บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง!
รถม้าดารามุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดภายใต้ยามรุ่งอรุณขมุกขมัว ม้าสวรรค์ที่ลากรถสี่ตัวเป็นสายพันธุ์แปลก บนหัวมีเขาสีเงินอันหนึ่งงอกออกมา
แสงรุ่งอรุณสาดบนตัวม้าสวรรค์ สะท้อนเป็นแสงดารารางๆ ดูงดงามเป็นพิเศษ
นี่คือรถม้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตั้งใจเปลี่ยนหลังจากทะลวงระดับดวงจิตดรุณ และยังเป็นหน้าเป็นตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
บุตรศักดิ์สิทธิ์เร่งรถม้าดาราสุดกำลัง ระยะทางร้อยลี้แทบจะถึงที่หมายในชั่วครู่เดียว ช่วงที่เฉินจงเทียนใกล้ถึงเมืองภูเขาดำนั้นเขาพลันมีสีหน้าเป็นสมาธิเล็กน้อย
เพราะเขาเห็นสีโลหิตเป็นผืน นั่นคือฝูงยุงโลหิตรวมกันแน่นขนัดราวกับพายุฝน กำลังล้อมอยู่นอกเมืองภูเขาดำ ดูน่าตกใจมาก
“บังอาจ! ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอสูรกล้าบุกเมืองขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือข้า!”
แววตาเฉินจงเทียนเย็นชาเล็กน้อย กลิ่นอายสังหารเผยออกมาโล่งโจ้ง
เขาไม่ได้สนใจที่เผ่าปีศาจสังหารคน เพราะเรื่องเผ่าปีศาจสังหารคนในดินแดนบูรพาเป็นเรื่องปกติมาก แต่เมืองภูเขาดำเป็นเมืองขึ้นของเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ปีศาจยุงโลหิตพวกนี้ล้อมโจมตีเมืองภูเขาดำ นั่นเท่ากับการท้าทายอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ
ต้องประหาร!
อีกทั้งเฉินจงเทียนยังมีแผนอยู่ในใจด้วย ถึงเขาจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่ฐานะในฝ่ายก็ไม่ได้สูงมาก
เพราะเขาติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมาตลอด เหมือนเป็นเมืองขึ้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฐานะจึงต่ำมาก
ในแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยังมีว่าที่โอรสสวรรค์ที่มีกำลังรบด้อยกว่าเขาเล็กน้อยอยู่หลายคน ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะคุกคามถึงฐานะของเขา ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงไม่รู้สึกปลอดภัยมาตลอด
ความรู้สึกปลอดภัยนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็พอจะให้เขาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงต้องทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง
อย่างเช่น…ชักจูงทิศทางคำวิจารณ์!
ก็เหมือนกับหายนะยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำในตอนนี้ เดิมทีถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องมีศพนอนเกลื่อนโลหิตไหลเป็นแม่น้ำ แต่เนื่องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เฉินจงเทียนมากวาดล้างปีศาจทันเวลา ช่วยคนธรรมดานับล้านในเมืองได้ สร้างคุณูปการไร้ที่สิ้นสุด!
เรื่องเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ในด้านวัตถุใดๆ เลยกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่กลับทำให้ทุกเมืองขึ้นรู้สึกเป็นครอบครัวกันมากขึ้น
และเฉินจงเทียนที่ ‘ช่วยอาณาประชาราษฎร์’ ก็ต้องได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในสำนัก
แม้จะเป็นเพียงการชมเชยเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น นัยน์ตาเฉินจงเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา แม้แต่ดวงจิตดรุณยังฮึกเหิม
เขาถือกระบี่เจ็ดดาวเหนือควบรถม้าดาราพุ่งไปกลางฝูงยุงโลหิตหนาแน่นนั้นด้วยความเร็วสูงสุด!
“ดาราเก้าสวรรค์ส่องแสง จงเป็นกระบี่ของข้า ดาวเหนือนำทาง แสงส่องสว่างโบราณกาล!”
รถม้าดาราพลันพุ่งมาอยู่นอกฝูงยุงโลหิต เฉินจงเทียนยืนบนรถม้าอย่างห้าวหาญ กระบี่ยาวในมือพลันยิงไอกระบี่ส่องแสงสว่างพร่างพราวออกไปหลายสิบสาย
ไอกระบี่ผ่านไปที่ใดจะฟันยุงโลหิตนับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น อานุภาพเป็นหนึ่ง
นัยน์ตาเฉินจงเทียนเป็นประกายโอหัง ขณะกำลังคิดคำพูดโอ้อวดสูงส่ง เสแสร้งต่อหน้าชาวเมืองภูเขาดำนั้น เขาก็รู้สึกว่ารถม้าใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรง
วินาทีต่อมา ม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวชักกระตุกกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้อง
‘ฮี่ๆๆๆ~’
ขนจากสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะพลันกลายเป็นสีดำสนิท ทั้งยังตั้งขึ้นเหมือนกับสุนัขกำลังโกรธ!
ที่แท้ก็เป็นเพราะฝูงยุงโลหิตหนาแน่นเกินไปจนบังยอดค่ายกลมังกรเขียวเทพสวรรค์ที่ปกคลุมเมืองไว้ ม้าสวรรค์สี่ตัวใจคิดอยากจะทะลวงปราการฝูงยุงโลหิตจึงไม่ได้ลดความเร็วลงเลย
ดังนั้นหลังพวกมันบุกทะลวงฝูงยุงโลหิตแล้วก็เอาหัวชนกับปราการยอดค่ายกล
ม้าสวรรค์สี่ตัวนี้เป็นสัตว์ดาราเขาเดียวระดับสูงสุด ภายนอกสุดยอด ความเร็วในการวิ่งยังเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับแก่นพลังทอง
แต่กำลังรบของพวกมันเทียบเท่าเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน กระทั่งยังสู้ไม่ได้เล็กน้อย
ส่วนทางด้านเสิ่นเทียนหลังจากปราบผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแล้ว ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยความจำใจ เขาเลยได้แต่กระตุ้นยอดค่ายกลมังกรเขียวให้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่กักพลังไว้อีก
ยอดค่ายกลอัสนีระดับนี้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามรอบบุกมาก็ต้องโดนสายฟ้าผ่าบาดเจ็บไปบ้าง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงม้าสวรรค์สี่ตัว
จนเมื่อเฉินจงเทียนตั้งสติกลับมาได้และจะช่วยม้าสวรรค์สี่ตัวนั้น ม้าสวรรค์ระดับสูงสุดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์สี่ตัวนั้น…ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมเนื้อ อืม หอมมาก!
หัวใจเฉินจงเทียนหลั่งเลือดทันที!
พึงรู้ไว้ว่านั่นคือม้าสวรรค์เขาเดียวที่มีสายเลือดตรงของสัตว์เขาเดียว เป็นสายเลือดบริสุทธิ์!
แม้ตอนนี้จะอยู่เพียงระดับสร้างฐาน แต่ทุกตัวมีพลังแฝงที่ยกระดับไปแก่นพลังทองได้ เลี้ยงดีๆ ยังถึงขั้นรวมตัวเป็นดรุณได้
ต่อให้ม้าสวรรค์ดาราสี่ตัวนี้ยังเยาว์วัย เฉินจงเทียนก็ต้องจ่ายหนักกว่าจะซื้อมาได้ ก็เพื่อภายภาคหน้าเลี้ยงมันโตขึ้นมาแล้ว จะได้ขี่พวกมันออกเดินทาง แสดงความนับหน้าถือตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้น เสียงคัดค้านในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็จะลดน้อยลงไปมาก
แต่เฉินจงเทียนไม่คาดคิดเลยว่าเพิ่งซื้อม้าล้ำค่ามาไม่กี่วันก็ชนเสียแล้ว!
ม้าล้ำค่าสี่ตัวโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมโชยไปสิบลี้
ต่อให้เฉินจงเทียนมองโลกในแง่ดีกว่านี้ก็รู้ว่าคงช่วยม้าล้ำค่าลูกรักของเขาไม่ได้แล้ว ได้แต่น้ำตาคลอ…
ไม่ใช่แค่นั้น รถม้าที่เฉินจงเทียนตั้งใจตกแต่งอย่างหรูหรายิ่งยังชนกับยอดค่ายกลมังกรเขียวเต็มๆ
เดิมทียอดค่ายกลมังกรเขียวรับการโจมตีของยุงโลหิตก็ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้มีรถม้าหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณพุ่งชนด้วยความเร็วเช่นนี้อีก
ทั้งยอดค่ายกลจึงพังทลายลง ส่วนรถม้าก็โดนพลังหลงเหลือสุดท้ายของยอดค่ายกลระเบิดแหลกละเอียด!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาคับแค้นใจที่ชาวเมืองมองตนแล้ว เฉินจงเทียนถึงกับอึ้งไปเลย
ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ใด เหตุใดถึงมียอดค่ายกล!
ลูกม้าข้า เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมโชยมาล่ะ!
…….
เวลานี้ เฉินจงเทียนยืนเหม่ออยู่บนฟ้าพลางสงสัยในชีวิต
ทางด้านเสิ่นเทียนไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถึงอย่างไรฝูงยุงโลหิตก็บุกเมืองมาแล้ว ถ้ายุงโลหิตมืดฟ้ามัวดินนั้นปะทะกับชาวบ้านธรรมดาในเมือง เพียงครู่เดียวคงมีศพเกลื่อนกลาด!
แม้เขาจะมีกำลังรบเอาชนะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้อย่างถูกต้องชอบธรรม แต่ก็ได้แค่ปกป้องตัวเองในฝูงยุงโลหิตเท่านั้น
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ฝูงยุงโลหิตเป็นแสนเป็นล้านตัวจะเฮโลกันเข้าเมืองมา ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางสังหารได้หมดในพริบตา
ภายในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีวิธีแน่ ให้ยุงโลหิตพวกนี้ถอยไปให้หมด เร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้า!”
ตอนนี้ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกเถากลืนกินเซียนมัดไว้เหมือนกับบ๊ะจ่าง แม้แต่ดวงจิตดรุณยังถูกเถากลืนกินเซียนที่มุดเข้าไปในปากมัดไว้อย่างแน่นหนา
เขามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจพลางส่งกระแสจิตไป “ขอแค่เจ้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าจะให้พวกมันถอยไปทันที”
เสิ่นเทียนปากกระตุกเล็กน้อย “โอ้ ยังกล้าขู่ข้าอีกรึ ได้ ข้าสาบาน ขอแค่เจ้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตขบคิด “และก็ห้ามสั่งให้คนอื่นมาฆ่าข้าด้วย!”
เสิ่นเทียนเอาค้อนทุบศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปอีกที “เจ้าจะพูดอะไรเยอะแยะ ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง! รีบให้ยุงโลหิตพวกนี้ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าล้างฝูงยุงโลหิตพวกนี้ อย่างมากก็แค่ใช้ไพ่ตาย!”
เจ้ายังมีไพ่ตายอีกรึ
พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็สิ้นหวัง
เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานตัวเล็กๆ สู้ระดับแก่นพลังทองได้ไม่เท่าไร
แต่ในตัวยังมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอย่างวารีแท้และไม้วิญญาณ ประกอบกับเกราะศักดิ์สิทธิ์และป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ ขนาดระดับดวงจิตดรุณยังตาย
นี่ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเจ้าหรือ
ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตยอมรับว่ากลัว เจอลูกหมาป่าเช่นนี้ มันจะทำอะไรได้
“เอาของสิ่งนั้นของเจ้าขยับออกในปากข้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าสำแดงวิชาลับไม่ได้”
เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนคลายเถากลืนกินเซียนที่มัดดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ แต่เขาไม่ได้เชื่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอย่างสนิทใจ ปืนปทุมฆาตเทพกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแปดกระบอกยังจ่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน