บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (1)
ณ ดินแดนกลาง กลางหุบเหวลึกมืดมิดบางแห่ง
ที่นี่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดทั้งปี ยื่นมือไปยังยากจะเห็นห้านิ้วมือ
อีกทั้งทั้งเหวลึกยังเต็มไปด้วยพลังงานน่ากลัว ทำให้คนขนพองสยองเกล้า
แม้จะเป็นผู้กล้าที่กล้าหาญที่สุด ยืนตรงหน้าหุบเหวนี้ก็ยังใจสั่นกลัว กระทั่งไม่กล้ามองลงไป
ทว่าตรงส่วนลึกสุดของหุบเหวมืดแห่งนี้กลับมีวิหารพุทธสวยงามเปล่งแสงทองสว่างจ้าแห่งหนึ่ง เปล่งแสงแห่งพุทธยิ่งใหญ่
แสงพุทธส่องสว่างกลางหุบเหวใหญ่ยักษ์ เหมือนกับแสงเทียนในเงามืด
น่าเสียดายก็แต่เงามืดกว้างใหญ่และมืดมิดมากจริงๆ ปกคลุมแสงพุทธที่มีน้อยนิดไปทั้งหมด ไม่อาจส่องแสงออกไปได้เลย
เหมือนกับพระพุทธองค์สูงสุดรูปหนึ่งถลำเข้าไป
ตรงข้ามวิหารพุทธแห่งนี้เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากเหล็กแปลกสีดำ
คานและชายคาของวิหารแกะสลักรูปปั้นเทพอสูรน่าสยดสยอง แผ่กลิ่นอายแปลกประหลาดและแข็งแกร่ง
ทว่าด้านข้างของพราชวังสองแห่งนี้ ยังสร้างวิหารที่ดูไม่เข้ากันอีกแห่ง
วิหารแห่งนี้รวมพุทธและมารเป็นหนึ่งเดียว ครึ่งหนึ่งเที่ยงธรรมยิ่งใหญ่เหมือนพุทธแท้นั่งขัดสมาธิ อีกครึ่งลวงโลกชั่วร้ายดั่งวิญญาณร้ายนอนทอดยาว ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
วิหารสามแห่งวางเป็นสามมุม วิหารพุทธกับวิหารมารในนั้นอยู่ตรงข้ามกัน เหมือนเป็นศัตรูเก่าที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
วิหารขัดแย้งประหลาดนั่นอยู่ตรงข้ามสองวิหารนี้ เหมือนรักษาสมดุลกัน
ตรงกลางร่องหุบเหวลึกมีเสียงเหมือนบทสวดดังก้องไม่หยุด ทว่าเสียงสวดมนต์นี่แปลกมาก เพราะสวดย้อนกลับทั้งหมด
ขัดกับหลักทำนองคลองธรรม ย้อนพุทธเข้าสู่มาร!
เห็นได้ชัดว่าคนที่ท่องบทสวดเช่นนี้เป็นมารร้ายที่สุดแห่งยุคที่กล้าบ้าบิ่นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ายั่วยุฝ่ายพุทธเช่นนี้ ถึงอย่างไรหากฝ่ายพุทธรู้เข้า จะต้องใช้กำลังเข้าปราบด้วยความโกรธสุดขีดแน่นอน
……
กึก~!
ทันใดนั้นเอง เสียงสวดมนต์ก็หยุดลง
วิหารมารอสุราใหญ่นั้นเปิดออกช้าๆ บุรุษสูงใหญ่สวมเกราะเทพอสุราคนหนึ่งเดินออกมา
เขาแบกดาบยาวน่าสยดสยองไว้ข้างหลัง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงมารน่ากลัว มวลอากาศบนผิวกายเขายังถูกเผาเป็นความว่างเปล่า มองไม่เห็นใบหน้าแท้จริงเขาเลย
“กายอดีต ไม่อยากเชื่อว่าจะสิ้นในดินแดนบูรพาที่กันดารเช่นนั้น”
เพลิงมารบนผิวกายบุรุษหลั่งไหลไม่หยุด รวมขึ้นเป็นอานุภาพดาบสุดยอดตัดสลับกันทำลายล้างทุกอย่างในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้
พื้นของระดับความลึกเช่นนี้ ไม่ว่าจะระดับความแน่นและแข็งแรงของหินดินทุกก้อนล้วนน่าเหลือเชื่อ
ทว่าบุรุษคนนี้ลอยขึ้นจากหุบเหว ผ่านไปที่ใดหินดินแร่เหล็กทั้งหมดจะถูกอานุภาพดาบคุ้มกายฟันกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด
รอยดาบตัดสลับกันหลายหมื่นจั้งสายหนึ่งปรากฏกลางหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดอย่างชัดเจน ลึกจนไม่เห็นก้น เหมือนจะแบ่งหุบเหวสองด้านให้เป็นตัว十
“ไอ้เด็กน้อยยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าแย่งโชควาสนาของข้ารึ ไม่รู้จักเป็นตาย!”
บุรุษพุ่งขึ้นฟ้า ออกจากหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้น พริบตาเดียวก็พุ่งไปไกลหลายหมื่นลี้
ไอมารน่ากลัวแผ่มาจากผิวกายเขา รวมขึ้นเป็นเมฆหนากว้างใหญ่ บดบังแสงของดวงตะวันบนฟ้าทั้งหมด
ทันใดนั้นเองก็เหมือนกับวันสิ้นโลกมาถึง
ตรงเมฆหนาหมุนม้วน โลหิตบริสุทธิ์ จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดระเหยขึ้นกลายเป็นวิญญาณโลหิตบริสุทธิ์หลอมรวมเข้าไปในเมฆมาร
เกิดเหตุการณ์กลิ่นคาวเลือดในฟ้าดิน
“มารร้ายใดกันที่กล้าขาดสติเช่นนี้!”
การกระทำอันไม่เกรงกลัวสิ่งใดของบุรุษดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งโดยรอบอย่างรวดเร็ว
มวลอากาศแตกออก ปรากฏร่างเงายิ่งใหญ่ขึ้นตรงหน้าบุรุษ พลันเปล่งแสงสว่างพุทธหมื่นจั้ง
คนผู้นี้สวมกาสาวะเงามันเจ็ดสิ่งเลอค่า ข้างหลังกายทองจั้งแปดมีปรากฏการณ์พระพุทธองค์หาที่สิ้นสุดมิได้ ราวกับแดนพุทธศาสนาสุขาวดีมาถึง
โอม มณี ปัทเม ฮัม~
คนผู้นั้นสวดมนต์มหากรุณาธารณีของพุทธศาสนา พริบตาเดียวเมฆมารทั้งหมดก็ถูกแสงพุทธทะลวง ฟ้าดินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“มารร้าย ไม่อยากเชื่อว่าจะก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้! วันนี้อาตมาจะสำแดงร่างจำแลงนักรบโพธิสัตว์ขมึงตา ขังเจ้าไว้หมื่นปี!”
ขณะพูดอยู่นั้นนักบวชชั้นสูงรูปนี้ก็ตัวใหญ่ขึ้นตามสายลม พลันกลายเป็นพระพุทธยักษ์สูงหมื่นจั้ง
รอบตัวพระพุทธยักษ์มีสมบัติพุทธมากมายเช่นคทาสยบมาร ไม้เท้านักรบโพธิสัตว์ ดาบศีลหนึ่งและลูกประคำโพธิ์เป็นต้น
สมบัติพุทธทุกชิ้นมากพอจะสังหารมารร้ายสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่คือนักบวชศักดิ์สิทธิ์แท้จริง
แม้แต่ในขุมอำนาจฝ่ายพุทธทั้งหมดก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด มากพอจะปกครองสำนักพุทธหนึ่งทิศ
……
บึ้ม~
สมบัติพุทธมากมายส่งเสียงกู่ร้อง เหมือนกลายเป็นเสียงอัสนี
สิ่งมีชีวิตมากมายในฟ้าดินต่างสัมผัสได้ พากันกราบไหว้ค้างอยู่ในท่าแสดงความเคารพ
ทว่าบุรุษชั่วร้ายที่แบกดาบนักรบอสุราข้างหลังกลับยังมียิ้มยั่วยุเบาๆ ไม่ยี่หระตลอด
เขาพิจารณามองนักบวชศักดิ์สิทธิ์คนนี้ตามอำเภอใจ “นักบวชตัวน้อยตระหนักวิชาพุทธได้ไม่เท่าไรเอง ส่งพระธาตุมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
พระพุทธทองคำหมื่นจั้งอ้าปากเล็กน้อย เสียงพุทธดั่งสายฟ้า “มารร้ายช่างกล้าหมิ่นพุทธ ต้องประณาม!”
เพิ่งเอ่ยจบ พระพุทธยักษ์ก็ยื่นมือขวาออกมาช้าๆ ตรงกลางฝ่ามือปรากฏตราพุทธสวัสติกะขึ้น ก่อนจะเปล่งแสงพุทธสว่างจ้าในทันที
สมบัติพุทธมากมายหลอมรวมเข้าไปในแสงพุทธนั้น กลายเป็นโลกเล็กหนึ่งทิศกดอัดลงมา
ยอดวิชาสูงสุดของพุทธศาสนา…แดนพุทธกลางหัตถ์!
หากถูกยอดวิชานี้จู่โจมจะตกเข้าไปในวัฏจักรไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์ด้วยแสงพุทธ ไม่กลับมาเป็นนักบวชดังเดิมก็สิ้นชีพ
ต่อให้เป็นผู้อริยะที่แกร่งกว่านี้ก็มีน้อยมากที่จะกล้าเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ตรงๆ ส่วนใหญ่จะหลบ
ทว่าเมื่อเจอกระบวนท่านี้ บุรุษชั่วร้ายกลับไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เลย
หมื่นพุทธรึ เหอะๆ
เขาหัวเราะเยาะ “ข้ารู้จักพุทธดีกว่าเจ้าอีก!”
เพิ่งเอ่ยจบ ดาบยาวอสุราข้างหลังบุรุษพลันออกจากฝัก
แต่ครั้งนี้ไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งก่อน ทุกคนรออยู่ประมาณสามเดือนเต็มๆ ปราการหมอกเบิกฟ้าถึงสลายไป
อีกทั้งเกาะนี้ยังเข้าใกล้ส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้ามากกว่าเกาะคุนเผิงอีก จึงแผ่กระจายอำนาจคุกคามแกร่งยิ่งกว่า
แม้ปราการหมอกเบิกฟ้าจะเปิดแล้ว เอ๋าอูก็ยังเกือบถูกกดดันจนเข้าไปไม่ได้
โชคดีที่มีฉีเซ่าเสวียนและเสิ่นเทียนช่วยอยู่ ถึงได้พาเอ๋าอูบุกเข้าไปในเกาะนี้ได้
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ขนาดความยาวของเกาะดาราเบิกฟ้านี้มากกว่าเกาะคุนเผิงไปไกล อย่างน้อยก็มีขนาดหลายพันลี้
ขอพูดอย่างไม่โอ้อวด พื้นที่เกาะนี้ใหญ่กว่าอาณาเขตของอาณาจักรมากมายบนแผ่นดินใหญ่หลายเท่า
ในอีกสองสามเดือน สามคนอาจจะยังสำรวจเกาะนี้ไม่ครบด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เทียบกับเกาะน้ำตาดาวกับเกาะคุนเผิงที่พวกเสิ่นเทียนขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว พลังวิญญาณในเกาะนี้เข้มข้นกว่า
บนเกาะทะเลที่มีพื้นที่หลายพันลี้ ทุกที่มีแต่ป่าไม้และภูเขาลำธารเต็มไปหมด ในนั้นยังมีสัตว์แปลกหลากชนิดเคลื่อนไหว
กระต่ายบินขาวดั่งหิมะ กวางห้าสีข้างหลังเป็นภาพเจ็ดดาว ม้าสวรรค์เขาเดียวที่เปล่งแสงสีทอง รวมถึงหงส์เทพที่มีขนเจ็ดสีทั้งตัว…
เกาะนี้เหมือนกับดินแดนอุดมสมบูรณ์โลกภายนอกจริงๆ ไม่ถูกผู้ฝึกบำเพ็ญทางโลกเข้ามารุกราน
แน่นอน สัตว์ประหลาดพวกนี้แม้จะดูน่ารักสวยงาม แต่เป็นสิ่งมีชีวิตในส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า กำลังรบจึงแข็งแกร่งจนน่ากลัว
เอ๋าอูอยากจะแย่งแครอทกับกระต่ายบินตัวหนึ่ง โดนกระต่ายนั่นถีบกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง หากไม่ใช่เพราะมีสายเลือดมังกรแข็งแกร่ง พลังชีวิตแกร่งถึงขีดสุดละก็ เขาก็อาจจะถูกถีบตายไปแล้ว
นี่ทำให้เอ๋าอูค่อนข้างคับอกคับใจ ร้องคำรามด้วยความโมโห!
…..
ทว่าบนเกาะแห่งนี้ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่สัตว์แปลกพวกนี้ แต่เป็นย่าหลง[1] ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ใช่ ย่าหลง เผ่ามังกรปลอมแข็งแกร่งที่มีสายเลือดมังกรแท้จริง!
ดังคำกล่าวว่ามังกรให้กำเนิดบุตรเก้าคนต่างกัน บนโลกนี้มีชนรุ่นหลังมังกรมากมาย
ผิดต่างกับมังกรดำสายเลือดบริสุทธิ์บนเกาะมังกร เผ่าย่าหลงบนเกาะนี้ไม่มีสติปัญญาใดๆ พวกมันเหมือนกับมังกรทางตะวันตกที่เสิ่นเทียนเห็นในภาพยนตร์เมื่อภพก่อน มีพละกำลังแข็งแกร่งและยังดุร้ายอย่างยิ่ง
อย่างเช่นมังกรไฟหนวดแดงที่มีความสามารถควบคุมหินหนืดจากภูเขาไฟได้ จามทีเดียวทำให้ภูเขาไฟระเบิด
อย่างเช่นมังกรบินเทพวายุที่ควบคุมพลังแห่งพายุ ไปที่ใดจะเกิดพายุคลั่ง คมของพายุหมุนตัดสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่าง
และยังมีมังกรป่าเถื่อนวัชระควบคุมพลังแห่งแผ่นดิน ทั่วร่างถูกหุ้มด้วยศิลาวิญญาณวัชระใสแวววาว แทบจะเป็นสุดยอดการป้องกัน
รวมถึงมังกรฟ้าแปดแขนที่ควบคุมพลังแห่งมหาสมุทร มังกรศักดิ์สิทธิ์ทองคำที่ควบคุมพลังแห่งแสงสว่าง มังกรพิษเงามืดที่ควบคุมพลังแห่งพิษร้ายเป็นต้น
เผ่าย่าหลงแข็งแกร่งพวกนี้ปกครองเกาะแห่งนี้ ในนั้นส่วนใหญ่เติบโตเป็นมังกรยักษ์มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์โลกภายนอก
กระทั่งเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกว่าส่วนลึกของเกาะนี้มีกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ นั่นคืออำนาจคุกคามของเขตแดนอริยะ
บนเกาะนี้ มีสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับผู้อริยะอยู่!
นี่ทำให้สามคนที่เดิมทีคิดจะเป็น ‘มหาโจร’ ปล้นเกาะนี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจ
ถึงอย่างไรถ้ามีมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตัวสองตัว ก็อาศัยการกดขี่จากพลังต้นกำเนิดมังกรได้ สามคนก็ยังไม่ใจฝ่อ แต่มังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บนเกาะนี้ไม่ได้มีหลายร้อยตัวก็มีแปดสิบถึงร้อยตัว อีกทั้งศักยภาพส่วนใหญ่ยังเทียบเท่ากับกำลังรบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสูงสุด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอวดดีเกินไปไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
………………….
[1] ย่าหลง คล้ายๆ กับงู ไม่มีขา ร่างใหญ่ มีเกล็ดเต็มตัว ไม่มีปีก บินไม่ได้ ได้แต่คลานบนพื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน