บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 312

บทที่ 312 ตำหนักเทพคุนเผิง มรดกโบราณ

ทุกคนตรวจสอบเกาะนี้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน บางครั้งเจอสัตว์ร้ายรับมือยากก็จะถูกฉีเซ่าเสวียนจัดการ

ความจริงแล้ว เดิมทีเสิ่นเทียนก็อยากจะออกมือ แต่ถูกทุกคนห้ามไว้

ในมุมมองของทุกคน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นเทียนต้องเก็บพลังปราณเดิมไว้ควบคุมไอเบิกฟ้าในกาย

เรื่องสู้อะไรนี่ พวกเขาจัดการได้หมด

ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อทุกคนร่วมมือกันเต็มที่จริงๆ บนเกาะก็มีสัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวที่เป็นคู่ต่อสู้

โดยเฉพาะฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอู หลังจากร่วมมือกันสำแดงวิชาลับ กำลังรบของสองคนก็แกร่งยิ่งกว่าเดิม

ต่อให้ปลาหมึกนอกเกาะนั่นเกิดใหม่ ก็เกรงว่าจะต้านไม่ได้กี่กระบวนท่า

แน่นอน การจะสังหารเจ้านั่นในกระบวนท่าเดียวก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

บุกเข้ายึด แบ่งของโจร

บุกเข้ายึด แบ่งของโจร

บุกเข้ายึด แบ่งของโจร

……

เส้นทางการผจญภัยของทุกคนเบาสบายมีความสุขมาก

และทรัพยากรที่ทุกคนได้มาก็ค่อนข้างมากพอดู พอจะเท่ากับทรัพยากรที่ออกไปผจญภัยข้างนอกหลายปี

เขตทะเลในเกาะดาราเบิกฟ้าเป็นแดนลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในทะเลอุดรจริงๆ!

หลังจากรอบนอกเกาะถูกบุกยึดพอประมาณแล้ว ทุกคนก็เริ่มค้นหาส่วนในของเกาะ

แกนกลางของเกาะนี้ถูกคลุมด้วยไอม่วงเบิกฟ้าหนาแน่นก็จริง แต่โชคดีว่าตรงกลางมีสถานที่วิเศษอีกแห่ง

หลังจากทุกคนค้นหาส่วนลึกของหมู่เกาะไปร้อยกว่าลี้แล้ว ก็พบพระราชวังแห่งหนึ่งอย่าง ‘น่าแปลก’

พระราชวังแห่งนี้โอ่อ่ายิ่งใหญ่มาก มีขนาดหลายร้อยจั้ง สูงเสียดเมฆนภา

มันเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน ทำให้ใครที่เห็นจะอดเกิดความยำเกรงตรงส่วนลึกในใจไม่ได้

พระราชวังสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ตั้งขวางบนเกาะ เหมือนกับสัตว์ร้ายมหึมายิ่ง แผ่กลิ่นอายป่าเถื่อน

ตรงหน้าพระราชวังแห่งนี้เป็นประตูใหญ่ยักษ์สูงกว่าร้อยจั้ง

บนคานเหนือประตูแขวนป้ายสีทอง บนป้ายแกะสลักอักษรเผ่าปีศาจทรงพลังสี่คำ

เสิ่นเทียนเพ่งมองอักษรเผ่าปีศาจสี่คำนั้น รู้สึกว่าจิตวิญญาณทั้งหมดเหมือนจะถูกมันดึงดูด เกือบจะอดใจถล้ำเข้าไปไม่ได้

ขนาดเสิ่นเทียนยังใจลอย คนอื่นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

นอกจากฉีเซ่าเสวียนที่รวมดวงจิตดรุณ อีกทั้งยังหลอมรวมน้ำตาดาวเทพสมุทรเพิ่มพลังจิตวิญญาณอย่างมากจนต้านแรงกระทบกระเทือนจากสี่คำนี้ได้แล้ว

คนอื่นๆ เช่นเอ๋าอู อวี้เผียนเซียนรวมถึงสี่คุณชายล้วนเหม่อมองป้ายนั้น เหมือนถูกดูดจิตวิญญาณ

“ตื่นขึ้นมา!”

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังแห่งดินบริสุทธิ์วัฏจักรแฝงอยู่ในพลังจิต สั่นสะเทือนออกไปพร้อมกับเสียงตะโกน

พริบตาเดียว ทุกคนก็ได้สติกลับมา เหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาจากด้านหลัง

“อักษรประหลาดมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะแฝงความหมายลึกล้ำของกฎเกณฑ์ส่วนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะสหายเสิ่นปลุกพวกเราทันเวลา เกรงว่าพวกเราคงตื่นเองได้ยากมาก นี่คือการเข้าสู่มรรค เล่าลือว่าในอดีตกาลมีคนพบยอดฝีมือหมากล้อม หลังจากดูหมากหนึ่งตาแล้ว กว่าจะเข้าสู่ทางโลกอีกครั้งก็ร้อยปี

หากโลกภายนอกได้เห็นสี่คำนี้ ได้ตระหนักรู้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่เราอยู่ในทะเลดาราเบิกฟ้า หากตระหนักรู้หลายปีจริงๆ คงจะโดนยอดค่ายกลเบิกฟ้าสาปเอาแน่

เดิมทีข้ายังคิดจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของสหายเสิ่น ไม่นึกเลยว่าจะติดค้างสหายเสิ่นอีกชีวิตเร็วเช่นนี้ บุญคุณช่วยชีวิตสองครั้ง นี่จะให้เผียนเซียนตอบแทนพี่เสิ่นอย่างไร!”

…..

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจนปัญญา “ทุกท่านไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ทุกคนรู้จักสี่คำนี้หรือไม่”

คุณชายไป๋เผ่าเทพหมึกยักษ์มองสี่อักษรอย่างระมัดระวัง หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักแล้วก็เหมือนจะรู้จัก

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “หากแซ่ไป๋จำไม่ผิด สี่คำนี้น่าจะเป็นคำว่า ‘ตำหนักเทพคุนเผิง[1]’”

ตำหนักเทพคุนเผิงรึ

เป็นนามที่บ้าอำนาจมาก หรือจะเป็นถ้ำของเซียนกัน

คุณชายไป๋เห็นทุกคนสงสัยจึงพูดอธิบาย “ข้าเคยอ่านเจอในมรดกลับโบราณ ในอดีตกาลมีคำเล่าขานว่า เผ่าพญาเผิงปีกทองแห่งดินแดนทักษิณกับเผ่าคุนสุญตาของทะเลอุดร ล้วนเป็นสายเลือดย่อยมาจากคุนเผิง

หากสายเลือดของเผ่าปลาคุนเข้มข้นถึงระดับที่แน่นอนก็อาจจะมีปีกกลายเป็นเผิง มีกายแท้จริงและร่างแยกสองชนิดต่างกัน ศักยภาพพัฒนาถึงขีดสุด

หลักการเดียวกัน หากสายเลือดของพญาเผิงปีกทองเข้มข้นถึงขีดสุดก็อาจจะมีความเป็นหยางสูงสุดจนเกิดหยิน ได้รับพลังแห่งเผ่าคุนสุญตา”

เอ๋าอูถามด้วยความแปลกใจ “หรือว่าในตำหนักเทพคุนเผิงแห่งนี้จะมีมรดกของเผ่าคุนเผิงอยู่”

คุณชายไป๋ตอบ “รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่จากในพงศาวดาร ทุกครั้งที่ทะเลอุดรปรากฏ ‘สัตว์เทพคุนเผิง’ ขึ้น จะสั่นสะเทือนทั้งห้าดินแดน เล่าลือว่าคุนเผิงตัวสุดท้ายที่ปรากฏในห้าดินแดนก็คือยุคต้องห้ามเมื่อหมื่นปีก่อน

ตอนนั้นเผ่าคุนให้กำเนิดสวีคุน อัจฉริยะที่แกร่งที่สุดในประวัติการณ์ สายเลือดพัฒนาขึ้นสูงสุดกลายเป็นคุนเผิง กวาดล้างผู้ฝึกบำเพ็ญระดับเดียวกันทั้งหมด

ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดถึงขั้นสำแดงยอดวิชาอุดรสมุทรกลืนฟ้า เคยละลายเซียนแท้จริงจากโลกข้างบนคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งโดดเด่นของเขาเป็นรองเพียงราชินีหงส์อมตะในตอนนั้น!”

อืม ตอนนั้นเอ๋าปิงถูกสับไปแล้ว

เมื่อได้ฟังคุณชายไป๋เล่าถึงความแกร่งของคุนเผิง ทุกคนก็ตาลุกวาวขึ้นมา

ใช้ระดับพลังผู้อริยะกลืนกินเซียนแท้จริงจากโลกข้างบน นี่คือพรสวรรค์ระดับใดกัน

อย่าไปพูดถึงอัจฉริยะที่สู้ข้ามขั้นได้เลย เหอะๆ นั่นคือตอนระดับต่ำ

ระดับหลอมปราณสู้สร้างฐาน หลอมกายสู้เหนือสามัญ คนที่ทำได้เช่นนี้ในห้าดินแดนมีมากมาย

แต่ระดับดวงจิตดรุณสู้หลอมรวมเทพ ระดับหลอมรวมเทพสู้ผู้อริยะ อัจฉริยะเช่นนี้แทบจะงัดนิ้วออกมานับได้เลย

ส่วนผู้อริยะสังหารเซียนแท้จริง นั่นหายากยิ่งกว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้

ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกเป็นเซียนแท้จริงได้ ใครบ้างไม่ใช่สุดยอดโอรสสวรรค์มีพรสวรรค์น่าตื่นตกใจ

ถ้าเจ้าจะแขวนทุบตีพวกเขาข้ามขั้น ระดับความยากไม่เป็นรองไต่ฟ้าเลย

ทว่าคุนเผิงตัวนั้นในอดีตกาลทำได้ เขาใช้กายระดับผู้อริยะหลอมละลายเซียนแท้จริงได้

อำนาจน่าเกรงขามเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะเลื่องลือไปทั้งห้าดินแดน!

………

ฉีเซ่าเสวียนกำง้าวมังกรสวรรค์ในมือแน่น “หรือก็คือ ตำหนักเทพเทพนี่มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นของคุนเผิงตัวนั้นในตอนนั้นหรือ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าช้าๆ “ตำหนักเทพเทพยิ่งใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นมหาอริยะคุนเผิง ก็ยากจะหลอมสร้างออกมาเป็นตำหนักเทพเช่นนี้ได้ มิหนำซ้ำยอดค่ายกลเบิกฟ้าห่อหุ้มทั้งเขตทะเล ผู้ฝึกบำเพ็ญอายุห้าร้อยปีขึ้นไปเข้าไปไม่ได้เลย ถ้าจะบอกว่ามหาอริยะคุนเผิงท่านนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนสร้างตำหนักเทพนี้ไว้ แซ่เสิ่นเชื่อว่ามหาอริยะคุนเผิงเคยมาที่นี่ตอนหนุ่มมากกว่า”

คุณชายไป๋พยักหน้าเช่นกัน “ตามพงศาวดารบอกว่ามหาอริยะคุนเผิงเคยเข้ามาในเขตทะเลเบิกฟ้า หลังจากเขากลับออกไปก็ศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก เริ่มนำคนรุ่นเดียวกันจนกระทั่งไร้พ่าย น่าเสียดายก็แต่สุดท้ายมหาอริยะคุนเผิงท่านนี้ถูกศัตรูแข็งแกร่งปิดล้อมสังหาร ไม่ได้ถ่ายทอดวิชาของตนเอาไว้”

เสิ่นเทียนเดินมาหน้าตำหนักเทพคุนเผิงช้าๆ “ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ในเมื่อที่นี่มีตำหนักเทพเทพ บางทีข้างในอาจจะมีโชคลิขิตอะไรอยู่ พวกเราเข้าไปดูก็รู้เอง”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ผลักประตูใหญ่ของตำหนักเทพคุนเผิงช้าๆ เพียงแต่รู้สึกว่าสองมือถูกขัดขวางอย่างรุนแรง

ประตูยักษ์สูงร้อยจั้งนั้นเปล่งแสง ปรากฏยันต์ลายเทพลึกลับขึ้นบนประตู แฝงไว้ด้วยพลังแก่กล้า

ทันทีที่ปรากฏยันต์พวกนี้ขึ้น เสิ่นเทียนก็รู้สึกว่าประตูใหญ่ร้อยจั้งนี้เหมือนกับภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง มั่นคงไม่สั่นคลอน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการทดสอบบางอย่าง

หากศักยภาพไม่แข็งแกร่งพอ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าประตูบานนี้

“คิดจะขวางแซ่เสิ่น น้ำหนักแค่นี้ยังไม่พอ”

เสิ่นเทียนดวงตาสองข้างเปล่งแสงสว่าง ทั่วร่างระเบิดพลังไร้ที่สิ้นสุด

เขายืนบนพื้นอย่างมั่นคงและเชื่องช้า มือขวาพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบจั้ง เปล่งแสงสีทองสว่างแพรวพราว

จะเห็นเงาเทพพญาเผิงปีกทองตัวใหญ่ข้างหลังเสิ่นเทียนรางๆ

วิชาปักษาสวรรค์ปะทะมังกร!

แควก~

เสิ่นเทียนเหมือนกลายเป็นอินทรีเทพโบราณตัวหนึ่ง พุ่งกระโจนใส่หน้าประตูนี้

ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘เปรี้ยง’ ในที่สุดประตูยักษ์สูงร้อยจั้งก็เปิดออกช้าๆ

ตำหนักเทพใหญ่กว้างโล่งยิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

………

ใช่ กว้างโล่งมาก

ในตำหนักเทพไม่มีอะไรเลย แม้แต่เก้าอี้ยังไม่มี

เห็นได้ชัดว่าตำหนักเทพเทพแห่งนี้เคยถูกคนยกเค้าไปก่อนแล้ว สมบัติทั้งหมดถูกห่อกลับบ้านไป

เวลานี้ทุกคนหมดอารมณ์กันนิดๆ มีเพียงเสิ่นเทียนที่มีสีหน้าปกติ ราวกับคาดการณ์ทุกอย่างไว้ได้แล้ว

เขาหลับตาลงช้าๆ เหมือนนึกอะไรบางอย่าง และเหมือนกำลังสัมผัสอะไรบางอย่าง ไม่นานเสิ่นเทียนก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและเดินหน้าต่อไป

ตำหนักเทพแห่งนี้ดูไม่เล็ก เดินไปดูใหญ่กว่าเดิม ภายในเหมือนจะมีมิติแยก พื้นที่จริงมากกว่าพันลี้

แต่ไม่นานเสิ่นเทียนก็หาเป้าหมายของตนพบในสิ่งปลูกสร้างตั้งสลอนมากมาย

นั่นคือที่ดินกว้างใหญ่ ในที่ดินแห่งนี้มีพืชสีเขียวเจริญงอกงาม

ใช่ สมุนไพรวิญญาณในตำหนักเทพคุนเผิง

แม้ตำหนักเทพคุนเผิงจะโดนคนยกเค้าไปแล้ว แต่ส่วนสมุนไพรวิญญาณยังไม่ได้รกร้าง

วัตถุดิบสมุนไพรพวกนั้นในสวนผ่านการเติบโตขึ้นอีกครั้งในหมื่นปี งอกงามเป็นยอดสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยาสูงสุดนานแล้ว

กล่าวได้ว่าสมุนไพรล้ำค่าทุกต้นในสวนสมุนไพรแห่งนี้ หากโยนไปโลกข้างนอก ยังมากพอจะทำให้ผู้อริยะสนใจ ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บางคนตาแดง

“เพียบเลยๆ!”

“นี่ผลสีชาดโบราณ อายุมากกว่าหมื่นปี ฤทธิ์ยาเทียบเท่ากับสมุนไพรเตรียมอริยะ!”

“นี่ดอกกล้วยไม้โลหิตปรโลก ใช้หลอมเป็นโอสถเพิ่มพรสวรรค์และสายเลือดได้ มีมูลค่าไร้ขีดจำกัด!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน