บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 203

บทที่ 203 โชคลิขิตของศิษย์พี่ จะแบ่งให้ข้าเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร!

ว่านวิญญาณพวกนี้เต็มไปด้วยลวดลายลักษณะเกล็ดปลาทุกส่วน เหมือนกับเกล็ดมังกร ใบและก้านยื่นออกมาคล้ายกับมังกรคะนองน้ำมาก

ว่านวิญญาณทุกต้นเหมือนมังกรแดงขนาดย่อส่วน แผ่กลิ่นอายร้อนแรง อีกทั้งยิ่งเป็นว่านวิญญาณที่แข็งแรง สีก็ยิ่งเข้มมากเท่านั้น

กระทั่งว่านวิญญาณที่ใกล้กับโครงกระดูกมังกรยักษ์มากที่สุดยังมีสีกลายเป็นสีแดงอมดำแล้ว!

รอบๆ ตัวมันไม่แผ่ไอความร้อนอีก แต่มีความเย็นเยียบนิดๆ พลังทั้งหมดหุบอยู่ข้างใน

ว่านวิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ว่านโลหิตมังกร’ มีเพียงสถานที่ที่เผ่ามังกรโลหิตสิ้นชีพลงและโลหิตบริสุทธิ์ปนเปื้อนแผ่นดินเท่านั้นถึงจะมีโอกาสปรากฏขึ้น

ว่านวิญญาณชนิดนี้มีมูลค่าสูงยิ่ง สามารถช่วยผู้บำเพ็ญหลอมโอสถหลอมกาย มีประสิทธิผลที่ดีนัก

โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญแบบสู้ระยะประชิดที่ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร หากหล่อหลอมว่านโลหิตมังกร ถึงขั้นมีโอกาสได้รับพลังแห่งโลหิตมังกรในนั้นด้วยซ้ำ

ดังนั้นทุกการกระทำจะมีพลานุภาพของเผ่ามังกรแฝงมาด้วย ไม่ว่าจะพละกำลังหรือความเร็วจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ถึงอย่างไรกายและจิตของเผ่ามังกรก็เป็นที่ยอมรับเรื่องความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน!

ว่านวิญญาณอย่างว่านโลหิตมังกรนี้หากให้ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองรวมถึงระดับเหนือสามัญของศาสตร์หลอมกายเทพมารใช้ ก็จะมีประสิทธิภาพสูงสุด

หลังจากว่านโลหิตมังกรชะล้างกายหยาบแล้วก็จะหล่อหลอมรากฐานที่แกร่งที่สุดได้ มีประโยชน์กับการพัฒนาในอนาคตของผู้บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด

แม้ในทั้งสนามรบบรรพกาล ว่านวิญญาณชนิดนี้ก็ยังเป็นโชคลิขิตที่ล้ำค่ามาก ทว่าในหุบเขาแห่งนี้กลับมีว่านโลหิตมังกรอยู่แทบทุกที่

….

“ศิษย์พี่เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่ชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ!”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ดูตื่นเต้นมาก “เพิ่งเข้าสนามรบบรรพกาลมาได้ครึ่งวันเจอแดนล้ำค่าเช่นนี้แล้ว!”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาดีใจ จัดการเจ้าพวกนี้ในหุบเขาให้หมดก่อน!”

ใช่ ในหุบเขายังมีสิ่งสกปรกอยู่

นั่นคือโครงกระดูกที่มีเขาแหลมงอกออกมาบนศีรษะ โครงกระดูกไม่ใช่สีขาวเงินอีก แต่เป็นสีแดงอ่อนๆ แปลกประหลาด อีกทั้งยิ่งร่างกายใหญ่ สีบนตัวก็ยิ่งเข้ม พลังก็ยิ่งดุร้าย

โครงกระดูกพวกนี้แข็งแกร่งกว่าโครงกระดูกพวกนั้นนอกหุบเขา กลิ่นอายพลังของทุกตัวถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว กระทั่งมีโครงกระดูกสีแดงเข้มสิบกว่าตัวแผ่กลิ่นอายพลังเทียบเท่ากับระดับแก่นพลังทองของมนุษย์

เห็นได้ชัดมากว่าโครงกระดูกผ่านการบำรุงจากไอมังกรในหุบเขา รับมือยาก!

ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของฉินเกา เสิ่นเทียนพบว่าราวๆ สองวันจากนี้จะมีทหารม้าวิญญาณร้ายกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาในหุบเขาโลหิตมังกรและสู้กับโครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้

ฉินเกาอาศัยความเร็วเหนือชั้นของตนชิงว่านโลหิตมังกรมาได้สิบกว่าต้นท่ามกลางความวุ่นวาย จากนั้นหนีตายไป

หรือก็คือถ้าพวกฉินเกาไม่ได้ตามเสิ่นเทียนมาละก็ ในช่วงเวลาต่อมาพวกเขาจะโดนปีศาจแยกกลุ่มกัน

คนอื่นๆ ไปพบโชคลิขิตของตนเอง ส่วนฉินเกามาที่หุบเขาแห่งนี้

ความจริง มันก็เป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้วในการฝึกฝนสนามรบบรรพกาล

ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะรวมกลุ่มกันได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ไม่สอดคล้องกับความจริง

ตอนที่เจออันตรายน่าสะพรึงอย่างแท้จริง การแยกกันหนีตายก็มีโอกาสรอดมากกว่าหนีเป็นกลุ่ม

ในโชคลิขิตเดิมของฉินเกานั้น เขาแอบชิงว่านโลหิตมังกรไปได้สิบกว่าต้น แต่ตอนนี้ในความคิดเสิ่นเทียน กลับคิดว่าจะเอาว่านโลหิตมังกรพวกนี้ไปให้หมดได้อย่างไร

ถึงอย่างไรเจ้าพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนต้นและใบหรือรากก็มีประโยชน์มาก

มีมูลค่าแท้จริงในตลาดผู้บำเพ็ญ

แย่งไปทั้งหมด มันจะไม่ดีหรือ

…..

สิ่งที่น่ายินดีคือแม้โครงกระดูกในหุบเขาโลหิตมังกรจะแข็งแกร่ง แต่สติปัญญาไม่เท่ากับมนุษย์เลย

โครงกระดูกทุกตัวเดินอย่างไร้จุดหมาย กระทั่งชนโครงกระดูกตัวอื่นๆ แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร

เห็นได้ชัดว่าพวกมันแค่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ หากยังไม่พบศัตรูก็แทบจะไม่มีความสามารถในการตัดสินใดๆ เลย

พวกเสิ่นเทียนซุ่มอยู่กลางหุบเขา ซ่อนกลิ่นอายพลังทั่วทั้งตัวไว้ จากนั้นวางค่ายกลซ่อนกลิ่นอาย อำพรางโครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้ได้สำเร็จ

“ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ แบ่งปืนหยินหยางพิฆาตอสูรให้ทุกคน ยืนกระจายๆ กันไว้”

เสิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “เสริมความแกร่งของตราเวทเก็บเสียง จะต้องรับประกันว่าจะไม่เกิดเสียงใดๆ ได้ โครงกระดูกโลหิตมังกรพวกนี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีจุดอ่อนถึงตาย นั่นคือใช้วิชาป้องกันไม่ได้

เราจะซุ่มยิงไปที่จุดอ่อนของพวกมัน หรือก็คือโจมตีเพลิงแห่งจิตวิญญาณ สังหารให้ได้ในครั้งเดียว! จัดการโครงกระดูกค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้นก่อนแล้วค่อยรับมือกับพวกตัวค่อนข้างแกร่ง ทุกคนเข้าใจหรือไม่”

ทุกคนพยักหน้าด้วยความเลื่อมใส “เข้าใจแล้ว!”

สมกับเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ในชั่วครู่สั้นๆ ก็คิดวิธีสกปรก…วิธีที่สุดยอดได้!

แสดงขีดความสามารถของปืนหยินหยางพิฆาตอสูรได้สูงสุด!

ในดวงตาฉินอวิ๋นตี๋ขยับประกายเลื่อมใสอย่างยิ่ง

เขาเหมือนพบหนทางการวิจัยใหม่อีกครั้ง!

เดิมทีฉินอวิ๋นตี๋อยากจะควบคุมปืนพิฆาตอสูรหกสิบสี่กระบอกบุกเข้าไปในหุบเขาและแลกตรงๆ กับโครงกระดูกพวกนี้

อาศัยการกดดันจากดินปืน เขามั่นใจว่าจะจัดการโครงกระดูกธรรมดาได้หลายสิบตัว และโครงกระดูกฉบับยกระดับอีกสามถึงห้าตัว

แต่โครงกระดูกที่เหลือพวกนั้นจัดการยากแล้ว หากไม่ระวังได้ถูกสับเป็นเศษเนื้อแน่

แต่วิธีของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์มั่นคงกว่านั้นมาก

ซ่อนอยู่ในเงามืด ซุ่มยิงไป!

ไม่มีกลิ่นอายพลังกับเสียง กระทั่งอาวุธโจมตียังเป็นกระสุนทองคำวิญญาณเล็กยิ่ง ไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจนเหมือนกระบี่บินสังหาร

คาดว่าเจ้าพวกสติปัญญาต่ำพวกนี้คงหาตำแหน่งโจมตีจริงๆ ไม่พบด้วยซ้ำ

……..

“ทุกคนเตรียมพร้อม เริ่มปฏิบัติการ!”

ทุกคนได้แบ่งปืนหยินหยางพิฆาตอสูรไปคนละหลายกระบอก ก่อนจะใช้พลังจิตควบคุมการเล็ง

เสิ่นเอ้าก็ได้แบ่งไปหนึ่งกระบอกเช่นกัน เขามองปืนสั้นสีดำเมี่ยมในมือ ตอนแรกเขายังสงสัยในใจ มันดูเหมือนทวนสั้นธรรมดาๆ จะจัดการศัตรูระดับหัวหน้าที่อยู่ห่างไปพันก้าวได้หรือ นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่!

พึงรู้ไว้ว่าการขี่ปืนสังหารไม่ได้ผลกับโครงกระดูกพวกนี้

“องค์ชายหก ข้าจะสาธิตให้ท่านดูสักรอบแล้วกัน”

เถ้าแก่ซ่งขยับมาหน้าเสิ่นเอ้าด้วยความมีไมตรี ก่อนจะเริ่มสอนเสิ่นเอ้าใช้ปืนหยินหยางพิฆาตอสูร

เขาใช้พลังจิตเล็งโครงกระดูกที่มีเขามังกรสีแดงอ่อนตัวหนึ่งตรงรอบนอกหุบเขา ก่อนจะเดินตราเวทในปืนให้จุดยันต์ระเบิดอัสนี

ปัง~!

ตราเวทเก็บเสียงทำงาน เสียงที่ยิงออกไปถูกลดลงอย่างถึงขีดสุด เหลือเพียงเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ

แต่แม้จะเป็นเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ก็ยังโดนตราเวทซ่อนพลังกลบไปทั้งหมด

ก่อนจะเห็นว่าปืนหยินหยางพิฆาตอสูรสั่นไหวเล็กน้อย กระสุนสีดำสนิทลากผ่านอากาศไปยิงใส่เบ้าตาโครงกระดูกเขามังกรนั้น

ปัง~

ศีรษะของโครงกระดูกเขามังกรถูกยิงร่วงจากตัว เพลิงแห่งจิตวิญญาณมอดดับทันที

ซุ่มยิงไปอย่างแม่นยำสูง นัดเดียวระเบิดศีรษะ!

เสิ่นเอ้าเห็นถึงกับตะลึงค้าง โลกทัศน์ค่อยๆ พังทลายลง

ควรรู้ไว้ว่าเขาลำบากฝึกทักษะกระบี่มาหลายวัน แม้แต่โครงกระดูกธรรมดาข้างนอกหุบเขายังสู้ไม่ได้เลย

ทว่าในหุบเขานี้ ทหารโครงกระดูกเขามังกรเหนือชั้นที่แกร่งขึ้นจากไอมังกรกลับตายลงด้วยปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกระบอกเดียว

นี่ทำให้เสิ่นเอ้าเกิดความคิดว่า ‘ข้าฝึกกระบี่ไปจะมีประโยชน์อะไรกันแน่’ ขึ้น เขาสงสัยในชีวิตแล้ว

โครงกระดูกเขามังกรนั้นล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นทุกคนหัวใจบีบตัว พร้อมจะถอยทุกเมื่อ ทว่าโครงกระดูกเขามังกรตัวอื่นกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นว่าพี่น้องตนสิ้นชีพลง

อาจจะพูดได้ว่าสติปัญญาพวกมันต่ำเกินไปเลยไม่รู้ว่าจู่ๆ สหายศีรษะหลุดลงมาหมายความว่าอย่างไร

โครงกระดูกพวกนั้นเพียงแค่ได้ยินเสียงกระสุนทองคำวิญญาณชนกับกระดูก มองไปแล้วก็หันหน้ากลับมาสนใจตัวเองต่อ

บนหน้าที่ไม่มีเนื้อหนังเต็มไปด้วยความทึ่มทื่อ

เมื่อเห็นโครงกระดูกเขามังกรโต้ตอบปัญญาอ่อนเช่นนี้แล้ว เสิ่นเทียนก็วางใจลงเล็กน้อย

ความจริง โครงกระดูกเขามังกรพวกนี้ไม่ใช่เจ้าแห่งหุบเขานี้ ในหุบเขามังกรยักษ์ยังมีตัวที่แข็งแกร่งกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน