นนั้น เสวี่ยเหวินเค่อก็คงไม่ถึงกับสิ้นชีพลงในพริบตา หลักๆ คือเสิ่นเทียนเล่นสกปรกเกินไป ตอนแรกก็ยิงปืนปทุมฆาตเทพใส่เสวี่ยเหวินเค่ออย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นใช้เถากลืนกินเซียนมัดเสวี่ยเหวินเค่อคุมตัวเขาเอาไว้

เถาวัลย์นั่นแข็งแรงมาก ขนาดเสวี่ยเหวินเค่อระดับแก่นพลังทองยังดิ้นไม่หลุด สุดท้ายก็โดนระเบิดอัสนีระเบิดตาย

ความเร็วในการจู่โจมเร็วจนแม้แต่เขายังช่วยไม่ทัน!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง เขารู้สึกว่าเถาวัลย์นั่นไม่ธรรมดามาก!

กระทั่ง…มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินในตำนาน…ไม้วิญญาณ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใจของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็เร่าร้อนขึ้นมา หากเป็นไม้วิญญาณจริงๆ ฆ่าเจ้าเด็กนี่แล้วก็จะเยียวยาบรรพบุรุษได้!

ความคิดหมุนวนอยู่ในใจ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพุ่งเข้ามากลางเมืองแล้ว พริบตาเดียวก็มาอยู่หน้าเสิ่นเทียน ก่อนแทงทวนยาวสีโลหิตในมือใส่เสิ่นเทียน

ตอนนี้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นอัดแน่นไปทั้งกำแพงเมือง กลิ่นอายอสูรล้นฟ้า กลิ่นชวนอาเจียน

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาเหมือนมองเห็นภาพเสิ่นเทียนถูกทวนเทพโลหิตทะลวง ส่งเสียงโอดครวญขอชีวิตแล้ว!

อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเทียนที่เห็นผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเข้ามาใกล้เหมือนกับตกใจจนโง่งม ไม่ขยับเลย

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม เป็นไก่อ่อนที่ไม่เคยผ่านโลกมาจริงๆ พอเจออันตรายเป็นตายก็ตกใจเสียจนลืมหลบ

เหอะๆ มนุษย์โง่เขลา ตายเสียเถอะ!

ข้าจะสูบเลือดเจ้าให้หมดตัว!

ทวนยาวสีโลหิตมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรง มวลอากาศตรงปลายทวนยังบิดรูป แตกกระจาย อานุภาพของทวนนี้น่าสะพรึงถึงขีดสุด!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมองมาด้วยแววตาเหี้ยมโหดพร้อมกับทวนเทพโลหิตโจมตีใส่หน้าอกเสิ่นเทียนอย่างรุนแรง ทว่ากลับไม่เกิดภาพทวนเทพทะลวงเสิ่นเทียนอย่างที่เขาจินตนาการขึ้น

เพราะจู่ๆ ก็ปรากฏภาพยันต์แปดทิศสีทองสว่างจ้าขึ้นตรงหน้าอกเสิ่นเทียน ก่อนจะหมุนวนไม่หยุด กระจายแรงดูดรุนแรงออกมา

มันไม่ใช่แค่ต้านการโจมตีของทวนยาวไว้ แต่ยังดูดทวนยุงโลหิตในมือผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเอาไว้แน่น ทำให้เขาดึงทวนถอยไปไม่ได้

โดน…โดนดูดแล้ว!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะลึงไปเลย นี่เป็นไปได้อย่างไร!

แค่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานเล็กจ้อยจะใช้หน้าอกต้านทวนเทพโลหิตของข้าได้อย่างไร

ส่วนอกของเจ้านี่ทำขึ้นจากทองคำเซียนรึ

ชิ้นส่วนชุดเกราะสีทองลอยขึ้นรอบตัวเสิ่นเทียนก่อนหุ้มเขาไว้ทั้งตัว ดูองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง

ตอนนี้เส้นขอบฟ้าปรากฏแสงสีแดงแล้ว แสงตะวันแรกส่องบนเกราะนักรบของเสิ่นเทียนส่องประกายแสงระยิบระยับ!

เสิ่นเทียนในยามนี้เหมือนกับเทพสงครามลงมาเยือน!

เขายกมุมปากเล็กน้อยให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่กำลังตาค้างอ้าปากกว้าง “ล่อเจ้าออกมาได้สักที!”

เสิ่นเทียนพูดพร้อมกับคว้าทวนเทพโลหิตไว้ ไม่ให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตดึงทวนยาวกลับไป พร้อมกันนั้นยังมีเชือกเส้นใหญ่สีเขียวอมดำลอยออกมาจากตัวเสิ่นเทียน พันร่างผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้อย่างฉับไว

นั่นคือโซ่จองจำเซียนที่หลอมขึ้นจากเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณ หลังจากหลอมมาก็มากพอจะใช้พันธนาการผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณได้ จัดการได้ยากยิ่ง

แม้เสิ่นเทียนจะไม่มีทางพันธนาการผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณนี่ได้นานนัก แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือเวลาหายใจสั้นๆ สองสามลมหายใจ

เดิมทีด้วยความเร็วของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ถ้าโดนดูดอาวุธและทำใจปล่อยมือได้ เถาจองจำเซียนจะพันธนาการเขาไม่ได้ง่ายๆ เลย

แต่ว่าตอนนี้กลยุทธ์ผิดพลาด ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอยากจะพลิกตัวกลับมาอีกมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว!

เถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณพันสองแขนของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ เถากลืนกินเซียนสีเขียวมรกตมุดขึ้นมาจากใต้ดินและมัดขาสองข้างผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้

เกิดเหตุการณ์คุ้นๆ ขึ้นอีกครั้ง ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางมหาศาลลอยไปทางผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตกันมืดฟ้ามัวดิน ราวกับไม่ต้องใช้เงินแล้ว

……

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแค่นยิ้ม “เจ้าคิดว่าอุบายแบบเดิมจะได้ผลกับข้ารึ”

น่าหัวร่อ!

เขตแดนเทพโลหิต!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะโกนเสียงดัง พลันเปล่งแสงสีแดงเข้มข้นออกมาทั่วร่าง ปกคลุมทั้งตัวเขาเอาไว้

ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางนับไม่ถ้วนระเบิดบนผิวกายผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ทว่าก็โดนเขตแดนเทพโลหิตขวางไว้นอกผิวกาย ไม่ได้ทำอันตรายกับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแม้แต่น้อย

ยันต์ระเบิดอัสนีพวกนี้ก็ยังเป็นเพียงยันต์ระดับสร้างฐาน จำนวนมากก็สังหารระดับแก่นพลังทองได้ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณ ก็ยังไร้พลังไปอย่างเห็นได้ชัด!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะโกนเสียงดัง โซ่จองจำเซียนบนผิวกายคลายออกเบาๆ เหมือนจะยืนหยัดได้อีกไม่นานเท่าไรแล้ว

“เจ้ามนุษย์ ข้ายอมรับว่าเจ้าเจ้าเล่ห์มาก ทั้งยังมีสมบัติทั้งตัว!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมองเสิ่นเทียนด้วยความละโมบ “น่าเสียดายก็แต่พลังบำเพ็ญของเจ้าต่ำเกินไป สมบัติล้ำค่าสุดยอดพวกนี้อยู่กับเจ้าไปก็เสียของ!

เลิกต่อต้านและยอมรับความตายเสียดีๆ เถอะ! ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าถวายสมบัติสุดยอดมากมายให้ ข้าจะให้ศพเจ้ายังอยู่ครบ!

อ้อ แล้วยังมีเกราะนักรบในตัวเจ้าด้วย ไม่อยากเชื่อว่าจะต้านการโจมตีสุดยอดของข้าได้! สมบัติสุดยอดเช่นนี้มีแต่ต้องสวมตัวข้าเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับคุณค่าของมัน! รอเจ้าตายแล้วข้าจะดูแลมันอย่างดีเลย!”

ยันต์ระเบิดอัสนีหลายร้อยแผ่นระเบิด ทำให้การป้องกันเขตแดนบนผิวกายผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตบางลงไปมาก ทว่าก็ยังไม่อาจทะลวงเขตแดนเทพโลหิตลงได้ ปราการชั้นนี้มันแข็งเกินไป

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมองเสิ่นเทียนด้วยความอวดดี ขณะกำลังจะดิ้นให้หลุดจากโซ่จองจำเซียนและส่งเสิ่นเทียนขึ้นสวรรค์นั้น

ไม่นานรอยยิ้มอวดดีของเขาก็แข็งทื่อไป “ไอ้…ไอ้ระยำ!”

พบว่ามีปืนสั้นสีดำแปดกระบอกลอยอยู่ข้างหลังเสิ่นเทียน จ่อใส่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพร้อมกับปืนปทุมฆาตเทพ ในเวลาเดียวกันนั้น ยันต์ระเบิดอัสนีที่มากกว่าก่อนหน้านี้ก็พุ่งใส่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเหมือนกับไม่ต้องใช้เงินแล้ว นับดูคร่าวๆ มีสามถึงห้าร้อยแผ่น!

ทว่าพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่รุนแรงที่สุด มันทำได้แค่ให้เขตแดนเทพโลหิตบนผิวกายผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เท่านั้น

สิ่งที่รุนแรงที่สุดคือร่างเงาองอาจห้าวหาญในชุดผ้าเนื้อหยาบคนนั้นที่ลอยอยู่ข้างหลังเสิ่นเทียน ชายวัยกลางคนผ้าเนื้อหยาบนั้นถือกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่ง แทงออกไปเนิบๆ

เจตจำนงกระบี่ธารนิรันดร์สะเทือนฟ้าดิน!

ประกายแสงกระบี่ทรงพลังพลันปรากฏขึ้นระหว่างท้องนภา ชั่วพริบตาเดียวประกายแสงกระบี่จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากสามเป็นพันเป็นหมื่น

ก่อนจะกลายเป็นธารนิรันดร์ไอกระบี่สายหนึ่ง หมุนม้วนพุ่งออกไปพร้อมกับอานุภาพกระบี่ไร้ที่สิ้นสุด

หากผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสต้านกระบวนท่านี้ได้เลย อย่างมากก็แค่บาดเจ็บสาหัส ทว่าตอนนี้เขายังดิ้นไม่หลุดจากเถาวัลย์ กระทั่งเขตแดนเทพโลหิตบนผิวกายยังถูกระเบิดต่อเนื่องลดทอนกำลังถึงขีดจำกัดแล้วด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับเจตจำนงกระบี่ธารนิรันดร์แห่งวิญญาณกระบี่ในป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ เขาจะต้านไหวหรือ จึงถูกไอกระบี่จมหายไปในทันใด

เสิ่นเทียนอยู่ตรงกลางไอกระบี่ เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรบนตัวเปล่งแสงทองสว่างพร่างพราว

เขาไม่กลัวโดนลูกหลงจากไอกระบี่แม้แต่น้อย เพราะซ้อนเกราะไว้หนาพอ!

ขอแค่เสิ่นเทียนไม่หมดพลังฤทธิ์ ต่อให้เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรยืนให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตโจมตี นั่นก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!

นี่ก็คือความมั่นใจที่เขาไม่เกรงกลัวผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเลย!

เมื่อธารไอกระบี่สลายหายไปจนหมด ร่างของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกฟันเป็นฟองโลหิตเต็มฟ้า เหลือเพียงศีรษะที่ยังถือว่าสมบูรณ์ โดนกระดาษสีแดงอมทองแผ่นหนึ่งขวางไว้ข้างหลัง พอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้!

ตอนนี้ไอกระบี่สลายไป ศีรษะนั้นรีบม้วนกระดาษสีแดงอมทองหมายจะหนีไป

แต่เสิ่นเทียนจะให้เป็ดในมือบินหนีไปหรือ

เขาเรียกค้อนม่วงทองออกมาในมือขวา ก่อนจะขยายใหญ่เป็นสิบเท่าในพริบตาและทุบลงมา!

ตึง!

ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกเสิ่นเทียนทุบกลางอากาศ ส่งเสียงวิ้งดังไปทั้งศีรษะ

จากนั้นเสิ่นเทียนยิงเถายาวสีเขียวมรกตออกจากมือซ้าย พันศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้เป็นบ๊ะจ่างลูกใหญ่ ส่วนกระดาษสีแดงอมทองนั้นก็ถูกเสิ่นเทียนดูดมาไว้ในมือ ชั่งน้ำหนักดูแล้วมันหนักกว่าที่คิด

คาดการณ์คร่าวๆ กระดาษแผ่นเล็กแค่นี้ เกรงว่าคงมีน้ำหนักอย่างน้อยหลายร้อยชั่งขึ้นไปเลย

เสิ่นเทียนมองกระดาษสีแดงอมทองนั้นด้วยรอยยิ้มปลื้มใจ เขาเดินทางไกลมาถึงเมืองภูเขาดำก็เพื่อสิ่งนี้

ตอนนี้ได้สมบัติสุดยอดมาไว้ในมือ บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยังมาไม่ถึง ครั้งนี้ถือว่าสบายใจได้แล้ว

เขาควบคุมเถากลืนกินเซียนให้ดูดศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมาไว้ในมือและชั่งน้ำหนักอย่างเบามือ

ใบหน้าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเต็มไปด้วยความโมโห “นักรบฆ่าได้หยามไม่ได้ มนุษย์อย่างเจ้าไร้มารยาทเช่นนี้เลยรึ!”

ไร้มารยาทหรือ

ปีศาจอย่างเจ้ายังมาคุยเรื่องมารยาทกับข้าหรือ

เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าอยากแทงทวนยาวใส่ตัวข้ารึ

เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อย เถากลืนกินเซียนยัดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต “เมื่อครู่เจ้าจะสูบเลือดข้าให้หมดตัวไม่ใช่รึ ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าสูบ! ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะสูบข้าหมดตัวหรือข้าจะสูบเจ้าหมดตัวกันแน่!”

อู้~

อู้ๆ~

อู้ๆๆ~

ในดวงตาของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตฝากน้ำตาแห่งความอัปยศอดสูและดิ้นรนเอาไว้

……

ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปร้อยลี้นอกเมืองภูเขาดำ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนรถสงครามดาราคันหนึ่ง

ช่วงนี้ดวงจิตดรุณเขาผันผวน จิตใจไม่มั่นคง จึงอยากจะหาปีศาจมาระบายสักหน่อย

ในช่วงหลายวันมานี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือรับงานปราบมารระดับดวงจิตดรุณในเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมาหมดแล้ว

และวันนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะเดินทางมาเมืองภูเขาดำเพื่อสังหารปีศาจยุงตัวหนึ่ง

สารภาพตามตรง ปีศาจยุงเตรียมแก่นพลังทองตัวเดียวไม่อยู่ในสายตาเขาจริงๆ แต่ที่เขาตั้งใจมาปราบปีศาจหลักๆ เป็นเพราะระดับพลังของปีศาจยุงนี่พัฒนาเร็วมาก ในเวลาสามสี่เดือนสั้นๆ จากหลอมปราณขึ้นมาถึงเตรียมแก่นพลังทองได้

นี่ทำให้ในใจบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเกิดความอยากรู้อยากเห็นนิดๆ หรือว่าปีศาจนี่จะเจอมหาโชคลิขิตอะไรบางอย่าง

ว่างพอดี บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจึงตัดสินใจไปดูสักครั้ง

ทว่าตอนนี้เข้าใกล้เมืองภูเขาดำแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพลันรู้สึกแปลกๆ กลิ่นอายชั่วช้าเข้มข้นปกคลุมทั่วร่าง ทำให้เขาใจเต้นตึกๆ

เหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้น

ความรู้สึกนี้เลือนรางเหมือนเคยรู้จักมาก่อน!

พอคิดได้ดังนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจึงอดระแวงขึ้นมามิได้

แต่คิดไปคิดมา ปีศาจระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้ล่ะ จะต้องเป็นเพราะช่วงนี้โดนผลจากปีศาจบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่นแน่ๆ สภาพจิตใจถึงยังไม่ฟื้นฟูกลับมา!

ต้องรีบไปทรมานปีศาจอ่อนแอพวกนั้น หาความรู้สึกภาคภูมิในตัวเองหน่อย!

แบบนี้สิถึงจะเรียก ‘หัวใจอันไร้พ่าย’ กลับคืนมาได้เร็วที่สุด!

ไม่ผิด เป็นเช่นนี้แหละ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ส่งวิชาเข้าไปในรถสงครามดารา ทันใดนั้นรถสงครามดาราก็พุ่งไปเร็วยิ่งกว่าเดิม!

……………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน