นักเปิดหินเฉือนผิวของหินแร่วิญญาณออกมาทีละชั้น กลายเป็นศิลาวิญญาณที่สมบูรณ์ก้อนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ศิลาวิญญาณก้อนนี้เป็นสีครามเขียว ขนาดประมาณลูกทุ่ม
ขนาดใหญ่กว่าศิลาวิญญาณที่เสี่ยวหลิงเซียนเปิดออกมาก่อนหน้านี้หนึ่งเท่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือตรงแกนกลางของศิลาวิญญาณก้อนนี้มีผลึกปรากฏขึ้นมากกว่าหนึ่งก้อน
“หนึ่งก้อน สองก้อน สามก้อน!”
“สามารถควบรวมเป็นผลึกวิญญาณสามก้อน นั่นก็หมายความว่ามันมีค่าเท่ากับศิลาวิญญาณอย่างน้อยสามพันก้อน!”
“ซื้อมาในราคาศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อน ขายออกไปในราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน เพิ่มขึ้นสิบหกเท่า!”
“ได้กำไร ได้กำไรมหาศาล!”
……
ทันใดนั้น สายตาที่อิจฉาริษยารุมล้อมผู้มีวาสนาคนแรกทันที
ศิลาวิญญาณสามพันก้อน ถ้าหากแลกเป็นตำลึงเงินก็เท่ากับสามล้านตำลึงเต็มๆ
ความมั่งคั่งเช่นนี้ ถึงเป็นผู้แท้จริงในช่วงแก่นพลังทองก็ไม่สามารถมองข้าม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้มีวาสนาคนแรกเพิ่งอยู่ในระดับหลอมปราณขั้นหก
หากใช้ศิลาวิญญาณพวกนี้อย่างประหยัด ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาฝึกไปถึงระดับสร้างฐานช่วงกลางแล้ว!
เถ้าแก่ซ่งก้าวออกไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ชั่งน้ำหนักหินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้ สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าว “หินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้มีผลึกวิญญาณสามก้อนอยู่ด้านใน สามารถแลกเป็นศิลาวิญญาณสามพันก้อน บวกกับสามารถลดราคาได้ประมาณศิลาวิญญาณสองร้อยก้อน”
“ราคาโดยรวมของหินหยาบศิลาวิญญาณก้อนนี้อยู่ที่ประมาณสามพันสองร้อยก้อน”
“ทางร้านจะหักค่าธรรมเนียมร้อยละสิบเป็นค่าเปิดหิน”
“คิดราคาตามหน่วยของมัน ถ้าหากคุณชายยินดีขายมันให้ทางร้าน ทางร้านยินดีเสนอราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน”
“ไม่ทราบว่าคุณชายคิดเห็นอย่างไร”
บอกตามตรง ตอนนี้เถ้าแก่ซ่งเริ่มรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ศิลาวิญญาณทุกก้อนที่วางอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์ อันที่จริงล้วนแต่เคยผ่านการคัดกรองมาแล้ว
หินแร่วิญญาณที่มีอัตราเปิดออกมาเป็นของมีมูลค่าสูงถูกเปิดไปตั้งนานแล้ว
ของที่เหลือล้วนแต่เป็นของที่พวกสำนักเซียนและนักชีพจรวิญญาณคิดว่ามีโอกาสไม่มาก ดังนั้นจึงถูกส่งไปตามร้านแร่วิญญาณในสวน
เถ้าแก่ซ่งคิดไม่ถึง หินแร่วิญญาณที่ถูกตั้งราคาไว้ที่หนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อนจะมีผลึกวิญญาณอยู่ด้านในถึงสามก้อน
นั่นเป็นของที่มีมูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณสามพันก้อนเลยนะ!
ถ้าหากเขาสามารถมองความไม่ธรรมดาของหินแร่วิญญาณก้อนนี้ออกล่วงหน้า แล้วเปิดมันเอง
เช่นนี้ไม่เท่ากับได้กำไรมหาศาลหรอกหรือ
……
แน่นอน เถ้าแก่ซ่งก็แค่คิดในใจเท่านั้น ให้เขาเสี่ยงเปิดแร่เองก็ไม่กล้า
อย่างไรก็ดีการใช้ต้นทุนเพียงน้อยนิดทำกำไรมหาศาล เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นน้อยมากในวงการเดิมพันหิน
หากเขากล้าเปิดแร่ทั้งหมดในร้านของตนเองจริง ต้องขาดทุนจนไม่เหลือแม้กระทั่งกางเกงชั้นในแน่นอน
ถ้าหากตอนนี้สามารถรับซื้อมันในราคาศิลาวิญญาณสามพันก้อน
นำไปขายต่อ ขั้นต่ำก็สามารถขายออกไปในราคาศิลาวิญญาณสามพันห้าร้อยก้อนขึ้นไป ก็ถือว่าได้กำไรเยอะแล้ว
“สามพันก้อน? ได้ ข้าขาย!”
ผู้มีวาสนาคนแรกได้ยินเถ้าแก่ซ่งเสนอราคา รู้สึกดีใจจนออกหน้าออกตา
แต่นอกเหนือจากความดีใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจเช่นกัน “ถ้าหากเปิดเองก็คงดี”
นั่นมันเป็นถึงศิลาวิญญาณสามร้อยก้อนนะ พอที่จะจ้างนัดเปิดหินท่านหนึ่งแล้ว
เสิ่้นเทียนยิ้มเล็กน้อย “อำนาจมิควรใช้จนหมด ความสูงมิควรเพลิดเพลินเกินตัว ไม่ว่าสิ่งใดที่เกินไป โชควาสนาจะสิ้นสุดโดยเร็ว”
หากเจ้าเปิดศิลาวิญญาณออกมาจริง หลังจากนั้นนำมันไปโดยไม่ให้เถ้าแก่ร้านทำกำไรเลยสักนิด
ครั้งต่อไปที่มาร้านวิญญาณสวรรค์ ไม่แน่ เถ้าแก่ร้านอาจจะปั่นหัวและหลอกเจ้าก็เป็นได้!
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากนำศิลาวิญญาณไปขายให้ผู้อื่น จะต้องถูกนำไปเจียระไนจนพื้นผิวหลุดไปอีกชั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายศิลาวิญญาณที่ผู้มีวาสนาคนแรกได้มา อาจจะไม่ถึงสามพันก้อนด้วยซ้ำ
……
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเคยลองตรวจดูภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของคนบางส่วน
หากเสิ่นเทียนไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งหรือชี้แนะพวกเขา ปล่อยให้พวกเขาไปพบโชคลิขิตและเปิดศิลาวิญญาณเอง
เช่นนั้นแล้ว วงรัศมีเหนือศีรษะของคนเหล่านี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
และอย่างผู้มีวาสนาคนแรก ภายใต้การชี้แนะของเสิ่นเทียนสามารถเปิดออกมาเป็นศิลาวิญญาณ
เช่นนั้นแล้วโชคของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นพร้อมกับโชคของเสิ่นเทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน