เห็นน้องสาวของตนเองยอมแม้กระทั่งเอาของขวัญครบรอบวันเกิดอายุสิบหกที่ท่านพ่อเป็นคนมอบให้ยกให้เสิ่นเทียน
ในหัวของหลี่ฉางเกอเหลือเพียงความคิดเดียว ‘ยัยเด็กผู้หญิงคนนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก’
เจ้าทำเช่นนี้ เคยนึกถึงความรู้สึกของท่านพ่อหรือไม่
ต้องบอกก่อน กระบี่วารีครามเป็นถึงอาวุธวิญญาณ การดำรงอยู่ของมันเหนือกว่าอาวุธอาคม!
ในท้องตลาดการบำเพ็ญเซียน อาวุธวิญญาณหนึ่งชิ้นมีค่าเท่ากับผลึกวิญญาณอย่างน้อยร้อยก้อน
ลองคำนวณดูก็คือศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระบี่วารีครามที่เป็นของชั้นสูงในบรรดาอาวุธวิญญาณ มูลค่าของมันสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยหลายเท่าตัว
ปัดเศษออกก็อยู่ที่ประมาณหนึ่งล้าน!
ของที่ล้ำค่ามากเช่นนี้ นำมามอบให้กันเช่นนี้เลยหรือ
เจ้าตัวบ่อนทำลาย!
…
หลี่ฉางเกอไม่กล้าปล่อยให้น้องสาวอยู่กับเสิ่นเทียนแล้ว
ไม่เช่นนั้น ใครจะไปรู้ว่านางจะมอบของอะไรอีก!
“น้องเสิ่น เมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนเป็นเรื่องสำคัญ ข้าขอพาเหลียงเอ๋อร์ไปก่อน”
“รอให้เจ้าปรึกษากับอาจารย์ของเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าและท่านพ่อจะรอต้อนรับขบวนของพวกเจ้าบนยอดเขาดอกบัวแดนเทวดาวประกายพรึก”
กล่าวจบ หลี่ฉางเกอดึงตัวหลี่เหลียงเอ๋อร์ ทั้งคู่กลายเป็นลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป
หายลับไปในสุดขอบฟ้าชั่วพริบตา
“ฟู่!”
จนกระทั่งตอนนี้ เสิ่นเทียนถึงรู้สึกโล่งอก
ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว!
ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้จริงๆ
แค่มาเดิมพันหินทั่วไป แต่กลับมาพบวาสนาคู่ครองที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้ได้อย่างไร!
ชาติที่แล้วเสิ่นเทียนก็ใช่ว่าจะไม่เคยสารภาพรักผู้หญิง และใช่ว่าจะไม่เคยพูดคำว่าข้าชอบเจ้า
แต่สุดท้ายผู้หญิงก็ไม่ได้ตอบตกลงยอมคบหากับเขา!
แต่ทำไมพอมาถึงที่นี่ เขายังไม่ทันได้คิดอะไรกับหลี่เหลียงเอ๋อร์เลย!
พูดเพียงคำว่า ‘เทพธิดากับข้ามีวาสนาต่อกัน’ ที่เรียบง่ายประโยคเดียว
นี่เป็นบทพูดของ NPC ไม่ว่ากับใครก็จะพูดเช่นนี้!
แต่ปรากฏว่านางเป็นคนประเภทชอบแต่งเติมสร้างโลกจินตนาการของตนเอง คิดเข้าข้างตนเองไปเสียแล้ว
ช่างเป็นการกลั่นแกล้งคนที่เกิดมาหน้าตาดีเสียเหลือเกิน!
…
เสิ่นเทียนถอนหายใจ มองทิศทางที่จากไปของหลี่เหลียงเอ๋อร์และหลี่ฉางเกอ
เขารู้ว่าสิ่งที่หลี่ฉางเกอกล่าวมานั้นง่าย แต่การกลับแดนเทวาประกายพรึกครั้งนี้ จะต้องไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี สมบัติชั้นสูงอย่างเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนมีแรงดึงดูดมากเกินไป
แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เสิ่นเทียนเคยลองสังเกตดู ก่อนที่หลี่เหลียงเอ๋อร์จะได้รับเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียน วงรัศมีแห่งโชคคือสีแดงบริสุทธิ์
หลังจากที่ได้รับเมล็ดน้ำเต้าเซียน ก็ปรากฏมีแสงสีทองจางๆ ปะปน
คนเพี้ยนก็มีวาสนาของคนเพี้ยน
ดวงชะตาถึงขั้นสูงเท่ากับฉินเกา
ส่วนดวงชะตาของหลี่ฉางเกอ แม้เทียบหลี่เหลียงเอ๋อร์ไม่ได้ แต่ก็เป็นวงรัศมีสีแดงอมเขียว
ดวงชะตาของคนทั้งสองเป็นหงส์และมังกรในหมู่มนุษย์ เป็นผู้มีโชคอันประเสริฐในโลกบำเพ็ญเซียน
จะต้องเป็นบุคคลระดับแนวหน้าแน่นอน!
“หากมีวาสนาแล้วเจอกันใหม่!”
“หวังว่าเวลานั้น ข้าจะกลายเป็นบุตรแห่งโชคชะตาแล้ว”
“หวังว่าเวลานั้น พ่อของเจ้าจะสู้ข้าไม่ได้”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย เก็บกระบี่วารีครามที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
พูดถึงกระบี่วารีครามแลดูเรียวและบาง แต่พอถือไว้ในมือมีน้ำหนักพอสมควร
ลองประเมินดู อย่างน้อยก็ต้องหนักยี่สิบหรือสามสิบชั่ง หนักใช้ได้
ทว่าทันใดนั้น เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
เมื่อมองดูสวนหมื่นวิญญาณที่อยู่ห่างจากตนเองหลายสิบลี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเทียนแข็งทื่อ
“หลี่ฉางเกอไอ้เจ้าคนหวงน้องสาว อย่างน้อยก็ควรส่งข้ากลับไปก่อนสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน