บทที่ 313 ฟาร์มเองก็แกร่งขึ้นได้
กลางมวลอากาศพังทลาย ปีกเทพทองคำข้างหลังเสิ่นเทียนขยับ
เกิดพายุหมุนขึ้นกลางฟ้าดิน รอยแยกมิติแตกกระจายไปรอบๆ
ทันใดนั้น วงรัศมีร้อยจั้งรอบตัวเสิ่นเทียนก็แทบจะกลายเป็นแดนปิดตาย
โชคดีที่เสิ่นเทียนหลบให้ทุกคนเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้น นอกจากฉีเซ่าเสวียนแล้ว คนอื่นๆ คงบาดเจ็บสาหัสจากรอยแยกมิติน่ากลัวนี่
ถึงอย่างไร สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองแล้ว มิติปั่นป่วนก็มีอำนาจคุกคามไม่ใช่น้อยๆ
ทันทีที่มวลอากาศพังทลายลง ร่างเสิ่นเทียนเหมือนเข้าไปในมิติ หายไปต่อหน้าทุกคน
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ห่างไปหลายหมื่นจั้ง เพียงพริบตาเดียว เร็วจนมองเห็นไม่ชัดเลย
เร็ว
เร็วอย่างยิ่ง
เสิ่นเทียนในตอนนี้เร็วถึงขีดสุด
พวกอวี้เผียนเซียนมองเสิ่นเทียน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจและตกตะลึง
“สหายเสิ่นตระหนักวิชาคุนเผิงถึงระดับนี้เชียวรึ พริบตาเดียวก็ห่างไปหลายหมื่นจั้ง เกรงว่าต่อให้เป็นพญาเผิงปีกทองสายเลือดบริสุทธิ์ของดินแดนทักษิณก็เทียบความเร็วกับสหายเสิ่นไม่ได้กระมัง!”
“มั่นใจในตัวเองหน่อย ความเร็วในการบินของสหายเสิ่นแทบจะเรียกว่าเคลื่อนย้ายพริบตา ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพก็อาจจะตามเขาไม่ทัน”
“ในมรดกลับโบราณ ขนานนามว่าคุนเผิงมีความเร็วสูงสุดในฟ้าดิน มีชื่อเสียงพอๆ กับวิชาแปลงสายรุ้งของสัตว์เทพวิหคทองในตำนาน วันนี้ได้เห็นแล้วสมคำร่ำลือจริงๆ”
“วิชาคุนเผิงลี้ลับเป็นเรื่องหนึ่ง ตระหนักความหมายลึกลับของวิชาคุนเผิงได้ก็อีกเรื่อง พรสวรรค์อย่างเราเทียบสหายเสิ่นไม่ได้เลย!”
…….
เมื่อเห็นสี่คุณชายตามประจบเสิ่นเทียน และรู้สึกว่าลูกมังกรน้อยข้างกายเลื่อมใสในเสิ่นเทียนแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนพลันรู้สึกว่าวิชาเผิงสวรรค์ที่ตนเพิ่งเรียนไป ไม่หอมแล้ว
ไฉนแซ่ฉีถึงตระหนักเพียงวิชาเผิง แต่ไม่ตระหนักวิชาคุนล่ะ
หรือว่าพรสวรรค์ของแซ่ฉีจะสู้สหายเสิ่นไม่ได้จริงๆ
ไม่! แซ่ฉีไม่เชื่อ!
ฉีเซ่าเสวียนกำหมัดแน่น ไม่มองบุคลิกห้าวหาญทรงพลังบินขึ้นฟ้าเก้าชั้นนั้นของเสิ่นเทียนอีก
เขานั่งสมาธิตรงหน้าผาสองด้านต่อ ตระหนักท่วงทำนองในผนังสองด้าน หวังว่าจะก้าวหน้าไปอีกขั้น
อีกด้านหนึ่ง หลังจากทองคำเซียนปีกปักษาข้างหลังเสิ่นเทียนสำแดงพลังแล้ว เขาก็รู้สึกว่ายิ่งเข้าใจในวิชาคุนเผิงลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะหลังจากบุปผาฟากฝั่งหยินหยางในกายหลอมรวมกับวิชาคุนเผิง ทำให้เขาเข้าใจในร่างจำแลงคุนและเผิงมากขึ้นอีกหลายส่วน
กระทั่งตอนนี้เขารู้สึกว่าตนกลายเป็นคุนเผิงโบราณตัวหนึ่งไปแล้ว
สองปีกของเขาเหมือนจะหลอมรวมกับกายเนื้อเป็นหนึ่งเดียว ควบคุมได้เหมือนแขน หลอมรวมกับตัวเขาอย่างสมบูรณ์
“เก้าตัดเผิงสวรรค์ตัดที่สาม…ตัดอนันต์!”
ปีกเทพทองคำพลันขยายขึ้นหลายสิบจั้ง เหมือนกับดาบยาวทองคำเล่มหนึ่ง
คมดาบแผ่ออกไป มวลอากาศพังทลายลงทันที
เสิ่นเทียนสะบัดปีกเทพทองคำ ฟันใส่ท้องนภาทางตะวันออก ทันใดนั้น มวลอากาศพันจั้งละลายเป็นกระแสปั่นป่วน เศษมิติน่าสะพรึงหมุนม้วนเข้าไป กวนชั้นเมฆตรงขอบฟ้าพังทลาย
เวลานี้ ฟ้าครามหมื่นลี้ ชั้นเมฆแตกกระจายไปทั้งหมด!
เห็นได้ชัดมากว่าเผ่าพญาเผิงปีกทองดินแดนทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุนเผิงอย่างมากจริงๆ
จะเห็นได้จากวิชาคุนเผิง ก็มีวิชาเก้าตัดเผิงสวรรค์อันเป็นวิชาลับไม่เผยแพร่ของเผ่าเทพพญาเผิงปีกทองอยู่
แน่นอนว่าเสิ่นเทียนใช้เก้าตัดเผิงสวรรค์เหมือนกัน ยังมีอานุภาพมากกว่าเผิงบางตัวไปไกลโข
หากมันได้เห็นอานุภาพของเก้าตัดเผิงสวรรค์ในมือเสิ่นเทียน เดาว่าคงต้องเป็นโรคออทิซึม
ฟู่~
เสิ่นเทียนยืนอย่างโอหังกลางฟ้าดิน พ่นลมหายใจขุ่นยาวช้าๆ
สารภาพตามตรง วิชาคุนเผิงนี่สร้างเรื่องน่าตกใจระคนยินดีให้กับเขาค่อนข้างมากเลย เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
ก่อนที่จะตระหนักวิชาคุนเผิง แม้เสิ่นเทียนจะมีปีกเทพทองคำจากทองคำเซียนปีกปักษา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจสำแดงความเร็วได้ถึงจุดสูงสุด
ถึงในหอคอยเทพสงครามจะมีวิชาลับท่าร่างไม่น้อย แต่ก็ไม่เหมาะกับปีกใหญ่ของเสิ่นเทียน
ตอนนี้ได้เรียนวิชาคุนเผิง กลับทำให้สำแดงอานุภาพของทองคำเซียนปีกปักษาออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้เสิ่นเทียนรวดเร็วขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
บุรุษ ก็ต้องเร็ว!
แน่นอน ความลี้ลับของวิชาคุนเผิงมีมากมาย ไม่ได้มีแค่ความเร็วแน่นอน
วิชาคุนเผิงชำนาญในด้านมิติลึกซึ้งยิ่ง วิชาเผิงในนั้นยังชำนาญด้านการควบคุมพลังแห่งมิติเพิ่มความเร็ว
‘เผิงใหญ่ลอยคู่ดวงตะวันและสายลม ทะยานขึ้นฟ้าเก้าหมื่นลี้’ นี่ ก็หมายถึงความเร็วของวิชาเผิง เรียกได้ว่าเร็วสูงสุดในฟ้าดิน
ใหญ่สุด เร็วสุด แข็งสุด ทรหดสุด
นี่ก็คือเผิง พญาเผิง
แต่วิชาคุนจะชำนาญการควบคุมพลังมิติกักขังศัตรู กลืนกิน วิชาที่เป็นตัวแทนของมันมากที่สุดคือวิชากำราบเผ่าพันธุ์ของเผ่าคุนสุญตา ‘ยอดวิชาอุดรสมุทรกลืนฟ้า’
เมื่อสำแดงวิชานี้ จะควบคุมพลังแห่งมิติรวมเป็นน้ำวนกลืนฟ้าได้ ชำนาญการดูดกลืนที่สุด
ในระดับพลังเดียวกันนั้น ไม่ว่าเจ้าจะส่งพลังออกไปบ้าคลั่งอย่างไรก็จะถูกยอดวิชานี้กลืนกิน กระทั่งเปลี่ยนเจ้าเป็นสารอาหารด้วยซ้ำ
กลืนกินการโจมตี พลังปราณเดิมของศัตรูมาเสริมตัวเอง ร้อยแม่น้ำรวมเป็นมหาสมุทร กลายเป็นความยิ่งใหญ่ของมัน นี่เองที่เป็นความมั่นใจรากฐานที่เผ่าคุนสุญตามีบารมีสั่นสะเทือนฟ้าดินแดน
อีกทั้งเสิ่นเทียนยังมีสิ่งมหัศจรรย์สองอย่างเช่นเถากลืนกินเซียนและดินบริสุทธิ์วัฏจักร เดิมทีก็มีความสามารถหลอมรวมและกลืนกินอยู่แล้ว ตอนนี้ได้เสริมวิชาคุนเข้าไปจึงได้ประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม
แม้เสิ่นเทียนจะไม่เคยลองมาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าหากต่างคนต่างใช้วิชากลืนกินกับโอรสสวรรค์เผ่าคุนสุญตาจริงๆ…
ก็ไม่น่าจะแพ้กระมัง!
“สมกับเป็นมรดกที่ถ่ายทอดมาจากเผ่าคุนเผิง ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ตื่นจากสภาวะตระหนักรู้แล้ว เสิ่นเทียนเก็บสองปีกข้างหลัง ค่อยๆ ลงมาจากบนฟ้า ดวงตาวาววับ
หลังจากตระหนักวิชาคุนเผิง เขาได้ประโยชน์สูงสุด รูปแบบการต่อสู้ก็เปลี่ยนไปครบเครื่องกว่าเมื่อก่อน
อืม ตอนนี้มีความมั่นใจว่าจะงัดข้อกับระดับหลอมรวมเทพได้จริงๆ แล้ว
ต่อให้สู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็หนีได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่าหากเจอผู้อริยะ ด้วยคุณสมบัติของร่างนี้ก็คงยังอันตรายมากอยู่ดี
อืม จะต้องระวัง
ระมัดระวังไว้จะแล่นเรือได้ถึงหมื่นปี การฟาร์มเงียบๆ ต่างหากคือราชธรรม
……
ตอนนี้เอง มีเสียงตะโกนของฉีเซ่าเสวียนดังมาจากหน้าผาด้านข้าง
“ไม่! ไม่! วิชานี้มันยากไป ข้าตระหนักไม่ได้ ตระหนักไม่ได้!”
ก่อนจะเห็นว่าไอม่วงหมื่นจั้งข้างหลังฉีเซ่าเสวียนรวมขึ้นเป็นร่างมายาคุนยักษ์ไม่หยุด ทว่าแค่รวมได้ครึ่งเดียวก็แหลกสลายไป
เขาตระหนักวิชาเผิงแล้ว ทั้งยังมีความชำนาญไม่น้อยทำให้ศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่กลับติดที่วิชาคุน
วิชาคุนเผิงต้องมีพร้อมทั้งหยินและหยาง การจะควบคุมการผันแปรของหยินหยางยากกว่าที่เขาจินตนาการไว้
ความจริง ฉีเซ่าเสวียนเป็นเผ่ามนุษย์ที่ไม่ใช่ทั้งคุนและเผิง กระทั่งปีศาจก็ยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ เขาตระหนักวิชาเผิงและหลอมรวมกับคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงได้อย่างเดียวก็ถือว่าหายากมากแล้ว
น่าเสียดายก็แต่ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนเป็นเป้าหมาย เจ้านี่มีเครื่องมือช่วยอย่างสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสูงสุดที่มีธาตุหยินและหยางอย่างบุปผาฟากฝั่งอยู่
ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนยังฝึกฝนคัมภีร์เทพสวรรค์สำเร็จแล้วด้วย จึงเพิ่มขีดจำกัดในความเข้าใจวิถีมรรคหยินหยางขึ้นไปอีก
การเปลี่ยนแปลงของหยินหยางระหว่างสองสภาวะคุนเผิงนั้น สำหรับเสิ่นเทียนแล้ว ระดับความยากลดลงไปมากกว่าเก้าส่วน
ได้แต่บอกว่าจะโทษที่ฉีเซ่าเสวียนมีทักษะการตระหนักรู้ไม่พอไม่ได้ เพียงแค่คู่ต่อสู้ในอุดมคติเขาเป็นเทพทรูเท่านั้นเอง
“สหายฉี อย่าฝืนตระหนักรู้ เจ้าเพิ่งรวมดรุณได้ไม่นาน หากจิตใจเกิดคลื่นรุนแรงเกินไป อาจจะธาตุไฟเข้าแทรกได้”
“สหายฉีใจเย็น การตระหนักภาพฝาผนังก็ต้องดูที่โชคชะตาด้วย บางทีเจ้าอาจจะไร้วาสนากับวิชาคุนเผิงสมบูรณ์กระมัง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน