บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 190

บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง!

รถม้าดารามุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดภายใต้ยามรุ่งอรุณขมุกขมัว ม้าสวรรค์ที่ลากรถสี่ตัวเป็นสายพันธุ์แปลก บนหัวมีเขาสีเงินอันหนึ่งงอกออกมา

แสงรุ่งอรุณสาดบนตัวม้าสวรรค์ สะท้อนเป็นแสงดารารางๆ ดูงดงามเป็นพิเศษ

นี่คือรถม้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตั้งใจเปลี่ยนหลังจากทะลวงระดับดวงจิตดรุณ และยังเป็นหน้าเป็นตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

บุตรศักดิ์สิทธิ์เร่งรถม้าดาราสุดกำลัง ระยะทางร้อยลี้แทบจะถึงที่หมายในชั่วครู่เดียว ช่วงที่เฉินจงเทียนใกล้ถึงเมืองภูเขาดำนั้นเขาพลันมีสีหน้าเป็นสมาธิเล็กน้อย

เพราะเขาเห็นสีโลหิตเป็นผืน นั่นคือฝูงยุงโลหิตรวมกันแน่นขนัดราวกับพายุฝน กำลังล้อมอยู่นอกเมืองภูเขาดำ ดูน่าตกใจมาก

“บังอาจ! ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอสูรกล้าบุกเมืองขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือข้า!”

แววตาเฉินจงเทียนเย็นชาเล็กน้อย กลิ่นอายสังหารเผยออกมาโล่งโจ้ง

เขาไม่ได้สนใจที่เผ่าปีศาจสังหารคน เพราะเรื่องเผ่าปีศาจสังหารคนในดินแดนบูรพาเป็นเรื่องปกติมาก แต่เมืองภูเขาดำเป็นเมืองขึ้นของเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ปีศาจยุงโลหิตพวกนี้ล้อมโจมตีเมืองภูเขาดำ นั่นเท่ากับการท้าทายอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ต้องประหาร!

อีกทั้งเฉินจงเทียนยังมีแผนอยู่ในใจด้วย ถึงเขาจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่ฐานะในฝ่ายก็ไม่ได้สูงมาก

เพราะเขาติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมาตลอด เหมือนเป็นเมืองขึ้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฐานะจึงต่ำมาก

ในแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยังมีว่าที่โอรสสวรรค์ที่มีกำลังรบด้อยกว่าเขาเล็กน้อยอยู่หลายคน ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะคุกคามถึงฐานะของเขา ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงไม่รู้สึกปลอดภัยมาตลอด

ความรู้สึกปลอดภัยนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็พอจะให้เขาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงต้องทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง

อย่างเช่น…ชักจูงทิศทางคำวิจารณ์!

ก็เหมือนกับหายนะยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำในตอนนี้ เดิมทีถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องมีศพนอนเกลื่อนโลหิตไหลเป็นแม่น้ำ แต่เนื่องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เฉินจงเทียนมากวาดล้างปีศาจทันเวลา ช่วยคนธรรมดานับล้านในเมืองได้ สร้างคุณูปการไร้ที่สิ้นสุด!

เรื่องเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ในด้านวัตถุใดๆ เลยกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่กลับทำให้ทุกเมืองขึ้นรู้สึกเป็นครอบครัวกันมากขึ้น

และเฉินจงเทียนที่ ‘ช่วยอาณาประชาราษฎร์’ ก็ต้องได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในสำนัก

แม้จะเป็นเพียงการชมเชยเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นัยน์ตาเฉินจงเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา แม้แต่ดวงจิตดรุณยังฮึกเหิม

เขาถือกระบี่เจ็ดดาวเหนือควบรถม้าดาราพุ่งไปกลางฝูงยุงโลหิตหนาแน่นนั้นด้วยความเร็วสูงสุด!

“ดาราเก้าสวรรค์ส่องแสง จงเป็นกระบี่ของข้า ดาวเหนือนำทาง แสงส่องสว่างโบราณกาล!”

รถม้าดาราพลันพุ่งมาอยู่นอกฝูงยุงโลหิต เฉินจงเทียนยืนบนรถม้าอย่างห้าวหาญ กระบี่ยาวในมือพลันยิงไอกระบี่ส่องแสงสว่างพร่างพราวออกไปหลายสิบสาย

ไอกระบี่ผ่านไปที่ใดจะฟันยุงโลหิตนับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น อานุภาพเป็นหนึ่ง

นัยน์ตาเฉินจงเทียนเป็นประกายโอหัง ขณะกำลังคิดคำพูดโอ้อวดสูงส่ง เสแสร้งต่อหน้าชาวเมืองภูเขาดำนั้น เขาก็รู้สึกว่ารถม้าใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรง

วินาทีต่อมา ม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวชักกระตุกกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้อง

‘ฮี่ๆๆๆ~’

ขนจากสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะพลันกลายเป็นสีดำสนิท ทั้งยังตั้งขึ้นเหมือนกับสุนัขกำลังโกรธ!

ที่แท้ก็เป็นเพราะฝูงยุงโลหิตหนาแน่นเกินไปจนบังยอดค่ายกลมังกรเขียวเทพสวรรค์ที่ปกคลุมเมืองไว้ ม้าสวรรค์สี่ตัวใจคิดอยากจะทะลวงปราการฝูงยุงโลหิตจึงไม่ได้ลดความเร็วลงเลย

ดังนั้นหลังพวกมันบุกทะลวงฝูงยุงโลหิตแล้วก็เอาหัวชนกับปราการยอดค่ายกล

ม้าสวรรค์สี่ตัวนี้เป็นสัตว์ดาราเขาเดียวระดับสูงสุด ภายนอกสุดยอด ความเร็วในการวิ่งยังเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับแก่นพลังทอง

แต่กำลังรบของพวกมันเทียบเท่าเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน กระทั่งยังสู้ไม่ได้เล็กน้อย

ส่วนทางด้านเสิ่นเทียนหลังจากปราบผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแล้ว ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยความจำใจ เขาเลยได้แต่กระตุ้นยอดค่ายกลมังกรเขียวให้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่กักพลังไว้อีก

ยอดค่ายกลอัสนีระดับนี้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามรอบบุกมาก็ต้องโดนสายฟ้าผ่าบาดเจ็บไปบ้าง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงม้าสวรรค์สี่ตัว

จนเมื่อเฉินจงเทียนตั้งสติกลับมาได้และจะช่วยม้าสวรรค์สี่ตัวนั้น ม้าสวรรค์ระดับสูงสุดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์สี่ตัวนั้น…ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมเนื้อ อืม หอมมาก!

หัวใจเฉินจงเทียนหลั่งเลือดทันที!

พึงรู้ไว้ว่านั่นคือม้าสวรรค์เขาเดียวที่มีสายเลือดตรงของสัตว์เขาเดียว เป็นสายเลือดบริสุทธิ์!

แม้ตอนนี้จะอยู่เพียงระดับสร้างฐาน แต่ทุกตัวมีพลังแฝงที่ยกระดับไปแก่นพลังทองได้ เลี้ยงดีๆ ยังถึงขั้นรวมตัวเป็นดรุณได้

ต่อให้ม้าสวรรค์ดาราสี่ตัวนี้ยังเยาว์วัย เฉินจงเทียนก็ต้องจ่ายหนักกว่าจะซื้อมาได้ ก็เพื่อภายภาคหน้าเลี้ยงมันโตขึ้นมาแล้ว จะได้ขี่พวกมันออกเดินทาง แสดงความนับหน้าถือตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น เสียงคัดค้านในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็จะลดน้อยลงไปมาก

แต่เฉินจงเทียนไม่คาดคิดเลยว่าเพิ่งซื้อม้าล้ำค่ามาไม่กี่วันก็ชนเสียแล้ว!

ม้าล้ำค่าสี่ตัวโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมโชยไปสิบลี้

ต่อให้เฉินจงเทียนมองโลกในแง่ดีกว่านี้ก็รู้ว่าคงช่วยม้าล้ำค่าลูกรักของเขาไม่ได้แล้ว ได้แต่น้ำตาคลอ…

ไม่ใช่แค่นั้น รถม้าที่เฉินจงเทียนตั้งใจตกแต่งอย่างหรูหรายิ่งยังชนกับยอดค่ายกลมังกรเขียวเต็มๆ

เดิมทียอดค่ายกลมังกรเขียวรับการโจมตีของยุงโลหิตก็ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้มีรถม้าหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณพุ่งชนด้วยความเร็วเช่นนี้อีก

ทั้งยอดค่ายกลจึงพังทลายลง ส่วนรถม้าก็โดนพลังหลงเหลือสุดท้ายของยอดค่ายกลระเบิดแหลกละเอียด!

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาคับแค้นใจที่ชาวเมืองมองตนแล้ว เฉินจงเทียนถึงกับอึ้งไปเลย

ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ใด เหตุใดถึงมียอดค่ายกล!

ลูกม้าข้า เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมโชยมาล่ะ!

…….

เวลานี้ เฉินจงเทียนยืนเหม่ออยู่บนฟ้าพลางสงสัยในชีวิต

ทางด้านเสิ่นเทียนไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถึงอย่างไรฝูงยุงโลหิตก็บุกเมืองมาแล้ว ถ้ายุงโลหิตมืดฟ้ามัวดินนั้นปะทะกับชาวบ้านธรรมดาในเมือง เพียงครู่เดียวคงมีศพเกลื่อนกลาด!

แม้เขาจะมีกำลังรบเอาชนะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้อย่างถูกต้องชอบธรรม แต่ก็ได้แค่ปกป้องตัวเองในฝูงยุงโลหิตเท่านั้น

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ฝูงยุงโลหิตเป็นแสนเป็นล้านตัวจะเฮโลกันเข้าเมืองมา ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางสังหารได้หมดในพริบตา

ภายในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีวิธีแน่ ให้ยุงโลหิตพวกนี้ถอยไปให้หมด เร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้า!”

ตอนนี้ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกเถากลืนกินเซียนมัดไว้เหมือนกับบ๊ะจ่าง แม้แต่ดวงจิตดรุณยังถูกเถากลืนกินเซียนที่มุดเข้าไปในปากมัดไว้อย่างแน่นหนา

เขามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจพลางส่งกระแสจิตไป “ขอแค่เจ้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าจะให้พวกมันถอยไปทันที”

เสิ่นเทียนปากกระตุกเล็กน้อย “โอ้ ยังกล้าขู่ข้าอีกรึ ได้ ข้าสาบาน ขอแค่เจ้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตขบคิด “และก็ห้ามสั่งให้คนอื่นมาฆ่าข้าด้วย!”

เสิ่นเทียนเอาค้อนทุบศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปอีกที “เจ้าจะพูดอะไรเยอะแยะ ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง! รีบให้ยุงโลหิตพวกนี้ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าล้างฝูงยุงโลหิตพวกนี้ อย่างมากก็แค่ใช้ไพ่ตาย!”

เจ้ายังมีไพ่ตายอีกรึ

พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็สิ้นหวัง

เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานตัวเล็กๆ สู้ระดับแก่นพลังทองได้ไม่เท่าไร

แต่ในตัวยังมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอย่างวารีแท้และไม้วิญญาณ ประกอบกับเกราะศักดิ์สิทธิ์และป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ ขนาดระดับดวงจิตดรุณยังตาย

นี่ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเจ้าหรือ

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตยอมรับว่ากลัว เจอลูกหมาป่าเช่นนี้ มันจะทำอะไรได้

“เอาของสิ่งนั้นของเจ้าขยับออกในปากข้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าสำแดงวิชาลับไม่ได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนคลายเถากลืนกินเซียนที่มัดดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ แต่เขาไม่ได้เชื่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอย่างสนิทใจ ปืนปทุมฆาตเทพกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแปดกระบอกยังจ่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ตลอด

ถ้าเจ้านี่กล้าเล่นตุกติก เสิ่นเทียนก็พร้อมจะฆ่ามันทันที!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเองก็ไม่ได้เล่นตุกติกอะไร พลังจิตของมันส่งคลื่นพิเศษออกไป

ทันใดนั้น ยุงโลหิตที่บุกเข้ามาในเมืองและสู้กับผู้ฝึกบำเพ็ญและชาวเมืองในเมืองก็หยุดโจมตี พวกมันสั่นปีกและบินไปนอกเมือง ครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

……

เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะใช้เถากลืนกินเซียนยัดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอีกครั้ง จากนั้นพุ่งไปถึงกลางระหว่างคิ้ว มัดดวงจิตดรุณของมันเอาไว้แน่น

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต “…”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “ไหนเจ้าบอกว่าขอแค่ข้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไปให้หมด เจ้าจะไม่ฆ่าข้าไง”

เสิ่นเทียนมองค้อนผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปที “ข้าฆ่าเจ้าแล้วรึ”

ปากของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่โดนเถากลืนกินเซียนยัดไว้เต็มปากกระตุกทีหนึ่ง เหมือนก็มีเหตุผล

แม่งเอ๊ย เหตุใดเมื่อครู่ข้าไม่บังคับให้ไอ้เด็กนี่ปล่อยข้ากัน

บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะเล่นอุบายตัวอักษะชั้นต่ำเช่นนี้กับข้า!

มนุษย์เจ้าเล่ห์จริงๆ ดีที่ข้ายังมีแผนสำรอง!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเค้นรอยยิ้มพูด “ท่านเซียน เจ้าไม่อยากรู้หรือว่ากระดาษสีแดงอมทองนั่นคือสมบัติอะไร”

เสิ่นเทียนแบะปาก เขาเคยอ่านบทแบบนี้มานานแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเฝ้ารอคอยสักนิด “ไม่อยากรู้”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะลึงไป ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “ท่านเซียนฟังหน่อยสิ! ข้ารับรองว่าเจ้าฟังจบแล้วจะต้องสนใจแน่นอน กระดาษสีแดงอมทองนั่นไม่ใช่ของธรรมดา นั่นคือคัมภีร์เทพโลหิต สุดยอดวิชาของทั้งแดนบูรพาและมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากมหาผู้อริยะธารโลหิต!”

เสิ่นเทียนเบื่อหน่ายมาก “อ้อ! แล้วอย่างไร!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตสภาพจิตใจระเบิดกระจาย เจ้านี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่

ระยำ!

มหาผู้อริยะธารโลหิตคือมหาผู้อริยะนะ!

มีเพียงผู้อริยะที่ฝ่าด่านเคราะห์อัสนีเก้าขั้นเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ถูกเรียกว่ามหาผู้อริยะ!

อีกทั้งมหาผู้อริยะธารโลหิตยังมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในมหาผู้อริยะ

สุดยอดวิชาก้นหีบของคนใหญ่คนโตระดับสุดยอดเช่นนี้ เจ้านี่กลับไม่สนใจ? หรือว่าเขาเป็นทายาทของมหาจักรพรรดิกัน

คำด่าว่านับหมื่นวิ่งผ่านในใจ แต่เพื่อให้หลุดพ้น ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจึงต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ท่านเซียนไม่รู้ คัมภีร์เทพโลหิตนี่มหัศจรรย์มาก มันทำให้ท่านแยกจิตใจกับโลหิตบริสุทธิ์ออกจากกันและสร้างร่างแยกได้

อีกทั้งกลิ่นอายพลังของร่างแยกยังเหมือนกับท่านทุกประการ เท่ากับมีสองชีวิต และยังควบคุมจิตสำนึกจากร่างจริงได้อย่างสมบูรณ์! ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับพลังเหนือกว่าท่านก็ยากจะแยกออก ยุงโลหิตระดับแก่นพลังทองที่ท่านสังหารไปก่อนหน้านี้ ความจริงคือร่างแยกของข้าเอง”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดไปพลางจ้องใบหน้าเสิ่นเทียนเขม็ง เขาหวังว่าเสิ่นเทียนจะมีสีหน้าตกใจหรือสนใจ

หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะมีจุดต่อรอง เพราะคัมภีร์เทพโลหิตมีทั้งหมดสองหน้า

หน้านี้ในมือเขาเป็นเพียงบทพื้นฐาน ยังมีอีกหน้าที่เขาซ่อนไว้และมีแค่เขาที่รู้

ขอแค่เสิ่นเทียนแสดงความสนใจในมรดกสุดยอดชุดนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็จะฉวยโอกาสนี้ให้เสิ่นเทียนสาบานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะต้องรับประกันว่าเสิ่นเทียนจะไม่มีช่องทางหาผลประโยชน์อีก!

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตผิดหวังคือ เสิ่นเทียนเพียงแค่หยิบลูกประคำออกมาจากอกเสื้อและวนเล่นไม่หยุด

ใบหน้าเขาเฉยชาเหมือนไม่ได้สนใจคัมภีร์เทพโลหิตที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดสักนิด

ช่วงที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตกำลังจะสิ้นหวังนั้น ในที่สุดเสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นช้าๆ

“เจ้าอยากบอกข้าว่าหน้านั้นที่ข้าได้ไปไม่ใช่คัมภีร์เทพโลหิตฉบับสมบูรณ์ ขอแค่ข้าสาบานว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าก็จะมอบคัมภีร์เทพโลหิตที่เหลือให้ข้ารึ”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตกใจแล้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนยิ้มลึกลับ เหตุใดจะไม่รู้ล่ะ เพราะข้าเห็นมาหมดแล้ว!

ในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน เขาก็เจอกับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ฆ่าล้างเมืองภูเขาดำเช่นกัน เฉินจงเทียนทะลวงดวงจิตดรุณด้วยแก่นพลังทองแปดรอบ แม้จะเพิ่งทะลวงดวงจิตดรุณ แต่กำลังรบเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมาก

เขาสังหารร่างแยกเสวี่ยเหวินเค่อระดับแก่นพลังทองอย่างง่ายดาย กระทั่งจับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ซ่อนในเงามืดออกมาได้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแพ้เฉินจงเทียนและถูกจับแล้วก็ใช้คัมภีร์เทพโลหิตมาต่อรองกัน

สุดท้ายเฉินจงเทียนตอบตกลงเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ปล่อยเขาไป

แน่นอนว่าเงื่อนไขคือผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจะสาบานว่าจะไม่ถ่ายทอดคัมภีร์เทพโลหิตให้ผู้ใดอีก!

เฉินจงเทียนปล่อยผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ก่อกรรมทำเข็ญไปเพื่อวิชาลับสูงสุด เสิ่นเทียนขอไม่วิจารณ์แล้วกัน

เขาได้รู้ที่อยู่ของคัมภีร์เทพโลหิตอีกหน้าตั้งนานแล้ว ย่อมไม่สนใจเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตและปล่อยเขาไป!

“จิ่วเอ๋อร์ จัดการเขาที!”

ภูตผีหญิงงดงามหยาดเยิ้มเศร้าระทมตนหนึ่งลอยขึ้นมาจากลูกประคำเก้าโอรสช้าๆ

นางถือปืนปทุมฆาตเทพก่อนจะปักลงตรงระหว่างคิ้วผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต เคลื่อนตราเวท!

บึ้ม!

ตะปูเทพทะลวงเขตแดนดอกหนึ่งทะลวงและฉีกดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

ใบหน้าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเต็มไปด้วยความไม่ยอมและเคียดแค้น “เจ้า…เจ้าสาบานแล้วว่าจะไม่สั่งให้คนอื่นฆ่าข้า!”

เสิ่นเทียนเบนสายตามองไปกลางเมืองภูเขาดำ แม้จะออกคำสั่งให้ฝูงยุงโลหิตออกไปได้ทันการ แต่แค่ไม่กี่นาทีสั้นๆ ก็ยังทำให้ในเมืองเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย!

เสิ่นเทียนดมกลิ่นคาวเลือดในอากาศพลางขยับลูกประคำเก้าโอรสอย่างเย็นชา “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าบอกเขาสิ”

ภูตผีหญิงชุดคลุมแดงชักปืนปทุมฆาตเทพกลับมาช้าๆ ใบหน้ายิ้มแบบผู้บริสุทธิ์ “จิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่คน แต่เป็นภูตผีหญิง”

เจ้า!

มนุษย์ เจ้าเล่ห์นัก!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเบิกตาโต จิตสำนึกขุ่นมัวอย่างรวดเร็วก่อนจะสิ้นใจไป

มันตายแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่ามรดกสูงสุดอันล้ำค่าอย่างยิ่งอย่างคัมภีร์เทพโลหิต เหตุใดเจ้ามนุษย์นี่ถึงไม่สนใจสักนิดเลย!

หรือเจ้าโง่นี่คิดว่าชีวิตของคนธรรมดาเล็กจ้อยสำคัญกว่าสุดยอดคัมภีร์เซียนรึ

…..

คำถามนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไม่มีวันเข้าใจแล้ว!

มันยังคงตายตกไป ตายด้วยปืนของจิ่วเอ๋อร์ ตายตาไม่หลับ

อีกด้านหนึ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียนอึ้งไปแล้ว เขาเหม่อมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง เวลานี้รู้สึกปวดไข่นิดๆ

ข้าทำอะไร

เดิมทีเมืองภูเขาดำมียอดค่ายกลอัสนีคุ้มกันอยู่หรือ

ข้ากลับควบรถม้าดาราพุ่งชนทำลายยอดค่ายกลอัสนีหรือ

ไม่ใช่แค่เสียม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ยังทำลายรถม้าทองคำวิญญาณคันหนึ่ง ซ้ำยังทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอีก

เวรกรรม!

ก่อนบุก เหตุใดข้าไม่ใช้พลังจิตตรวจสอบเส้นทางก่อนล่ะ

นี่ถ้าแพร่งพรายไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ

ยิ่งได้ฟังคำพูดซุบซิบชี้นู่นชี้นี่ของคนมากมายในเมืองแล้ว เฉินจงเทียนเป็นบ้าไปแล้ว

ทันใดนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ชำเลืองตาไปเห็นร่างคุ้นเคยร่างหนึ่ง

นั่นเขา! นั่นเขา! ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเขา!

พริบตานั้น…จิตใจเขาเป็นบ้าไปยิ่งกว่าเดิม!

……………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน