บทที่ 198 เดินหนึ่งก้าว ทุกสรรพสิ่งหวนคืนสู่ใบไม้ผลิ
เรือเหาะเทพสวรรค์เข้ามาในรอบนอกสนามรบบรรพกาล ดึงดูดให้ทุกคนเข้ามามุงดู
ใต้เงามืดที่เรือเหาะแล่นผ่าน ในสายตาของศิษย์แดนเทวาและแดนผาสุกมากมายมีความอิจฉา
ช่วยไม่ได้ ทรัพยากรด้านยุทธศาสตร์ค่อนข้างล้ำค่า มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เอาสิ่งนี้ออกมาเป็นหน้าเป็นตาได้สบายๆ
ส่วนศิษย์แดนเทวาและแดนผาสุกพวกนั้น ส่วนใหญ่เข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายไปเมืองที่ใกล้ที่สุด จากนั้นขี่กระบี่บินมา กระจัดกระจายกันตลอดทาง บางครั้งก็เจอพายุคลั่งห่าฝน เจ็บแสบเกินบรรยายเหลือเกิน
ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองศิษย์เทพสวรรค์เหมือนคนธรรมดาภพก่อนมองลูกคุณหนูขับรถสปอร์ต
ในความเหยียดหยามยังแฝงไว้ด้วยความเฝ้าใฝ่หาลับๆ
“ในที่สุดแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มาสักที มาแบบเหยียบย่ำกันเลยจริงๆ”
“ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เจ๋งนักรึ ถึงให้พวกเราหลายสำนักต้องรอพวกเขาฝ่ายเดียว”
“เบาเสียงกันหน่อย แอบคุยกันน่ะได้ แต่ถ้าได้ยินน่ะไม่ดีแน่”
“วางใจเถอะ เราคุยกันทางจิต ไม่ได้ยินหรอก!”
“จะว่าไป ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ใด ได้ยินว่าเหนือธรรมดายิ่ง!”
“เหอะๆ แค่ระดับสร้างฐาน เหนือธรรมดากว่านี้จะได้สักเท่าไร ก็แค่สร้างกระแสเท่านั้นล่ะ!”
……
เรือเหาะเทพสวรรค์ลดระดับลงช้าๆ คนที่อยู่ไม่ไกลเฮโลกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งองค์หญิงน้อยหลี่เหลียนเอ๋อร์แห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกยังพาคนเร่งรีบเข้ามา
ข้างหลังนางยังมีเสี่ยวหลิงเซียนที่ลอยล่องดั่งเซียนแต่ใบหน้ากลับโมโหมากตามมาติดๆ ไม่ยอมลดละ
“หลี่เหลียนเอ๋อร์ รีบส่งศิษย์พี่เสิ่นเอ้ามานะ!”
หลี่เหลียนเอ๋อร์ทำเป็นหูทวนลมกับคำถามของเสี่ยวหลิงเซียนข้างหลัง
นางยิ้มแป้น ผมชี้เส้นเดียวบนศีรษะยังตั้งขึ้นจนเกิดเสียงดัง
แม้แต่หน่ออ่อนน้ำเต้าในกระถางดอกไม้เหนือศีรษะยังแกว่งเบาๆ เหมือนโดนผมชี้ดันเอียง ดูตื่นเต้นมาก
นอกจากนี้ บุคคลสำคัญของแดนเทวาแดนผาสุกอื่นๆ ก็ค่อยๆ มารวมกันที่นี่ เพราะทุกคนรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยอดฝีมือของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่มารวมกัน
ช่วงที่สงครามบรรพกาลกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการนั้น!
บึ้ม!
เรือเหาะเทพสวรรค์ลงพื้นอย่างแรง เกิดฝุ่นควันตลบอบอวล
เด็กหนุ่ม ชายหนุ่ม วัยกลางคน และวัยชราในชุดศิษย์ฝ่ายในและศิษย์สายตรงในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เริ่มเดินลงมาช้าๆ
อะแห่มๆ ที่บอกว่าวัยกลางคน วัยชรา หลักๆ คือพวกเถ้าแก่ซ่งกับกุ้ยกงกง
พวกเขาสวมเครื่องแบบศิษย์เทพสวรรค์อยู่รวมกับกลุ่มเด็กหนุ่ม ดูคาดไม่ถึงนิดๆ
“หืม เหตุใดในศิษย์ระดับสร้างฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครั้งนี้ถึงมีคนอายุมากเช่นนี้ล่ะ”
“ไม่รู้ว่าหัวหอมแก่พวกนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดึงมาจากที่ใด ตอนนี้พวกเขาขาดคนเช่นนี้เลยหรือ”
“ได้ยินว่าศิษย์แก่พวกนี้เป็นคนสนิทของบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ตอนอยู่อาณาจักรต้าเหยียน จึงพามาเป็นศิษย์ฝ่ายในของแดนศักดิ์สิทธิ์”
“ซี้ด หนึ่งคนบรรลุมรรค ไก่กับสุนัขก็ได้ขึ้นฟ้าด้วยรึ”
“เหอะๆ เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังเหิมเกริมใช้เส้นสายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เลยรึ”
“เหนือธรรมดาอะไร ก็แค่เลี้ยงคนสนิทไว้แสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองไม่ใช่รึ ตอนนี้ดูแล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง!”
…..
ศิษย์แดนเทวาแดนผาสุกมากมายต่างพูดคุยซุบซิบกันลับๆ
ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะระดับสร้างฐานที่มีพรสวรรค์ที่สุดในขุมอำนาจเซียนใหญ่ๆ ใครบ้างไม่มีความโอหัง
เมื่อคนโอหังพบกับคนที่ฐานะสูงกว่าตนก็จะแอบน้อยใจเงียบๆ เป็นเรื่องปกติมากจริงๆ
โดยเฉพาะ ‘เห็นๆ อยู่ว่าข้าเป็นอัจฉริยะเช่นนี้ ตอนแรกอยากเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แต่ไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับไม่สนใจธรรมเนียมรับหัวหอมแก่พวกนี้เป็นศิษย์ฝ่ายใน!’
ดังนั้น อัจฉริยะพวกนั้นสบายใจสิแปลก!
‘บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์’ ที่ว่านั่นยังไม่ออกโรง ตอนนี้ภาพจำในใจทุกคนแย่ไปไม่น้อยแล้ว
แน่นอน ศิษย์พวกนี้เพียงแค่ซุบซิบกันลับๆ
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหรือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ พวกเขาประพฤติตัวดีกว่าใคร มีมารยาทกว่าใคร
ศิษย์ระดับสร้างฐานร้อยแปดคนค่อยๆ เดินลงจากเรือเหาะช้าๆ ภายใต้การนำของฉินอวิ๋นตี๋
ทว่า เสิ่นเทียนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ทุกคนรอคอยกลับยังไม่ออกมา
หลิวไท่อี่กับเถ้าแก่ซ่งมองตากัน เหมือนมีความคิดบางอย่าง ‘หรือว่าศิษย์พี่จะไม่ชอบที่ยังไม่หรูหรายิ่งใหญ่พอ’
เมื่อคิดได้ดังนั้นสองคนจึงพยักหน้าและหยิบธงออกมาคนละผืน โบกธงตรงหน้าศิษย์ทุกคน
ทันใดนั้น กระบี่ยาวข้างหลังศิษย์ร้อยกว่าคนออกจากฝักพร้อมกัน ทะลวงผ่านกลางอากาศไปไม่หยุด ขยับประกายกระบี่หนาวเหน็บ
กระบี่ล้ำค่าร้อยกว่าเล่มรวมกันกลางอากาศเป็นคำว่า ‘สวรรค์’ ไอกระบี่นับพันนับหมื่นตกลงมา ดูยิ่งใหญ่มาก
“จุดสูงสุดแห่งเซียน ทระนงในใต้หล้า หมั่นบำเพ็ญทุกวัน ติดตามศิษย์พี่จักต้องเป็นเซียน! กลุ่มศิษย์สวรรค์พิทักษ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ขอเชิญศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
บึ้ม!
ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางเก้าแผ่นระเบิดกลางฟ้าดิน ยิงพลุสีสันหลากสีออกมา ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงาม
นั่นคือ ‘ยันต์ระเบิดอัสนีพิธีการ’ ที่ฉินอวิ๋นตี๋ตั้งใจสร้างขึ้นโดยเฉพาะจากคำแนะนำของหลิวไท่อี่และซ่งฟู้กุ้ย ใช้เสริมอำนาจเวลาศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกโรง
ดังคำกว่าวว่าพลุพิธีการดังหนึ่งครั้ง บุตรศักดิ์สิทธิ์ออกโรง สร้างอานุภาพขู่ขวัญก่อน ตะโกนโห่ร้องต้อนรับ!
ก็เพื่อความหรูหรา!
เดิมทีการทำเช่นนี้ไม่เป็นที่ยินดีในใจศิษย์เทพสวรรค์ส่วนใหญ่ ถึงอย่างไรจะตะโกนในสำนักตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำเช่นนี้ต่อหน้าขุมอำนาจเซียนอื่นๆ…
มันน่าอับอายมาก!
ทว่าตอนนี้ศิษย์เทพสวรรค์ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่ลังเลเลย
เหตุผลง่ายมาก เพราะศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ของพวกเขาเยอะมาก!
ช่วงที่เรือเหาะจะถึงสนามรบบรรพกาล ศิษย์พี่ฉินอวิ๋นตี๋รับคำสั่งศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้นำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดเล็กมาแจกจ่ายให้ศิษย์น้องทุกคน
ควรรู้ไว้ว่านั่นคือของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานในตำนาน เป็นสมบัติสุดยอดที่รักษาบาดแผลแห่งมหามรรคได้ แม้จะแค่หนึ่งเอ็มแอลก็ล้ำค่ามาก และที่สำคัญที่สุดคือเจ้ามีเงินก็ยังหาซื้อได้ยากมาก
ก่อนที่จะเข้าสนามรบบรรพกาล ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งกับทุกคน ช่างมีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้าจริงๆ
ศิษย์น้องทุกคนต่างดีกับศิษย์พี่ผู้นำเช่นนี้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จะให้เลียอย่างไรก็ได้!
…….
สุดท้าย ตอนนี้ก็เกิดภาพที่ทำให้แดนเทวาแดนผาสุกตาค้าง อัจฉริยะในสำนักต่างๆ ที่ในปากยังเปรี้ยวไม่ไหวอยู่ ตอนนี้…เปรี้ยวยิ่งกว่าเดิม
โดยเฉพาะโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งในรายนามระดับสร้างฐานในสำนักพวกนั้น ตอนนี้มองพวกศิษย์น้องด้วยความคับแค้นใจ
ดูสำนึกพวกศิษย์น้องแดนศักดิ์สิทธิ์เขาสิ ถึงกับเสียสละตัวเองเพื่อช่วยศิษย์พี่เสแสร้งเองเลย แล้วมาดูพวกเจ้าแต่ละคน ไม่รู้จักให้ความร่วมมือกับศิษย์พี่
อิจฉามาก ริษยามาก เปรี้ยวมาก!
ภายในใจขมขื่นอย่างยิ่ง ในปากยังมีรสเปรี้ยวจัด
ศิษย์ที่ซุบซิบนินทามีมากขึ้น
“เหอะๆ กับอีแค่ศิษย์ระดับสร้างฐานคนเดียว ถึงกับจัดฉากโอ้อวดกว่าผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณอีก”
“หลายพันปีมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะมีเหตุผลจริงๆ ศิษย์พวกนี้คิดอะไรกันอยู่!”
“แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังชอบให้ประจบโอ้อวดเช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ดูแล้วก็คงได้แค่นี้แหละ!”
…….
เวลานี้ คำว่าร้ายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลอยเต็มฟ้าไปหมด
จนกระทั่งประตูใหญ่ห้องข้างในของเรือเหาะเทพสวรรค์เปิดออกช้าๆ บุรุษชุดคลุมขาวเดินออกมาเนิบนาบ ทันใดนั้นเสียงพูดคุยกันลับๆ ก็เงียบลง
นี่มันบุรุษมหัศจรรย์แบบใดกัน
เขามีคิ้วกระบี่ดวงตาดารา แววตาหยั่งลึกเหมือนมีดาราลอยอยู่ เส้นผมยาวพาดบ่าปลิวไสวตามสายลม ประหนึ่งเซียนลงมาเยือนจากบนฟ้า สง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน