บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 204

บทที่ 204 เจ้าหนุ่ม อยากได้ข้าหรือไม่

“ช่างเถอะ ในเมื่อทุกคนเกรงใจกันเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

เสิ่นเทียนยิ้มกล่าว “ทุกคนไปเก็บว่านโลหิตมังกรด้วยกัน! จำไว้ว่าอย่ารุนแรงเกินไป จะไปทำให้ส่วนรากกับก้านใบเสียหาย”

ควรรู้ว่าว่านโลหิตมังกรสมบูรณ์จะเก็บรักษาได้นานกว่าว่านโลหิตมังกรที่เสียหายมาก มูลค่าก็สูงกว่าไม่น้อย

“นอกจากนี้ ดินพวกนี้ได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของศพมังกรกับกลิ่นอายพลังมา กลายเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุดแล้ว ทุกคนถ้าเก็บได้ก็เอาติดตัวไปคนละหน่อยด้วย”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจแจ่มแจ้ง!

ใช่แล้วๆ ถ้าไม่ได้ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เตือน ก็เกือบจะมองข้ามดินวิญญาณพวกนี้ไปแล้ว

ดินที่ให้กำเนิดว่านโลหิตมังกรได้จะต้องเป็นดินวิญญาณระดับสูงสุด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของการบ่มเพาะสมุนไพรมหัศจรรย์

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกคนก็เริ่มทำงานกันอย่างแข็งขัน ไม่นาน โครงกระดูกเขามังกรกับว่านโลหิตมังกรทั้งหมดในหุบเขามังกรยักษ์ก็ถูกกวาดเกลี้ยง

กระทั่งระดับความสูงของพื้นดินข้างๆ โครงกระดูกมังกรยักษ์ยังต่ำลงสามฉื่อกว่า

ใบหน้าทุกคนมีแต่รอยยิ้มมีความสุขและพอใจ

เสิ่นเอ้ามองถุงที่ใส่สมบัติจนเต็มในมือด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เขาก็ได้แบ่งว่านโลหิตมังกรกับดินวิญญาณมาจำนวนมากเช่นกัน การฝึกฝนครั้งนี้ได้อะไรมามากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

พึงรู้ไว้ว่าสำหรับผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่แล้ว ว่านโลหิตมังกรธรรมดาสิบห้าต้นก็มากพอจะทำให้กายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว

ต่อให้เป็นอัจฉริยะพวกนั้น ปกติว่านโลหิตมังกรแปดต้นสิบต้นก็พอใช้มากแล้ว กระทั่งยังมีเหลือกินเหลือใช้

แต่ตอนนี้ว่านโลหิตมังกรในถุงเก็บของเสิ่นเอ้ากลับมีอย่างน้อยร้อยแปดสิบต้น มันมากพอจะทำให้กายหยาบเขาแข็งแกร่งถึงขีดสุด และยังมีเหลือเก็บอีกไม่น้อย

นี่ก็คือความมั่งคั่งที่ยากจะจินตนาการได้!

อยู่กับน้องสิบสามมันดีจริงๆ!

…….

แม้แต่เสิ่นเอ้าผู้หัวดื้อ ตอนนี้ในใจยังเริ่มยอมรับเสิ่นเทียนแล้ว

คนอื่นๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ละคนมีความเลื่อมใสเสิ่นเทียนจากใจจริงอยู่แล้ว

ไม่ยอมก็คงไม่ได้!

ดูศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สิ ตั้งแผงลอยเสี่ยงทายเปิดแร่ในสวนหมื่นวิญญาณ ก็เปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์

ไปเที่ยวเล่นในที่ราบหมอกลับแล ก็ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเป็นตันๆ มาใช้อาบ

ตอนนี้มาสนามรบบรรพกาลนานเท่าไรเอง ก็ได้ว่านโลหิตมังกรราวกับขายส่ง!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีท่านปรมาจารย์สวรรค์อยู่ ยังต้องกังวลว่าจะครองดินแดนบูรพาไม่ได้หรือ

เถ้าแก่ซ่งหยิบแหวนเก็บของวงที่สองออกมาจากถุงด้วยแววตาเร่าร้อน ก่อนจะใส่ของเข้าไปอย่างขันแข็ง

หลิวไท่อี่ควักแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อ จดบันทึกอะไรบางอย่างแบบจริงจัง ท่าทีจริงจังเหมือนกับสาวกผู้ซื่อสัตย์ที่สุด

ตอนนี้ในใจพวกเขาตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง เคยมีหญิงแกร่งที่มีความสามารถเป็นเอกแห่งยุคคนหนึ่งปรามาสพวกเขาว่า เอาแต่ติดตามท่านปรมาจารย์สวรรค์ ประจบอยู่ข้างท่านปรมาจารย์สวรรค์จะแข็งแกร่งขึ้นได้หรือ

ตอนนี้พวกเขาใช้ความจริงพิสูจน์แล้ว ‘ขออภัย แข็งแกร่งขึ้นได้จริง!’

ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังร่ำรวยมั่งคั่งควบคู่กับเดินบนเส้นทางเซียน!

การเลือกที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตพวกเราก็คือศรัทธาท่านปรมาจารย์สวรรค์

นี่คือความศรัทธาของทั้งชีวิต!

……….

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าตนแค่เกาะโชคลิขิตกิน แต่ภาพลักษณ์ในความคิดทุกคนกลับยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาแค่รู้สึกว่าร่างกายลอยขึ้นเหมือนจะเป็นเซียนไม่น้อย

เขาหยิบกระจกออกมาดูวงรัศมีเหนือศีรษะของตน

สีแดงในวงรัศมีเปลี่ยนไปมากในระดับความเร็วที่ตามองเห็นจริงๆ

แดงอมเขียว สวยมาก!

ทางด้านวงรัศมีของพวกเสิ่นเอ้าและจ้าวเฮ่าก็สว่างขึ้น บ้างก็มากบ้างก็น้อย โดยเฉพาะฉินเกา จุดสีทองเหนือศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ วงรัศมีดูสูงส่งขึ้นมาก

ตามที่เห็นในโชคลิขิตเดิมนั้น ฉินเกาจะอาศัยช่วงชุลมุนแย่งว่านโลหิตมังกรไปได้สิบกว่าต้น แต่ตอนนี้เขาได้ไปร้อยแปดสิบต้น ได้ไปมากจริงๆ

เสิ่นเทียนปลื้มใจกับตรงนี้มาก ฉินเกาได้กำไร ตนได้กำไร พวกสหายร่วมเดินทางก็ได้กำไรกันทุกคน

เช่นนั้น ใครขาดทุนกันแน่!

เสิ่นเทียนมองไปที่โครงกระดูกมังกรยักษ์สูงพันจั้งนั้นยังอดตกใจมิได้

เผ่ามังกรสมกับเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แกร่งที่สุดบนโลกจริงๆ แม้จะตายไปหมื่นปีแล้ว ต้นกำเนิดก็แทบจะไหลออกไปหมด แต่ก็ยังแผ่อานุภาพเช่นนี้ออกมาได้

ตอนนี้ทุกคนเข้าไปใกล้ศพมังกร รู้สึกเหมือนแบกน้ำหนักหลายร้อยชั่ง ไม่ได้เบาสบายสักนิด

หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีระดับพลังเหนือกว่าสร้างฐานก็อาจจะรับไม่ไหวจริงๆ!

ไม่รู้เหมือนกันว่าโครงกระดูกมังกรพวกนี้จะเอาไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่ามังกรสายเลือดบริสุทธิ์ ถ้าเอาไปตุ๋นเป็นน้ำแกงก็น่าจะมีรสชาติไม่เลวกระมัง!

หืม? เหตุใดข้าถึงคิดไปถึงเรื่องกินกัน กระดูกหมื่นกว่าปีคงเสื่อมสภาพแล้วล่ะ!

ซี้ด น่ากลัว!

……

เสิ่นเทียนส่ายหน้าก่อนจะมองกระบี่ยักษ์เล่มนั้นบนศีรษะมังกรยักษ์

พบว่ากระบี่ยักษ์เล่มนั้นขึ้นสนิมสีแดงเข้มทุกส่วน กระทั่งตัวกระบี่ยังมีต้นไม้เล็กๆ งอกออกมาหลายต้น

บนต้นไม้เล็กนั้นมีผลไม้ห้อยอยู่ รูปร่างเหมือนกระบี่แบบย่อส่วน และจะแกว่งไกวไปตามสายลมสดชื่น

เสิ่นเทียนรู้ว่านี่ก็คือผลไม้วิญญาณที่ล้ำค่ามาก

ผลไม้วิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า ‘ผลใจกระบี่’ ปกติจะมีเพียงดินแดนที่ยอดเซียนกระบี่ตายตกเท่านั้นถึงจะเติบโตขึ้นมา

แม้ว่าที่นี่จะไม่มียอดเซียนกระบี่ตายตก แต่ก็มีกระบี่เทพยอดเยี่ยมแห่งยุคที่สังหารมังกรศักดิ์สิทธิ์สายเลือดบริสุทธิ์

ภายใต้การบำรุงด้วยเจตจำนงกระบี่ทำให้เกิดผลใจกระบี่ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่กระบี่ยักษ์นั่นทะลวงกะโหลกมังกรศักดิ์สิทธิ์ ตอกมันลงกับพื้น

การจะเก็บผลใจกระบี่จะต้องรับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรมหาศาล ปีนขึ้นไปบนตัวมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้

ต้องรู้ว่าทุกคนแค่เข้าใกล้มังกรศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกถึงแรงกดดันหลายร้อยชั่งแล้ว รู้สึกหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย

การจะปีนขึ้นศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์ไปเก็บผลใจกระบี่จะต้องมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่าไปจนถึงหลายสิบเท่าแน่นอน

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน!

…….

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มปีนขึ้นจากหางมังกรศักดิ์สิทธิ์

ทุกครั้งที่เขาเดินไปทางศีรษะมังกรศักดิ์สิทธิ์หนึ่งก้าวก็จะรู้สึกได้ว่าแรงกดดันในตัวหนักขึ้นหนึ่งส่วนอย่างชัดเจน

เมื่อเสิ่นเทียนปีนขึ้นสูงห้าร้อยจั้งก็ขึ้นมาบนหลังมังกร เห็นศีรษะมังกรตั้งตระหง่านอย่างโอหังอยู่ไกลๆ กับรอยแผลกระบี่ยักษ์ทะลวงผ่าน

อานุภาพมังกรกับเจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามา ทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง ร่างเหมือนจะแหลกสลาย

“เกราะสัตว์เทพห้าอัสนี ปรากฏ!”

ปรากฏเงามายาห้าสัตว์เทพขึ้นข้างหลัง เมื่อมีปรากฏการณ์ปัญจธาตุเสริมแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไปไม่น้อย

เขาคลานเดินหน้าต่อไป รับแรงกดดันจากอานุภาพมังกรและเจตจำนงกระบี่พลางรู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ

แหวนในมือขยับประกายแสง ปรากฏขวดเล็กขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน ในนั้นบรรจุของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน

อึก~

อึกๆ~

อึกๆๆ~

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์ลงท้องไปแล้ว เสิ่นเทียนก็เปล่งแสงออกมาทั่วตัว

เขาตะโกนเสียงดังทีหนึ่ง สัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างจ้า เส้นผมตั้งขึ้น

เปลวเพลิงร้อนแรงลุกแผดเผาบนผิวกายเขา ตอนนี้เขากำลังเผาเลือดลม เพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง!

เมื่อได้ฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกแปลกๆ

เหมือนว่ามีคนคิดจะทำร้ายข้าอยู่เลย!

เสิ่นเทียนมองกระบี่ยักษ์นิ่งๆ “หยดโลหิตหรือ ต้องใช้โลหิตเท่าไร”

น้ำเสียงของวิญญาณกระบี่ชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ เจ้ามีกายพิเศษ คุณสมบัติเหนือธรรมดา น่าจะได้รับการยอมรับจากกระบี่สังหารฟ้าได้ หยดเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เสิ่นเทียนถอยไปช้าๆ “เจ้ามั่นใจนะว่าด้วยคุณสมบัติของข้า แค่หยดเดียวก็จะได้รับการยอมรับจากกระบี่ฟ้าสังหารน่ะ”

จิตวิญญาณกระบี่พูดด้วยความจนปัญญา “เจ้าหนุ่ม เจ้ามีพรสวรรค์สูงมาก จะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

เสิ่นเทียนแบะปาก “ข้ามีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวตนของเจ้า”

เขามองกระบี่ยักษ์นั้นพลางเรียกค้อนม่วงทองมาในมือขวา โล่เต่าดำปรากฏในมือซ้าย “เจ้าไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ล่ะสิ!”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าเย็นชาขึ้นทีละน้อย “ข้าก็คิดว่าสั่นคลื่นแสงกระบี่จะไม่มีพิรุธเสียอีก เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนเผยอมุมปาก “ง่ายมาก เพราะตอนที่ข้าเรียกกระบี่เล่มนี้ก็จงใจเปลี่ยนชื่อมัน เจ้าเรียกตัวเองว่าจิตวิญญาณกระบี่สังหารฟ้า แต่ข้าเรียกว่ากระบี่ฟ้าสังหาร ทุกครั้งข้าจะตั้งใจกลับชื่อมัน

จิตวิญญาณกระบี่ให้ความสำคัญกับอาวุธที่ตนสิงสถิตมาก ชื่อของอาวุธก็เหมือนกับชื่อแซ่ที่สอง ข้าเรียกผิดตั้งหลายรอบ เจ้าจะไม่รู้สึกตัวและเอะใจเลยได้อย่างไร”

น้ำเสียงจากความว่างเปล่าพูดอย่างเย็นชา “ใช้แค่นี้หรือ มันจะน่าหัวเราะเกินไปแล้ว!”

เสิ่นเทียนยักไหล่ “ใช้แค่นี้ยังยืนยันไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นข้าแค่หลอกเจ้าหน่อย ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยอมรับเร็วเช่นนี้!”

เสียงในความว่างเปล่าเงียบไปนาน เหมือนโดนตอกหน้าหงายไป

เสิ่นเทียนหัวเราะ “เฮ้ย เหตุใดไม่พูดล่ะ หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่จิตวิญญาณกระบี่ แต่เป็นเสี้ยววิญญาณของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่โดนกระบี่เล่มนี้ผนึกไว้!”

ก่อนเข้าสนามรบบรรพกาล เสี่ยวหลิงเซียนได้ถ่ายทอดบันทึกเส้นชีพจรมองลอดวิญญาณสวรรค์ให้เสิ่นเทียนส่วนหนึ่งแล้ว

แม้ความชำนาญยังตื้นเขินมาก แต่เสิ่นเทียนก็มองออกรางๆ ว่าหุบเขานี้ไม่ง่าย น่าจะเป็นสถานที่พิเศษที่กระบี่ยักษ์ผนึกเอาไว้

ต้องรู้ว่าสัตว์อสูรที่ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารพวกนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก สู้กับระดับเดียวกันยังเรียกได้ว่ามีร่างเป็นอมตะ

ดังนั้นยอดฝีมือบำเพ็ญเซียนที่แท้จริงจะสลักค่ายกลพิเศษเอาไว้ในการโจมตีเพื่อผนึกและทำให้มันอ่อนแอลง

มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่โดนกระบี่เทพทะลวง ถูกผนึกและตายตกในสนามรบบรรพกาล

ทว่าตายมาหมื่นปีแล้ว ดวงวิญญาณของมันก็ยังไม่ได้มอดดับไป

พูดความจริงเลยว่า มังกรศักดิ์สิทธิ์นี่ค่อนข้างไม่ง่ายเลย!

……

ผ่านไปนาน น้ำเสียงอ่อนนุ่มดังขึ้นกลางหุบเขาอีก “โอ้ว ไม่เลวเลย!

เจ้าเด็กชั่วเจ้าเล่ห์ ไม่อยากเชื่อว่าข้าจะหลอกเจ้าไม่ได้ ไม่น่ารักเลยจริงๆ”

เมื่อเสียงดังขึ้น โครงกระดูกมังกรสูงพันจั้งก็เปล่งแสงหม่น ก่อนจะรวมขึ้นเป็นหญิงชุดคลุมดำรูปร่างผอมสูง

นางสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ เส้นผมยาวพาดถึงบ่าปกคลุมไปครึ่งใบหน้า หน้าตางดงามยิ่ง

บนศีรษะนางมีเขามังกรสีชมพูสองเขา ดูยั่วยวนและต้องห้ามนิดๆ

และที่สำคัญกว่านั้นคือนางชั่วร้ายมาก น่าจะบอกว่า ‘ชั่วร้ายแบบทั้งใหญ่และขาวมาก!’

ในคนที่เสิ่นเทียนพบมาในชีวิตมีเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำเท่านั้นที่พอจะเทียบได้

แม้เสิ่นเทียนจะมีจิตใจดั่งนักปราชญ์ก็เกือบพ่ายแพ้!

หญิงชุดกระโปรงดำยิ้มหยอกเย้า ก่อนลอยมาข้างเสิ่นเทียนช้าๆ

นางรวบเส้นผมยาวช้าๆ หัวเราะเบาๆ “เจ้ามนุษย์น้อย หน้าตาดีใช้ได้เลย! ว่าอย่างไร อยากทำสัญญาเป็นนักรบมังกรผู้ทรงเกียรติหรือไม่”

หญิงมังกรชุดคลุมดำเข้ามาใกล้ๆ หูเสิ่นเทียนแล้วเป่าลมเหมือนกับเครื่องหอมเลื่องชื่อ

“ขอแค่เจ้าพยักหน้าก็จะปลดปล่อยข้าได้ แล้วข้าจะพิจารณาตอบตกลงเจ้า!

รสชาติของชีวิตเช่นนั้น มันสุดยอดมาก!”

………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน