ทันทีที่เสี่ยวหลิงเซียนกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา เสียงโต้เถียงโดยรอบหายไปทั้งหมดทันที
ผู้คนที่อยู่รอบข้างจ้องตรงมาทางเสี่ยวหลิงเซียนและเสิ่นเทียน แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยประกายของความชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
เป็นเจ้าเองหรือ
ข้าเอง พบกันอีกแล้ว
คนแซ่เสิ่น เจ้าสารเลว!
นี่คือบทสนทนาระหว่างเสี่ยวหลิงเซียนและท่านเซียนตอนพบหน้ากัน
นำมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน บวกกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของเสี่ยวหลิงเซียน
ซ่า!
คนทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกัน!
แฟนคลับหญิงที่อยู่ด้านข้างเสิ่นเทียน จินตนาการนิทานที่เกินจริงนับหมื่นขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเสี่ยวหลิงเซียนและพี่เซียนรู้จักกัน?”
“ไม่เพียงแค่รู้จัก ดูสีหน้าที่ขุ่นเคืองนี่สิ ต้องมีเรื่องอะไรกันมาก่อนแน่!”
“หรือว่าเสี่ยวหลิงเซียนเคยตามจีบพี่เซียน แต่โดนปฏิเสธ?”
“ฮ่าๆ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะพี่เซียนของพวกเราทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถมากเช่นนั้น!”
“หรือว่าเสี่ยวหลิงเซียนเคยถูกพี่เซียนเล่นแล้วทิ้ง? น่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง!”
“พี่เซียนหล่อมากเช่นนี้ ถึงเล่นแล้วทิ้งข้าก็ยินดีนะ!”
……
ได้ยินคำพูดวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบ เสี่ยวหลิงเซียนยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น
ใครโดนหลอกแล้วทิ้ง ข้ายังเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์อยู่นะ!
ในขณะที่นางกำลังจะทนไม่ไหวแล้วลากเสิ่นเทียนไปจัดการที่อื่น เถ้าแก่อวี้ของหอวิญญาณหงส์ก็เดินออกมา
เสี่ยวหลิงเซียนอดกลั้นความไม่สบอารมณ์ ลากเถ้าแก่อวี้เดินไปด้านข้างแล้วถามเสียงเบา
“พี่อวี้ ก็ไหนคุยกันแล้วว่าจะร่วมมือกับข้าไม่ใช่หรือ?”
เถ้าแก่อวี้ชะงักงันไปเล็กน้อย “ก็ใช่ไง!”
“แล้วทำไมท่านถึงต้องไปหาเจ้าหมอนั่นมาอีกคน เช่นนี้ไม่เท่ากับทุบป้ายร้านของข้าหรอกหรือ!”
เถ้าแก่อวี้จะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ใช่ กล่าว “เจ้าหมายถึงท่านเซียนเสิ่น? ข้าไม่ได้เป็นคนหาเขามา”
มุมปากของเสี่ยวหลิงเซียนกระตุกเล็กน้อย “ท่านเซียนเสิ่น ท่านบอกว่าเจ้าหมอนั่นคือท่านเซียน?”
เถ้าแก่อวี้พยักหน้า สายตาที่มองไปทางเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา “ใช่ นักพรตเสิ่นคือท่านเซียนของจริง!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าพวกเจ้ารู้จักกันจริง?”
เถ้าแก่อวี้มองไปทางเสี่ยวหลิงเซียน สีหน้าพร้อมที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้าน “มา ลองเล่าเรื่องของพวกเจ้าให้ข้าฟังหน่อย?”
“ไม่ได้มีเรื่องเช่นนั้นสักหน่อย” เสี่ยวหลิงเซียนกัดฟัน “เจอเจ้าหมอนี่ทีไรข้าซวยทุกที!”
เถ้าแก่อวี้ยิ้มแล้วกล่าว “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! การจะมีวาสนากับท่านเซียน มีผู้คนมากมายอยากมียังมีไม่ได้เลย”
จากนั้น เถ้าแก่อวี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ให้เสี่ยวหลิงเซียนฟัง
หลังจากฟังจบ เสี่ยวหลิงเซียนยืนเหม่ออยู่ตรงที่เดิม เริ่มฉุกคิดฉงนกับชีวิต
……
ช่วยคุณหนูใหญ่ของสวนหมื่นวิญญาณ ใช้ศิลาวิญญาณห้าหมื่นก้อนผ่าน้ำเต้าเซียนม่วงคราม เปิดออกมาเป็นเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ
ช่วยผู้มีวาสนาเจ็ดคนเปิดหิน ไม่มีใครได้ผลตอบแทนต่ำกว่าสิบเท่า คนที่ได้มากที่สุดสูงถึงหนึ่งร้อยเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังจะช่วยผู้มีวาสนาอีกสามสิบคนเปิดแร่!
เจ้าหมอนี่สามารถค้นวิญญาณประเมินและได้จริงหรือ
เป็นไปได้อย่างไร!
ถึงเป็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณที่แท้จริง ก็คงไม่มีทางช่วยคนเลือกหินแร่วิญญาณวันละยี่สิบก้อนหรอกกระมัง!
อย่างไรก็ดี การค้นวิญญาณประเมินแร่ต้องเผาผลาญพลังจิตจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวานเสี่ยวหลิงเซียนก็ได้เจอเสิ่นเทียนแล้ว เขาน่าจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการค้นวิญญาณประเมินแร่สิถึงจะถูก!
ไม่เช่นนั้น เขาก็ต้องมองอุบายของนางออกทั้งหมด
ไม่มีทางมาถามอะไรอีก
“หรือว่า เมื่อวานเจ้าหมอนี่จงใจแกล้งข้า!”
“อันที่จริงเขาคือปรมาจารย์ยอดฝีมือค้นวิญญาณประเมินแร่?”
ครั้นนึกถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิงเซียนยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง
เจ้าเป็นถึงปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณหนุ่มคนหนึ่ง แต่กลับมาแกล้งเด็กผู้หญิงอย่างข้า
จิตใจของเจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ?
……
นึกถึงเมื่อวานที่ตนเองทำตัวอวดอ้างความสามารถต่อหน้าเสิ่นเทียน แถมยังโดนเขาเสแสร้งทำเป็นมือใหม่
เสี่ยวหลิงเซียนรู้สึกว่าความโกรธของตนเองเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หันกลับมา เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าเสิ่นเทียน
ยังยิ้ม เจ้าหมอนี่ยังยิ้มเยาะเย้ยข้า!
ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!
เป็นผู้หญิงแล้วสามารถไร้เหตุผลเช่นนี้?
เสิ่นเทียนออกตัว จำแค้นนี้ไว้ฝังใจ
ความประทับใจต่อยัยผู้หญิงคนนี้ในใจของเขากำลัง -1-1-1…
……
การปรากฏตัวของเสี่ยวหลิงเซียน สำหรับเสิ่นเทียนเป็นเพียงบทแทรก
ต่อจากนั้นครึ่งวัน เสิ่นเทียนก็ช่วยผู้มีวาสนาค้นวิญญาณประเมินแร่อย่างเป็นระบบระเบียบ
หลังจากที่ผู้มีวาสนาทุกคนเปิดออกมาเป็นศิลาวิญญาณสำเร็จ วงรัศมีแห่งโชคที่อยู่เหนือศีรษะก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย
ส่วนกลิ่นอายสีดำที่อยู่เหนือศีรษะของเสิ่นเทียนก็ลดลงไปไม่น้อย พื้นที่สีขาวบนวงรัศมีกำลังขยายใหญ่ขึ้น
นอกเหนือจากนี้ เนื่องจาก ‘หลักการแบ่งเงินสานวาสนา’ ได้กระจายออกเป็นวงกว้าง
คนเหล่านี้ถึงขั้นก่อตั้งกลุ่ม ‘นิกายเซียน’ โดยตั้ง ‘แบ่งห้าส่วน’ เป็นกฎของนิกาย
เสิ่นเทียนพูดย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่รับ แต่กลับโดนคนเหล่านี้ยืนกรานปฏิเสธ!
พวกเขาอ้างว่านี่เป็นการบูชาแก่ผู้นำนิกาย
ทำราวกับว่าเป็นนิกายมารอย่างไรอย่างนั้น
สุดท้ายภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เสิ่นเทียนทำได้แต่ยอมรับของขวัญจากผู้มีวาสนาทั้งยี่สิบคน รวมกันทั้งสิ้นเป็นศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นสี่พันก้อน
ทั้งหมดนี้กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี
หลังจากเปิดหินแร่วิญญาณของผู้มีวาสนาทั้งยี่สิบคน เสิ่นเทียนไม่คิดจะทำต่อแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
และหากเปิดต่อไป พวกเถ้าแก่ร้านแร่วิญญาณคงต้องร้องไห้แน่
……
เสิ่นเทียนลากสังขารที่อ่อนล้ากลับไปถึงโรงเตี๊ยม
ทว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือทันทีที่เขาเพิ่งเปิดประตู มีเงาที่คุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือ
“พี่เสิ่น คงเหนื่อยแล้วกระมัง!”
“หลิงเอ๋อร์ตั้งใจชงชามาให้ท่าน ดื่มคลายเหนื่อยก่อนสิ”
มองดูดวงตาที่ยิ้มจนหรี่ แค่ดูก็รู้ว่านางต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ๆ
เสิ่นเทียนตกตะลึง “เจ้า…”
“คิดจะทำอะไร!”
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน