บทที่ 228 ปัญจธาตุครบ หลอมกายทอง
เสิ่นเทียนถือหอคอยเทพสงครามเดินมาหน้าแท่นหินช้าๆ
มองถาดวัฏจักรหกมรรคที่ลอยอยู่ตรงนั้น พลันเกิดความรู้สึกหนึ่งในใจ
เขาเหมือนรู้สึกว่าถาดวัฏจักรหกมรรคนั้นใกล้ชิดกับเขามาก เหมือนจะได้รับการยอมรับง่ายๆ
“ไม่ต้องมอง นั่นของวิเศษเตรียมเซียน”
เยี่ยฉิงชางเบ้ปาก “หากข้าไม่ใช้หอคอยเทพสงครามกำราบ เจ้าไม่มีทางปราบมัน…”
เขายังพูดไม่จบก็หยุดชะงักไป
เพราะเยี่ยฉิงชางเห็นเสิ่นเทียนยื่นมือออกไปช้าๆ ลูบถาดวัฏจักรหกมรรคนั้น
นี่เป็นไปได้อย่างไร!
นั่นคือถาดวัฏจักรหกมรรคของวิเศษระดับเตรียมเซียน จะยอมให้ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานลูบคลำตามใจได้อย่างไร
ยังมีความโอหังของของวิเศษเตรียมเซียนอยู่หรือไม่
ขอไม่เอ่ยว่าเยี่ยฉิงชางมีสีหน้าปวดไข่เพียงใด ตอนนี้เสิ่นเทียนลูบถาดดินเผาเล็กนี่แล้วรู้สึกค่อนข้างสบาย
สิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสี่ชนิดอย่างทองคำเซียนปีกปักษา เถากลืนกินเซียน น้ำมวลหนักปฐมกาลและอัคคีอรุณใต้ในกาย เดิมทีต่างไม่ล้ำถิ่นกัน
หรือก็คือข้าไม่ล่วงเกินเจ้า เจ้าก็อย่ามาล่วงเกินข้า
แต่ตอนนี้ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของดินบริสุทธิ์วัฏจักรแล้ว พลังของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสี่ชนิดก็คึกคักขึ้นมา
พวกมันกู่ร้องพร้อมกับดินบริสุทธิ์วัฏจักร เหมือนกำลังพูดว่า ‘พ่อหนุ่มน้อย มาเล่นกันเถอะ!’
ทันใดนั้น ถาดวัฏจักรหกมรรคที่เงียบเหงามาหมื่นปีก็ใจเต้นขึ้นมา
โลหิตบริสุทธิ์หยดหนึ่งซึมออกมาจากปลายนิ้วเสิ่นเทียนก่อนจมหายเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค
ทันใดนั้น ถาดวัฏจักรหกมรรคก็ยิงแสงสีขาวหมื่นจั้งออกมา ส่องสะท้อนทั้งที่ราบแห่งนี้
แท่นบวงสรวงยักษ์เริ่มสั่นสะเทือนเบาๆ เกิดรอยร้าวทีละนิด ทั้งค่ายกลเสียหัวใจสำคัญไป จึงค่อยๆ พังทลายลง
“ฮ่าๆๆๆๆ! ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นสักที! พวกเจ้ารอก่อนเถอะ รอข้าฟื้นพลังปราณเดิมเมื่อไรจะกลับมาแน่นอน!”
เมื่อยอดค่ายกลวัฏจักรหกมรรคพังลง ก็มีควันดำหลั่งทะลักออกมาจากฐานแท่นบวงสรวง แผ่กลิ่นอายที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง
ทว่าเขาไม่ได้พุ่งมาหาเสิ่นเทียนเหมือนในภาพยนตร์ แต่บินหนีไปไกล
เยี่ยฉิงชางแสยะปาก “เป็นแค่วิญญาณร้ายเล็กจ้อยยังกล้าปากเก่งกับข้ารึ ถ้าให้เจ้าหนีไปได้ จากนี้ข้าจะมีหน้ามีตาอยู่ได้อย่างไร”
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยฉิงชางก็ลูบแขนเสื้อเบาๆ
หอคอยเทพสงครามเปล่งแสงสว่างจ้า พลันรวมเป็นตาข่ายเวทสีม่วงมหึมาบดบังดวงตะวัน
ตาข่ายเวทปกคลุมราชามารวิญญาณมืดไว้ ทั้งยังปั้นตัวเขาเล็กลงเรื่อยๆ
สุดท้ายปั้นออกมาเป็นตุ๊กตาสีม่วงขนาดเท่าไข่ไก่ แขวนไว้ตรงฐานหอคอยเทพสงคราม เหมือนกับเครื่องประดับไว้ห้อย
“บัดซบ นักรบฆ่าได้หยามไม่ได้! ข้าคือราชาศักดิ์สิทธิ์รุ่นหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ จะไปรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ตุ๊กตาสีม่วงสั่นไม่หยุด และยังส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากในนั้น
เยี่ยฉิงชางยื่นมือขวาออกมา รวมแสงสีม่วงตรงนิ้วชี้และดีดกะโหลกไปที
“โอ๊ย เจ็บชะมัด!”
ตุ๊กตาสีม่วงส่งเสียงร้องโอดครวญ
เขาสงสัยในชีวิตแล้ว ตนเป็นราชามารแห่งเผ่าวิญญาณร้ายผู้ยิ่งใหญ่
แม้ตอนที่โดนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วัฏจักรผนึกไว้เมื่อหมื่นปีก่อนก็ยังทำได้แค่คับอกคับใจเท่านั้น เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ตายไปแล้ว
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตาแก่นี่ เขารู้สึกว่าตนเหมือนกับเด็กดื้อที่ให้ใครก็ได้มาบีบเล่น
คับอกคับใจ ไร้ที่พึ่ง น่าสงสารชะมัด!
“ถ้ารับความอัปยศนี้ไม่ได้ ข้าก็ส่งเจ้าไปเกิดใหม่ได้ ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆ เดี๋ยวนี้!”
เยี่ยฉิงชางเอ่ยอย่างเย็นชา ทำให้ตุ๊กตาสีม่วงเงียบลงทันที
เชื่อฟัง…อย่างกับเด็กน้อย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน