บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 29

บทที่ 29 เจ้าจะทำอะไร!
คนแซ่เสิ่น เจ้าสารเลว?

ทันทีที่เสี่ยวหลิงเซียนกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา เสียงโต้เถียงโดยรอบหายไปทั้งหมดทันที

ผู้คนที่อยู่รอบข้างจ้องตรงมาทางเสี่ยวหลิงเซียนและเสิ่นเทียน แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยประกายของความชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน

เป็นเจ้าเองหรือ

ข้าเอง พบกันอีกแล้ว

คนแซ่เสิ่น เจ้าสารเลว!

นี่คือบทสนทนาระหว่างเสี่ยวหลิงเซียนและท่านเซียนตอนพบหน้ากัน

นำมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน บวกกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของเสี่ยวหลิงเซียน

ซ่า!

คนทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกัน!

แฟนคลับหญิงที่อยู่ด้านข้างเสิ่นเทียน จินตนาการนิทานที่เกินจริงนับหมื่นขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเสี่ยวหลิงเซียนและพี่เซียนรู้จักกัน?”

“ไม่เพียงแค่รู้จัก ดูสีหน้าที่ขุ่นเคืองนี่สิ ต้องมีเรื่องอะไรกันมาก่อนแน่!”

“หรือว่าเสี่ยวหลิงเซียนเคยตามจีบพี่เซียน แต่โดนปฏิเสธ?”

“ฮ่าๆ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะพี่เซียนของพวกเราทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถมากเช่นนั้น!”

“หรือว่าเสี่ยวหลิงเซียนเคยถูกพี่เซียนเล่นแล้วทิ้ง? น่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง!”

“พี่เซียนหล่อมากเช่นนี้ ถึงเล่นแล้วทิ้งข้าก็ยินดีนะ!”

……

ได้ยินคำพูดวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบ เสี่ยวหลิงเซียนยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น

ใครโดนหลอกแล้วทิ้ง ข้ายังเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์อยู่นะ!

ในขณะที่นางกำลังจะทนไม่ไหวแล้วลากเสิ่นเทียนไปจัดการที่อื่น เถ้าแก่อวี้ของหอวิญญาณหงส์ก็เดินออกมา

เสี่ยวหลิงเซียนอดกลั้นความไม่สบอารมณ์ ลากเถ้าแก่อวี้เดินไปด้านข้างแล้วถามเสียงเบา

“พี่อวี้ ก็ไหนคุยกันแล้วว่าจะร่วมมือกับข้าไม่ใช่หรือ?”

เถ้าแก่อวี้ชะงักงันไปเล็กน้อย “ก็ใช่ไง!”

“แล้วทำไมท่านถึงต้องไปหาเจ้าหมอนั่นมาอีกคน เช่นนี้ไม่เท่ากับทุบป้ายร้านของข้าหรอกหรือ!”

เถ้าแก่อวี้จะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ใช่ กล่าว “เจ้าหมายถึงท่านเซียนเสิ่น? ข้าไม่ได้เป็นคนหาเขามา”

มุมปากของเสี่ยวหลิงเซียนกระตุกเล็กน้อย “ท่านเซียนเสิ่น ท่านบอกว่าเจ้าหมอนั่นคือท่านเซียน?”

เถ้าแก่อวี้พยักหน้า สายตาที่มองไปทางเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา “ใช่ นักพรตเสิ่นคือท่านเซียนของจริง!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าพวกเจ้ารู้จักกันจริง?”

เถ้าแก่อวี้มองไปทางเสี่ยวหลิงเซียน สีหน้าพร้อมที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้าน “มา ลองเล่าเรื่องของพวกเจ้าให้ข้าฟังหน่อย?”

“ไม่ได้มีเรื่องเช่นนั้นสักหน่อย” เสี่ยวหลิงเซียนกัดฟัน “เจอเจ้าหมอนี่ทีไรข้าซวยทุกที!”

เถ้าแก่อวี้ยิ้มแล้วกล่าว “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! การจะมีวาสนากับท่านเซียน มีผู้คนมากมายอยากมียังมีไม่ได้เลย”

จากนั้น เถ้าแก่อวี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ให้เสี่ยวหลิงเซียนฟัง

หลังจากฟังจบ เสี่ยวหลิงเซียนยืนเหม่ออยู่ตรงที่เดิม เริ่มฉุกคิดฉงนกับชีวิต

……

ช่วยคุณหนูใหญ่ของสวนหมื่นวิญญาณ ใช้ศิลาวิญญาณห้าหมื่นก้อนผ่าน้ำเต้าเซียนม่วงคราม เปิดออกมาเป็นเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

ช่วยผู้มีวาสนาเจ็ดคนเปิดหิน ไม่มีใครได้ผลตอบแทนต่ำกว่าสิบเท่า คนที่ได้มากที่สุดสูงถึงหนึ่งร้อยเท่า!

ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังจะช่วยผู้มีวาสนาอีกสามสิบคนเปิดแร่!

เจ้าหมอนี่สามารถค้นวิญญาณประเมินและได้จริงหรือ

เป็นไปได้อย่างไร!

ถึงเป็นปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณที่แท้จริง ก็คงไม่มีทางช่วยคนเลือกหินแร่วิญญาณวันละยี่สิบก้อนหรอกกระมัง!

อย่างไรก็ดี การค้นวิญญาณประเมินแร่ต้องเผาผลาญพลังจิตจำนวนมาก

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวานเสี่ยวหลิงเซียนก็ได้เจอเสิ่นเทียนแล้ว เขาน่าจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการค้นวิญญาณประเมินแร่สิถึงจะถูก!

ไม่เช่นนั้น เขาก็ต้องมองอุบายของนางออกทั้งหมด

ไม่มีทางมาถามอะไรอีก

“หรือว่า เมื่อวานเจ้าหมอนี่จงใจแกล้งข้า!”

“อันที่จริงเขาคือปรมาจารย์ยอดฝีมือค้นวิญญาณประเมินแร่?”

ครั้นนึกถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิงเซียนยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง

เจ้าเป็นถึงปรมาจารย์ชีพจรวิญญาณหนุ่มคนหนึ่ง แต่กลับมาแกล้งเด็กผู้หญิงอย่างข้า

จิตใจของเจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ?

……

นึกถึงเมื่อวานที่ตนเองทำตัวอวดอ้างความสามารถต่อหน้าเสิ่นเทียน แถมยังโดนเขาเสแสร้งทำเป็นมือใหม่

เสี่ยวหลิงเซียนรู้สึกว่าความโกรธของตนเองเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หันกลับมา เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าเสิ่นเทียน

ยังยิ้ม เจ้าหมอนี่ยังยิ้มเยาะเย้ยข้า!

ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!

เป็นผู้หญิงแล้วสามารถไร้เหตุผลเช่นนี้?

เสิ่นเทียนออกตัว จำแค้นนี้ไว้ฝังใจ

ความประทับใจต่อยัยผู้หญิงคนนี้ในใจของเขากำลัง -1-1-1…

……

การปรากฏตัวของเสี่ยวหลิงเซียน สำหรับเสิ่นเทียนเป็นเพียงบทแทรก

ต่อจากนั้นครึ่งวัน เสิ่นเทียนก็ช่วยผู้มีวาสนาค้นวิญญาณประเมินแร่อย่างเป็นระบบระเบียบ

หลังจากที่ผู้มีวาสนาทุกคนเปิดออกมาเป็นศิลาวิญญาณสำเร็จ วงรัศมีแห่งโชคที่อยู่เหนือศีรษะก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย

ส่วนกลิ่นอายสีดำที่อยู่เหนือศีรษะของเสิ่นเทียนก็ลดลงไปไม่น้อย พื้นที่สีขาวบนวงรัศมีกำลังขยายใหญ่ขึ้น

นอกเหนือจากนี้ เนื่องจาก ‘หลักการแบ่งเงินสานวาสนา’ ได้กระจายออกเป็นวงกว้าง

คนเหล่านี้ถึงขั้นก่อตั้งกลุ่ม ‘นิกายเซียน’ โดยตั้ง ‘แบ่งห้าส่วน’ เป็นกฎของนิกาย

เสิ่นเทียนพูดย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่รับ แต่กลับโดนคนเหล่านี้ยืนกรานปฏิเสธ!

พวกเขาอ้างว่านี่เป็นการบูชาแก่ผู้นำนิกาย

ทำราวกับว่าเป็นนิกายมารอย่างไรอย่างนั้น

สุดท้ายภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เสิ่นเทียนทำได้แต่ยอมรับของขวัญจากผู้มีวาสนาทั้งยี่สิบคน รวมกันทั้งสิ้นเป็นศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นสี่พันก้อน

ทั้งหมดนี้กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี

หลังจากเปิดหินแร่วิญญาณของผู้มีวาสนาทั้งยี่สิบคน เสิ่นเทียนไม่คิดจะทำต่อแล้ว

อีกทั้งตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว

และหากเปิดต่อไป พวกเถ้าแก่ร้านแร่วิญญาณคงต้องร้องไห้แน่

……

เสิ่นเทียนลากสังขารที่อ่อนล้ากลับไปถึงโรงเตี๊ยม

ทว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือทันทีที่เขาเพิ่งเปิดประตู มีเงาที่คุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือ

“พี่เสิ่น คงเหนื่อยแล้วกระมัง!”

“หลิงเอ๋อร์ตั้งใจชงชามาให้ท่าน ดื่มคลายเหนื่อยก่อนสิ”

มองดูดวงตาที่ยิ้มจนหรี่ แค่ดูก็รู้ว่านางต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ๆ

เสิ่นเทียนตกตะลึง “เจ้า…”

“คิดจะทำอะไร!”

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน