และในสายตาของคนบางกลุ่ม เขาได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกินของสวนหมื่นวิญญาณ
สิ่งเดียวที่เขาคิดในตอนนี้คือ
การที่สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มมันช่างสบายเหลือเกิน!
เมื่อวานเสิ่นเทียนต้องแบกของหนักสามสิบชั่ง เดินไกลหลายสิบลี้ มันทำให้เขาเหนื่อยจนกระดูกแทบแตกร้าว
ต้องบอกก่อน เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งฟื้นฟูจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกเมื่อไม่นาน!
โชคดีคือตอนที่เขากลับถึงสวนหมื่นวิญญาณ กุ้ยกงกงและฉินเกาได้จองโรงเตี๊ยมไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
หลังจากอาบแช่น้ำอุ่น เรียกบริกรมานวดให้ รู้สึกสบายไปหมดทั้งตัว
มีเพียงสิ่งเดียวที่เสิ่นเทียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ก็คือผู้หญิงที่มานวดไม่มีความเป็นมืออาชีพ
นวดก็นวดไปสิ แต่ทำไมต้องไปลูบคลำตรงจุดที่ไม่จำเป็นด้วย
แถมยังบอกว่าเขาหน้าตาดี ช่วยให้นางรู้สึกสบายด้วยได้หรือไม่
เสิ่นเทียนรู้สึกโมโหจนสั่งให้นางออกไปทันที
จะนวดก็นวดดีๆ ฝีมือการนวดห่วยก็ช่างเถอะ แต่มารยาทในการบริการก็ไม่ดี
ข้าจ่ายเงินเพื่อให้เจ้าบริการข้า
อะไรคือข้าช่วยให้เจ้าสบายด้วยได้หรือไม่
ทำไม ต้องการให้ข้านวดให้เจ้าหรือ
ข้าเหนื่อยจนหมดสภาพ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมบ้างหรือ
อีกอย่าง เจ้าจ่ายเงินให้ข้าหรือ
…
ฝีมือการนวดของลุงกุ้ยดีกว่าเยอะ น้ำหนักก็กำลังดี
ฝีมือที่ฝึกฝนจากการช่วยองค์ชายสิบสามกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและล้างไขกระดูกกว่าสิบหกปี นี่สิของจริง
สุดท้าย เสิ่นเทียนเผลอหลับภายใต้การนวดจังหวะช้าหนักเบาของกุ้ยกงกง
วันที่สอง พระอาทิตย์ขึ้น
เสิ่นเทียนตื่นจากการนอนหลับ รู้สึกเพียงสบายไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ราวกับเกิดใหม่
กุ้ยกงกงที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยความเป็นห่วง “เมื่อวานฝ่าบาททรงเหนื่อยเช่นนั้น หรือไม่วันนี้พักผ่อนเถิด!”
“ไม่ได้ ครั้งนี้ออกจากวังเพื่อฝึกฝนหาประสบการณ์ จะล้มเลิกความตั้งใจเพียงเพราะเหนื่อยได้อย่างไร”
เจ้าวงรัศมีสีดำที่สมควรตาย จะต้องชำระล้างให้ขาวโดยเร็ว!
ส่องกระจกมองดูวงรัศมีสีดำที่เริ่มมีจุดสีขาวปรากฏให้เห็น เสิ่นเทียนรู้สึกว่าจิตวิญญาณนักสู้เปี่ยมล้นขึ้นมาทันใด
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว พึ่งพาโชคลิขิตอันประเสริฐอีกครั้งสองครั้ง
ก็จะสามารถชำระล้างจนขาวแล้ว
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ข้าจะแอบขี้เกียจได้อย่างไร
“ลุงกุ้ยช่วยข้าเก็บกระบี่เล่มนี้ก็แล้วกัน!”
เสิ่นเทียนชี้กระบี่วารีที่หลี่เหลียงเอ๋อร์ให้มาแล้วกล่าวกับกุ้ยกงกง
“นี่เป็นของแทนใจที่พระสนมมอบให้องค์ชาย บ่าวเป็นคนเก็บคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมัง!”
“ข้อหนึ่ง นางไม่ใช่พระสนม ข้อสอง ตอนนี้ข้ายังไม่เริ่มฝึกกระบี่ ข้อสาม กระบี่เล่มนี้หนักเกินไป ข้าสะพายไม่ไหว”
เมื่อวานเสิ่นเทียนแบกกระบี่เล่มนี้เดินทางไกลสามสิบลี้ เขาแบกจนหนังแทบถลอก!
ถ้าเขาต้องแบกกระบี่เล่มนี้ไปไหนมาไหนทั้งวัน ไม่สู้เอาชีวิตของเขาไปดีกว่า
กุ้ยกงกงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้น บ่าวจะเป็นคนช่วยแบกก็แล้วกัน!”
ในอนาคตหากได้พบพระสนม บ่าวจะรีบมอบกระบี่เล่มนี้ส่งถึงมือท่าน คงจะไม่มีปัญหาอะไรกระมัง
ล้างหน้าล้างตาเสร็จ จัดแจงชุดนักพรตและหนวด
เสิ่นเทียนหยิบป้ายเรียกแขก เตรียมตัวออกไปตั้งแผง
แต่หลังจากคิดไปคิดมาเขากลับหยุด
หยิบพู่กันขึ้นมาเติมคำว่า ‘ปฏิเสธหญิงงาม’ ขนาดใหญ่สี่ตัวลงด้านหลังของ ‘สั่งสมบุญกุศล’
หลังจากนั้น เสิ่นเทียนถึงเดินออกไปอย่างโล่งใจ
…
คนทั้งสามมาถึงสถานที่ตั้งแผงก่อนหน้านี้อีกครั้ง กลับพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้คน
และถึงขั้นยังมีผู้หญิงไม่น้อยยืนถือป้าย ครั้นเห็นเสิ่นเทียนก็รีบตะโกนทันที
“พี่เซียน ข้ารักท่านก็เหมือนกับที่หนูวิญญาณรักข้าวเซียน”
“ท่านคือน้ำเต้าเซียนของข้า ข้าคือดอกไม้ของท่าน ท่านคือพี่เซียนของข้า เป็นความหวงแหนทั้งชีวิตของข้า!”
“พี่เซียน วาสนาก็เหมือนกับสะพาน ข้ายินดีข้ามเขาข้ามแม่น้ำ ข้ามสะพานไปพบท่าน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน