บทที่ 299 คำเชิญจากองค์หญิงเงือก (2)
แม้เอ้อทงเทียนจะทำไม่ได้ถึงขั้นคืนชีพด้วยหยดโลหิต แต่ก็ไม่ถือว่าอ่อนแอในระดับนิพพาน
เดิมทีเขาไม่คิดจะระเบิดพลังของทวารอยู่แล้ว เพราะเช่นนั้นต่อให้ชนะก็ไม่มีเกียรติ
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีระดับพลังต่ำกว่าเจ้าหนึ่งขั้น เจ้าระเบิดพลังสู้กับเขา ก็คงพูดยาก
แต่ตอนนี้เอ้อทงเทียนโดนตบหน้าดังเพียะๆ จึงขายหน้าอยู่แล้ว
ขอแค่ข้าหน้าด้าน พวกเจ้าก็จะบอกว่าข้าขายหน้าไม่ได้!
“เขตแดนเทพจระเข้ รวมให้ข้า!”
เอ้อทงเทียนตะโกนทีหนึ่ง ทวารทั่วร่างพลันเริ่มเชื่อมถึงกัน
ทวารจำนวนมากนั้นรวมขึ้นกันเป็น ‘ภาพจระเข้เทพ’ รางๆ สะท้อนในอากาศ
เมื่อภาพจระเข้เทพลอยขึ้นมา มวลอากาศในรัศมีพันจั้งพลันแข็งตัว อำนาจคุกคามรุนแรงถาโถมเข้ามา
“ข้าผนึกอากาศโดยรอบไว้แล้ว ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะตบข้าได้อีก…”
เพียะ~!
รอยโลหิตปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเอ้อทงเทียนอีกรอย
เขตแดนจระเข้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“รังแกจระเข้เกินไปแล้ว รังแกจระเข้เกินไปแล้ว!”
เอ้อทงเทียนแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า ภาพจระเข้เทพสีทองนั้นพลันกลายเป็นชุดเกราะคลุมตัวเขาไว้ โดยเฉพาะส่วนศีรษะ ถูกคลุมด้วยเกราะสามชั้นในและสามชั้นนอก
อืม ไม่ต้องสนว่ามีประโยชน์หรือไม่ ถึงอย่างไรก็ปิดรอยแส้ได้
สองมือเขามีทวารส่องแสงขึ้นพร้อมกัน เหมือนมีจระเข้เทพโบราณอ้าปากกว้างงับใส่เถากลืนกินเซียน
ครั้งนี้การล่องหนของเถากลืนกินเซียนไม่เป็นผล หนีไม่รอด
“เหอะๆ ถูกข้าจับได้สักที”
เอ้อทงเทียนตะโกนด้วยความโกรธ สองแขนพลันขยายใหญ่ขึ้น ดึงเถากลืนกินเซียนไว้อย่างหนาแน่น ขณะเดียวกันหางของเอ้อทงเทียนยังขยายใหญ่ขึ้นหลายจั้งเหมือนกับแส้เทพ ก่อนจะฟาดใส่ศีรษะเสิ่นเทียน
…….
เมื่อเห็นแส้หางของเอ้อทงเทียนเข้ามาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว เสิ่นเทียนกลับเผยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน มวลอากาศข้างหลังเอ้อทงเทียนแตกกระจาย ก่อนจะมีเถากลืนกินเซียนอีกเส้นทะลวงอากาศออกมา
ร่างใหญ่โตของเอ้อทงเทียนถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ถูกแรงมหาศาลกระชากลอยมาทางเสิ่นเทียน ดูเหมือนจะไม่มีแรงต่อต้านใดๆ อีก
ชนะแล้วรึ
ชนะง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
เสียงร้องตกใจดังกระหึ่มกลางฝูงปลา
สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนแสดงผลงานได้น่าตกใจมาก ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงกันใหญ่
เผ่ามนุษย์คนนี้ไม่ได้มีแค่ใบหน้าหล่อเหลาที่สุดแห่งยุค แม้แต่กำลังรบยังแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
หากเป็นไปได้ ก็อยากจะแจ้งกับตระกูลว่าให้เชิญเขามาเป็นพันธมิตรของเผ่าตนเถอะ!
ชั่วขณะที่ทุกคนคิดว่าการต่อสู้จบลงและตัดสินแพ้ชนะได้แล้วนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
เอ้อทงเทียนเผยแววตาเจ้าเล่ห์เสี้ยวหนึ่ง ก่อนจะแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้าทันที พละกำลังแก่กล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นจากร่างใหญ่โตของเขา
เถากลืนกินเซียนที่เดิมทีมัดเขาไว้แน่นหนาก็แตกออกทีละชุ่น โดนพลังแห่งทวารเทพฉีกขาด
ขณะเดียวกันเอ้อทงเทียนยังเขย่าร่างกลายเป็นจระเข้ยักษ์ทองคำร้อยจั้ง พุ่งกระโจนเข้าใส่เสิ่นเทียน
มันอ้าปากกว้างเหมือนจะเขมือบทั้งมิติหนึ่งทิศ จะกินเสิ่นเทียนเข้าไปทั้งตัว
ใกล้แค่เอื้อม หลบไม่ทันแล้ว!
“พี่เสิ่นเทียนระวัง นี่คือไม้ตายของเผ่าจระเข้…น้ำวนมรณะ!”
เสียงเตือนของเอ๋าอูเพิ่งดังขึ้น เอ้อทงเทียนก็พุ่งมาหน้าเสิ่นเทียนแล้ว กลิ่นคาวรุนแรงโชยเข้ามา
จระเข้ทองคำร้อยจั้งอ้าปากทีมากพอจะเขมือบบ้านเล็กได้ทั้งหลัง
และที่สำคัญกว่านั้นคือนี่เหมือนจะเป็นไม้ตายบางอย่างของเผ่าจระเข้ มวลอากาศถูกแช่แข็งในพริบตา
วิชาหลบหลีกส่วนใหญ่เห็นผลยากมากเมื่ออยู่ต่อหน้าวิชานี้
เสิ่นเทียนไม่หลบ แสงทองรอบตัวเขาขยับประกาย ทั้งตัวเขาขยายใหญ่ขึ้นตามสายลม ชั่วอึดใจเดียวก็กลายเป็นคนยักษ์สูงเกือบร้อยจั้ง เหมือนกับแกะสลักขึ้นจากทองคำ
เขายื่นสองมือมาจับขากรรไกรบนและล่างของจระเข้ยักษ์ทองคำไว้อย่างมั่นคง หยุดเอ้อทงเทียนที่พุ่งกระโจนเข้ามาเอาไว้ได้
เสิ่นเทียนถอยไปหลายก้าว
ทันใดนั้นเอง พลังงานมหาศาลแผ่กระจายออกมา
หินโสโครกทั้งหมดในระยะร้อยจั้งกลายเป็นฝุ่นผง คลื่นน้ำระเบิดกระจาย
“ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้ารับ ‘น้ำวนมรณะ’ ของข้า เผ่ามนุษย์เจ้าช่างไม่รู้จักประมาณตน!”
จระเข้ยักษ์ทองคำหัวเราะเยาะไม่หยุด ร่างพลันหมุนวนอย่างรุนแรง กลายเป็นกรวยเทพทองคำ
ตัวเสิ่นเทียนเองก็ถูกแรงมหาศาลนี้ฉุดดึงให้หมุนตามเช่นกัน และยังมีพลังเทพเอ่อล้นกำลังฉีกแขนสองข้างของเขา หากเสิ่นเทียนยังยืนหยัดไม่ปล่อยมือ ฟันจระเข้ยักษ์นั้นก็จะฉีกเขาในพริบตา
……
เมื่อเห็นเอ้อทงเทียนทำหน้าว่ามั่นใจจะชนะแล้ว เสิ่นเทียนก็นึกถึงสารานุกรมที่เคยอ่านในภพก่อน
ทุกคนรู้ว่าจระเข้เป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาก เวลากัดเหยื่อได้จะหมุนตัวอย่างรวดเร็ว
ด้วยการอาศัยแรงเหวี่ยงจากวิทยาศาสตร์ การหมุนเช่นนี้จะฉีกแขนขาของเหยื่อได้ ฉีกเละโลหิตไหลนองอย่างน่าสะพรึง
ไม่นึกเลยว่าในโลกบำเพ็ญเซียนที่ไม่มีวิทยาศาสตร์นี้ รูปแบบการโจมตีของเผ่าเทพจระเข้จักรพรรดิจะคือการกัดและหมุนเช่นกัน
จากที่เสิ่นเทียนรู้มา ไม้ตายนี้ของจระเข้ทรงอานุภาพมาก
แต่วิธีการแก้ท่านี้ก็ง่ายมากเช่นกัน นั่นคือต้องหมุนตามเขา
ขอแค่เจ้าหมุนเร็วกว่าเขาก็จะสวนกลับได้อย่างสมบูรณ์ จับทุ่มศีรษะมันลงมาได้
วิธีการแก้ทางเช่นนี้ เสิ่นเทียนคิดว่าค่อนข้างมีเหตุผลเลย
ดังนั้นวินาทีต่อมา ความเร็วในการหมุนของกรวยเทพทองคำก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมองเห็นร่างคนไม่ชัด
เผ่าปีศาจที่ชมอยู่รอบๆ มีสีหน้าจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ไม่นึกเลยว่าระดับพลังของเอ้อทงเทียนจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอีก
ระดับความเร็วในการหมุนนี้เร็วกว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนไม่ใช่แค่เท่าตัวเดียว!
เป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคจริงๆ ระดับพลังยังก้าวหน้าไวเช่นนี้
ไม่เจอจระเข้สามวัน ก็ต้องมองในมุมใหม่แล้ว!
…….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน