บทที่ 208 วิชาสูงสุดนกยูง แสงเทพห้าสี (1)
ภายใต้ม่านยามราตรีปกคลุม มีร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งขยับวูบไหวในร่องหุบเขาอย่างรวดเร็ว
มันรวดเร็วปานสายลมจนคนเห็นแม้แต่เศษเงาไม่ชัด เหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าราตรี
และข้างหลังเขาก็เป็นหนุ่มสาวสวมชุดขนนกสวยงามห้าคนตามมาติดๆ จู่โจมใส่ร่างเงาสีขาวนั้นไม่หยุด
“เดรัจฉาน กล้าแย่งสมบัติล้ำค่าไปจากข้า สมควรตาย!”
ชายสวมชุดขนนกสีทองมีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระหืดกระหอบ ฟันดาบยาวสีทองในมือลงพื้นไม่หยุด
คลื่นดาบมหาศาลทำให้เกิดรอยดาบบนพื้นชัดเจน แต่กลับโจมตีไม่โดนเงาสีขาว ไม่ได้ทำอันตรายเขาแม้แต่น้อย
ชายชุดคลุมขาวข้างๆ ขี่พู่กันนกกระเรียนพุ่งใส่ร่างสีขาวนั้นเหมือนกับกระบี่เทพ
น่าเสียดายทุกครั้งที่จะจู่โจมโดนเงาสีขาว ร่างสีขาวนั้นจะเร่งความเร็วหลบได้สบายๆ เหมือนกำลังหยอกล้อทุกคน
“เหอะๆ เด็กน้อยหน้าตาอัปลักษณ์อย่างพวกเจ้ากล้าล่าสังหารข้ารึ ตอนนั้นที่ข้าท่องห้าดินแดน บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังเป็น…อาหารป่าให้แขกของข้าอยู่เลย!
ไม่นึกเลยว่าวีรบุรุษเมื่อถึงคราวอับโชคก็ถูกผู้อื่นรังแกได้ ตอนนี้เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าถึงกับกล้าโอหังเช่นนี้! ขอข้าฟื้นพลังบำเพ็ญก่อนเถอะ จะตุ๋นเดรัจฉานขนนกอย่างพวกเจ้าแน่นอน!
กลัวละสิ! ถ้ากลัวก็ถอยไป หลีกทางไป ภายภาคหน้าเมื่อข้าพิสูจน์มรรคในภพที่สองแล้วจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง!”
…….
เงาสีขาวหลบการโจมตีของห้าคน กระโดดไปในหุบเขาไปพลาง พ่นคำด่าไปพลาง
ตอนนี้ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เงาสีขาวนั้นส่องสะท้อนชัดเจนในสายตาห้าคนที่กำลังล่าสังหาร
นั่นคือเต่าดำสีขาวที่ยืนสองขากำลังวิ่งบนพื้นอย่างว่องไว!
ก่อนเห็นเต่าดำนี่ใช้ขาหลังยันพื้นสูงราวหนึ่งฉื่อ ทุกส่วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหยก เปล่งประกายแสงแพรวพราวภายใต้แสงจันทร์ ต้องบอกว่าเต่าดำนี่ดูไม่ธรรมดาจริงๆ รูปลักษณ์ก็สุดยอดมาก
เพียงแค่คำพูดจากปากเขากลับทำให้คนฉุนเฉียว อยากจะตุ๋นเจ้าเต่านี่ใจจะขาด
ความจริง ในใจโอรสสวรรค์ห้าคนจากดินแดนทักษิณก็คิดเช่นนี้
จินอวี่เป็นโอรสสวรรค์เผ่าพญาอินทรีปีกทองแห่งดินแดนทักษิณ ครั้งนี้แอบเชิญสหายเข้ามาในสนามรบบรรพกาล เดิมทีกลั้นโทสะไว้ คิดจะมาชำระแค้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
ปรากฏว่าพวกเขารออยู่หุบเขามารโลหิตหนึ่งวันเต็มก็ยังไม่เจอบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่เจอกับมารโลหิตที่แข็งแกร่งตนหนึ่งแทน
มารโลหิตตนนี้มีกำลังรบไม่ธรรมดา ซึ่งรวมขึ้นจากโลหิตบริสุทธิ์ของผู้แข็งแกร่งยุคโบราณผสมกับกลิ่นอายชั่วร้าย มีกำลังรบเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณ
แม้ห้าคนจะเป็นผู้โดดเด่นในระดับแก่นพลังทอง ในโลกข้างนอกสามารถสังหารระดับดวงจิตดรุณธรรมดาได้อย่างง่ายดาย แต่ในสนามรบบรรพกาลแห่งนี้ กำลังรบถูกจำกัดลงอย่างมาก จึงสู้กับมารโลหิตตัวต่อตัวได้ยากมาก
ห้าคนใช้เวลาอยู่นาน เสียพลังปราณเดิมไปจำนวนมากกว่าจะสังหารมารโลหิตนี่ลงได้ จนแหวกร่างมารโลหิตนำ ‘ไข่มุกแก่นโลหิต’ ออกมา
สำหรับมารโลหิตแล้ว ไข่มุกแก่นโลหิตคือต้นกำเนิดชีวิตของมัน แฝงไว้ด้วยพลังชีวิตที่มหาศาลอย่างยิ่ง
และสำหรับเผ่าปีศาจ ไข่มุกแก่นโลหิตก็เป็นยาบำรุงที่สมบูรณ์แบบ
โลหิตบริสุทธิ์ของร่างมารโลหิตปั่นป่วนและรุนแรง ทว่าโลหิตบริสุทธิ์ที่แฝงอยู่ในไข่มุกแก่นโลหิตกลับทรงพลัง เมื่อหล่อหลอมไข่มุกแก่นโลหิตแล้ว เผ่าปีศาจจะใช้ยกระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดตนได้ เสริมกำลังรบให้แกร่งขึ้นได้
หากดวงดี กระทั่งมีโอกาสปลุกตื่นสายเลือดของบรรพบุรุษสัตว์เทพโบราณได้
มารโลหิตตัวนี้มีสติปัญญาต่ำ ไม่อาจสำแดงกำลังรบของตนออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีกำลังรบเทียบเท่าระดับดวงจิตดรุณ จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าระดับของโลหิตบริสุทธิ์ของมันค่อนข้างไม่ธรรมดา ความล้ำค่าของไข่มุกแก่นโลหิตจึงยิ่งไม่ต้องสงสัย
ขนาดสำหรับทั้งห้าคนก็ยังเป็นโชคลิขิตล้ำค่าที่ควรค่าให้ความสนใจ!
ทว่าช่วงที่ทุกคนนำไข่มุกแก่นโลหิตออกมาเตรียมจะแบ่งกันนั้น เต่าขาวสมควรตายนี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
ความเร็วของมันแทบจะไร้เหตุผล!
ขยับวูบเดียว ไข่มุกแก่นโลหิตก็หายไปจากตรงหน้าห้าคน โดนเต่าดำนี่กลืนลงไปในท้อง จากนั้นเต่าขาวนี่ก็วิ่งหนีไปในส่วนลึกของสนามรบ
โอรสสวรรค์เผ่าปักษาแห่งดินแดนทักษิณย่อมยอมไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เหนื่อยจะเป็นจะตายสู้กับปีศาจตั้งนาน กว่าจะระเบิดสมบัติออกมาไม่ได้ง่ายๆ แต่กลับโดนแย่งไปเช่นนี้ คนปกติใครเขาจะยอมรับได้
ดวงตาของจินอวี่ขยับแสงสีทองออกมาจับจ้องร่างเงาสีขาวนั้นเขม็ง ไม่ให้เขาพ้นไปจากสายตาเลย
นี่คือความสามารถพิเศษของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง เมื่อฝึกฝนถึงจุดสูงสุดจะมองทะลุนภาเก้าชั้น มองลงดินส่องเก้าปรโลก มองทะลุทุกอย่าง
แม้วิชาเนตรของจินอวี่จะยังฝึกไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่ธรรมดาแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นขณะไล่มาตลอดทาง เต่าดำสีขาวนี่คงหนีพ้นไปนานแล้ว
จินอวี่มองเต่าขาวพลางแค่นยิ้ม “ไอ้เต่าสมควรตาย วันนี้ข้าจินอวี่ไม่ฆ่าเจ้า ก็ขอสาบานว่าจะไม่เป็นคน!”
เต่าขาวหัวเราะเสียงดัง “สาบานว่าไม่เป็นคนรึ เจ้าอย่าหน้าด้านนักเลย เจ้าน่ะหรือคน ก็แค่เดรัจฉานขนนกเท่านั้น! แต่ว่าเนื้อของอินทรีปีกทองพวกเจ้าก็อร่อยจริงๆ แก่ๆ เอามาตุ๋นน้ำแกงได้กำลังวังชา อ่อนๆ ก็เอามาย่างกินนุ่มละมุน
เฮ้อ กาลเวลามหัศจรรย์ไม่อาจหวนคืนสู่อดีต ข้าได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อไร จะตุ๋นเจ้าเป็นคนแรกเลย”
บึ้ม~!
เต่าขาวเพิ่งพูดจบ ตรงจุดที่เขาอยู่ก็ถูกแสงไอดาบฟันลงมา
ไอดาบทองคำนี้แกร่งจนน่าตกใจจริงๆ กระทั่งมากพอจะทำให้ผู้จริงแท้ระดับแก่นพลังทองบาดเจ็บสาหัส
น่าเสียดายก็แต่เต่าดำสีขาวนี่โต้ตอบไว้มาก ร่างกลายเป็นเศษเงาหลบการโจมตีได้ แม้ห้าคนจะโจมตีลงมาปานห่าฝนก็ยังสร้างอำนาจคุกคามถึงเขาจริงๆ ไม่ได้ ช่างดูโอหังและใช้อำนาจบาตรใหญ่จริงๆ
นี่…ยังเป็นเต่าอยู่อีกหรือ
หญิงนกยูงที่สวมอาภรณ์สีสันหลากสียังคงไม่พูดไม่จา เพียงแค่มองเต่าสีขาวนั้นเฉยๆ เหมือนกำลังสังเกตอะไรบางอย่าง ผ่านไปนานในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “เป็นท่าเท้าในตำนาน ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต”
คำพูดของข่งเมิ่งทำให้โอรสสวรรค์เผ่าปักษาอีกสี่คนมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ท่าเท้านั้นไม่ใช่ว่าหายสาบสูญไปแล้วรึ”
ข่งเมิ่งส่ายหน้าช้าๆ “ที่หายสาบสูญไปเพียงแค่ไม่มีผู้สืบทอดในใต้หล้าเท่านั้น อย่าลืมว่านี่คือสนามรบบรรพกาล”
จินอวี่หน้าเขียวปัด เพราะตนเป็นโอรสสวรรค์ของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง จึงมีความเข้าใจในมรดกที่มีชื่อเสียงของห้าดินแดน
ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเป็นวิชาลับที่ไม่เผยแพร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน ได้รับขนานนามว่ามีความเร็วสูงสุดในฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนทักษะย่างก้าวนี้จะสามารถแปลงกายเป็นสายฟ้าหนีหายไปในฟ้าดินได้
ความเร็วของมันนั้น ในระดับเดียวกันแทบไม่มีใครจับตัวได้
แน่นอนว่าการฝึกฝนทักษะย่างก้าวนี้ก็ยากยิ่งเช่นกัน
มันถูกสร้างโดยเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เมื่อหมื่นปีก่อน ทั้งยังสร้างชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนบูรพา
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นฝึกฝนกายเทพอัสนีกำเนิดฟ้าปัญจธาตุสำเร็จ แบกธงจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์เป็นหนึ่งในเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา
ในช่วงจุดสูงสุดนั้นเขายังก้าวสู่ระดับเตรียมจักรพรรดิ ก็ยังอาศัยย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเดินไปบนสนามรบบรรพกาลและฆ่าล้างมารร้ายจากต่างแดน
มักจะมีเพียงประกายแสงสีทองลากผ่าน ผู้แข็งแกร่งจากต่างแดนพวกนั้นก็จะศีรษะหลุดจากบ่า โลหิตนองเป็นสายน้ำ
ในสงครามครั้งนั้น ชื่อเสียงโด่งดังของ ‘เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง’ แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงกับหยุดเผ่าวิญญาณร้ายต่างแดนที่มาก่อความวุ่นวายได้
กระทั่งเล่าลือว่าที่เผ่าวิญญาณร้ายจากต่างแดนปิดล้อมโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะเกรงกลัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง
พวกเขากังวลว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ประกายทองจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้อย่างแท้จริงในสงครามนั้น
นอกจากนี้ พวกกุ้ยกงกง ฉินเกา เซียวหลิงและหลี่เหลียนเอ๋อร์ยังหยิบอาวุธออกมาปกป้องอยู่ข้างกายเสิ่นเทียน
ตอนนี้เสิ่นเทียนยังคงดูดซับแก่นสารของว่านโลหิตมังกร แม้ไม่รู้ว่าจะขัดได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็จะไม่ให้เกิดความเสี่ยงใดๆ
……
ค่ายกลตรงทางเข้าหุบเขาพังทลายลง
เงาสีแดงอมทองพุ่งเข้ามากลางหุบเขา
คนนี้สวมชุดคลุมขนนกสีทอง ข้างหลังมีปีกนกสีทอง นั่นคือจินอวี่ “ไอ้เดรัจฉาน ออกมา!”
เผ่าปีศาจหรือ
ฉินอวิ๋นตี๋ที่อยู่ตรงทางเข้าหุบเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตนเป็นศิษย์สายตรงเทพสวรรค์ย่อมค่อนข้างเข้าใจเผ่าปีศาจแดนทักษิณ หมื่นปีมานี้เผ่าปีศาจดินแดนทักษิณราชินีหงส์อมตะจึงทำตามสัญญามาตลอด
เหตุใดถึงปรากฏเผ่าปีศาจขึ้นในสนามรบบรรพกาลล่ะ อีกทั้งระดับความแกร่งของสายเลือดยังไม่ธรรมดามากด้วย!
ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าฉินอวิ๋นตี๋ศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่ทราบว่าสหายมีนามว่าอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าจะหาไอ้เต่าสารเลวนั่น…”
จินอวี่กำลังจะให้ทุกคนไสหัวออกไป แต่ทันใดนั้นก็เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋เขม็ง “เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าคือศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”
ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใช่ ไม่ทราบว่าสหายมีอะไรจะชี้แนะหรือไม่”
จินอวี่ยิ้มเยาะ “น่าสนใจ จับไอ้เต่านั่นไม่ได้ แต่มาเจอศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะว่าไปก็เป็นศิษย์ฝ่ายเดียวกัน หากข้าจับเจ้าไว้ ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้ารู้เข้าก็น่าจะมาหากระมัง!”
เมื่อเอ่ยจบ จินอวี่ก็จ้องฉินอวิ๋นตี๋เขม็ง เผยความเหี้ยมโหดมาอย่างโจ่งแจ้ง
อำนาจคุกคามมหาศาลที่เทียบเท่าแก่นพลังทองม้วนเข้าใส่ฉินอวิ๋นตี๋อย่างมืดฟ้ามัวดิน
เดิมทีจินอวี่คิดว่าด้วยอำนาจคุกคามของตน ฉินอวิ๋นตี๋จะต้องหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง กระทั่งอ้อนวอนขอร้อง แต่เขาคิดผิดไป คิดผิดไปมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินอวิ๋นตี๋ค่อยๆ แข็งค้าง ไม่มีความยำเกรงแม้แต่น้อย “เจ้าหมายความว่าคิดไม่ดีกับศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
จินอวี่หัวเราะเยาะ “คิดไม่ดีกับเขาแล้วอย่างไร ตาแก่บัวมรกตของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้ายังกล้าลงมือกับผู้อาวุโสเผ่าข้า ถึงประหารก็ไม่อาจลบล้างความผิดได้!
ครั้งนี้ข้ามาสนามรบบรรพกาลก็เพื่อจะมาเอาคืน จะมาฆ่าล้างบางศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นให้สิ้นซาก และก็ให้เผ่ามนุษย์ผู้โอหังอย่างพวกเจ้าได้รู้ว่าจะหยามศักดิ์ศรีของเผ่าปักษาดินแดนทักษิณไม่ได้ง่ายๆ!”
จินอวี่พูดด้วยใบหน้าลำพองใจ แต่ฉินอวิ๋นตี๋ยังคงมีสีหน้าเฉยชา ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
เพียงแต่ประกายที่เปล่งมาจากในดวงตาตี่เย็นชาและไร้ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งด่าศิษย์พี่ว่าสารเลวอย่างนั้นรึ”
จินอวี่อึ้งไป เขาไปด่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ว่าสารเลวตั้งแต่เมื่อไร
แต่ก็ช่างเถอะ!
กับอีแค่ศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตัวจ้อย อีกทั้งยังมีพลังแค่ระดับสร้างฐาน ไม่อยู่ในสายตาเขาจินอวี่เลย
เขาประเมินกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมารอบตัวฉินอวิ๋นตี๋ จินอวี่มั่นใจว่าจะส่งเจ้ามนุษย์นี่ลงแดนปรโลกได้ในสามกระบวนท่า!
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน