บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 316

สรุปบท บทที่ 316.2 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (2): บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

สรุปเนื้อหา บทที่ 316.2 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (2) – บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน โดย novelones

บท บทที่ 316.2 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (2) ของ บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (2)

ในถ้ำภูเขาลึกลับ วางค่ายกลอำพรางพลังไว้แล้ว

แสงจากกองไฟขยับไปมา บนกองไฟย่างกระต่ายป่ายาวสองฉื่อตัวหนึ่ง

กระต่ายป่าตัวนี้อ้วนอร่อยมาก ไขมันสีทองหยดลงมาตามไม้ย่างไม่หยุด

กลิ่นหอมของเนื้อคละปนกับเครื่องเทศ ลอยโชยไปกลางถ้ำ ยั่วยวนคนอย่างยิ่ง

“ที่นี่ น่าจะเป็นเกาะเทพมังกรในตำนาน!”

เอ๋าอูกอดปีกกระต่ายอันหนึ่งในมือพลางแทะกินอย่างมีความสุข “ข้าเหมือนจะเคยอ่านเจอเกาะนี้ในคัมภีร์โบราณ”

ใช่ ปีกกระต่าย

กระต่ายที่ถูกย่างนี่ ก็คือกระต่ายบินที่เกือบจะถีบเอ๋าอูตายตัวนั้น

เด็กหนุ่มเผ่ามังกรเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ!

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ กระต่ายบินนี่ไม่ใช่แค่มีศักยภาพเหนือชั้น แต่ยังมีความเร็วน่าตกใจยิ่งกว่า ไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนมีทองคำเซียนปีกปักษาและวิชาคุนเผิงจึงมีความเร็วสูงสุดละก็ ก็อาจจะจับเจ้านี่ไม่ได้จริงๆ

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กระต่ายนี่ดูน่ารักมาก กินแล้วอร่อยกว่าเดิม ทั้งยังมีสารอาหารสูง

เสิ่นเทียนกินขากระต่ายสองขาในอึดใจเดียว รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

ตบด้วยสุราเซียนอึกหนึ่ง ก่อนจะนอนบนพื้นอย่างมีความสุข สบาย!

เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนแยกกันซ้ายขวา นอนอยู่สองข้างเอ๋าอูอย่างเกียจคร้านพลางลูบท้องอย่างเข้าจังหวะกัน

ฉีเซ่าเสวียนถาม “เกาะเทพมังกรรึ ชื่อคุ้นหูมาก หรือว่า…”

ฉีเซ่าเสวียนเหมือนจะนึกอะไรได้ เขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือจะเป็นเกาะนั่นในตำนาน ไหนว่าหายสาบสูญไปนานแล้วไม่ใช่รึ”

เอ๋าอูพยักหน้า “มีบันทึกในตำราโบราณว่าเกาะเทพมังกรตั้งอยู่ส่วนลึกสุดของเขตทะเลเบิกฟ้า แทบจะไม่ปรากฏมาเลย แต่บนเกาะนี้มีเผ่าย่าหลงจำนวนมาก ไม่อาจจินตนาการถึงขุมทรัพย์และโชคลิขิตได้ กระทั่งมีตำนานว่าต้นกำเนิดของเผ่ามังกรดำทะเลอุดรคือเกาะเทพมังกร เป็นชนรุ่นหลังหวนคืนสู่บรรพบุรุษเผ่ามังกรบางสายพันธุ์ของเกาะเทพมังกร แน่นอนว่านั่นเป็นตำนานในพงศาวดาร ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”

เอ๋าอูพูดไปพูดมาก็มองเสิ่นเทียนด้วยความเลื่อมใส “สายเลือดเกาะมังกรเราตามหาเกาะนี้มาหมื่นปีแล้ว แต่ก็ยังหามันไม่เจอ ครั้งก่อนคนที่ขึ้นเกาะนี้ก็คือท่านย่าบรรพบุรุษเอ๋าปิงเมื่อหมื่นปีก่อน! ไม่นึกเลยว่าพี่เสิ่นเทียนเพิ่งมาเขตทะเลเบิกฟ้าครั้งแรกก็พาเรามาถึงเกาะเทพมังกร สุดยอดมาก!”

ฉีเซ่าเสวียนงุนงง

จะว่าไป พวกเราหาเกาะเทพมังกรเจอด้วยกันไม่ใช่รึ

แม้เจ้าเสิ่นเทียนจะเป็นคนนำทางจริงๆ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นเพราะดวงชะตาของแซ่ฉีเลยได้อย่างไร!

พึงรู้ไว้ว่าแซ่ฉีเคยเป็นบุตรแห่งโชคมาก่อน!

ก็ได้!

ถึงในใจจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ฉีเซ่าเสวียนก็ยังเลือกเงียบอย่างชาญฉลาด

ถึงอย่างไรในมุมมองเขา ตั้งแต่เสิ่นเทียนเข้าเขตทะเลเบิกฟ้ามา เป้าหมายในการตามหาเกาะทุกครั้งจะแม่นยำอย่างยิ่ง ครั้งแรกเป็นเกาะน้ำตาดาวเทพสมุทร ครั้งที่สองเป็นเกาะคุนเผิง ไปจนถึงเกาะเทพมังกรในครั้งที่สามนี้ ระหว่างตามหายังแน่วแน่มาก

ถ้าบอกว่าโอรสสวรรค์คนอื่นตามหาเกาะผจญภัยเหมือนสาวน้อยเดินซื้อของในตลาด มองซ้ายมองขวาก็ยังลังเลละก็ เช่นนั้นเสิ่นเทียนตามหาเกาะก็เหมือนกับพวกผู้ชายซื้อของ กำหนดเป้าหมายของตัวเองอย่างชัดเจน

ระหว่างทางเจอกับเกาะสวยงามอื่นๆ จะไม่มองแม้แต่หางตาเลย

ในสถานการณ์เช่นนี้ การหาเกาะเทพมังกรพบไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย แต่เสิ่นเทียนกำหนดเป้าหมายไว้อย่างแม่นยำแล้ว

ถึงไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนหาเกาะมังกรที่หายสาบสูญไปหมื่นปีพบได้อย่างไร แต่ฉีเซ่าเสวียนก็ตัดสินใจว่าจะเคารพความลับของเขา ขณะเดียวกันก็ยังรับน้ำใจจากเสิ่นเทียน

ถึงอย่างไรคนโง่ก็รู้ว่าบนเกาะที่เผ่ามังกรดำเฝ้าใฝ่หามาตลอดหมื่นปีแห่งนี้ จะต้องมีโชคลิขิตสะท้านฟ้าอย่างแน่นอน!

เสิ่นเทียนพาตนขึ้นเกาะนี้ นี่ติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่แล้ว!

…….

เสิ่นเทียนไม่รู้ความคิดในใจฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอู

ตอนนี้เขาคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นคือจะขยายโชคลิขิตให้ใหญ่ที่สุดได้อย่างไร

แม้เสิ่นเทียนจะเห็นมหาโชคลิขิตที่ใหญ่ที่สุดในการเดินทางมาเกาะนี้เหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูแล้ว แต่คืนจันทร์เต็มดวงนั้นที่จะปรากฏโชคลิขิตยังเหลืออีกสิบกว่าวัน ก่อนหน้านั้น โชคลิขิตอื่นๆ บนเกาะนี้ก็ค่อนข้างน่าชมเลยทีเดียว

ดั่งคำกล่าวว่าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เสิ่นเทียนคิดว่าตนควรจะไปทำงานอื่นอีกสองสามอย่าง

เมื่อคิดได้แล้วเสิ่นเทียนก็พูดขึ้น “สหายฉี เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของเจ้าหาสมบัติในเกาะนี้ได้หรือไม่”

ฉีเซ่าเสวียนหันหน้าไปด้านข้างอย่างโอหัง “แม้แซ่ฉีจะมีกำลังรบด้อยกว่าสหายเสิ่นขั้นหนึ่ง แต่เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงมีพลังในการมองทะลุเป็นหนึ่ง ขอแค่แซ่ฉีอยากเห็น ในรัศมีร้อยลี้มีสมบัติแปลก สมบัติล้ำค่า มหาโอสถที่มีค่าอะไร ก็หนีไม่พ้นวิชาเนตรของแซ่ฉีหรอก”

การมองทะลุเช่นนี้ไม่ใช่แค่เห็นได้ไกล แต่ยังมองข้ามสิ่งกีดขวางทุกอย่าง

ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้วางค่ายกลปิดกั้น ก็ไม่มีทางขวางเนตรสวรรค์ได้

แน่นอนว่าบางสิ่งที่แข็งแกร่งจะส่งผลกระทบต่อการสอดแนมของฉีเซ่าเสวียน กระทั่งอาจจะเข้าตัวเองได้

ดังนั้นการบุ่มบ่ามใช้เนตรสวรรค์สอดแนมผู้แข็งแกร่งจึงอันตรายมาก ดีไม่ดีอาจจะทำให้อีกฝ่ายตามมาล่าสังหารถึงพันลี้

ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งก็มีศักดิ์ศรีของตนเอง

แต่บนเกาะมังกรนี้ แม้มังกรยักษ์พวกนั้นจะแข็งแกร่งเป็นหนึ่ง แต่สติปัญญาต่ำ

มังกรยักษ์พวกนั้นจึงอาจจะไม่สนใจการสอดแนมด้วยเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของฉีเซ่าเสวียน หรืออาจจะไม่ตามสืบกลับมา

“สมบัติล้ำค่าว่านแปลกที่มีค่าในระยะร้อยลี้หนีไม่พ้นการตรวจสอบของสหายฉีรึ”

เสิ่นเทียนยิ้มแป้น “เช่นนั้นก็ดีมาก!“

เขามองฉีเซ่าเสวียนด้วยดวงตาลุกวาว “สหายฉี เรามาร่วมมือกันสักงานหนึ่งเถอะ!”

ร่วมมือ กันสักงานรึ

เมื่อสัมผัสได้ถึงไมตรีในสายตาเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนก็รู้สึกว่าเลือดร้อนของตนถูกจุดไฟขึ้นมา

ได้ร่วมงานใหญ่กับสหายเสิ่น หรือว่าจะท้าสู้กับมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนั้น แค่คิดก็เลือดเดือดพล่านขึ้นมาแล้ว

ฉีเซ่าเสวียนพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะพูดอย่างเฝ้ารอคอย “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย!”

……..

ยามรุ่งอรุณวันต่อมา แสงตะวันเบิกฟ้าลอดผ่านเงามืด

มังกรคลั่งอัสนีม่วงที่พักผ่อนสบายมาทั้งคืนยืดเอวอย่างเกียจคร้านและสบายอกสบายใจ จากนั้นคลานออกมาจากรังช้าๆ

ห่างไปราวร้อยลี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงบางคนมองจนปวดดวงตา

สหายเสิ่นล้างผลาญเช่นนี้ ฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้ว!

แต่ฟุ้งเฟ้อก็เรื่องของฟุ้งเฟ้อ ประสิทธิผลก็ยังเห็นได้ชัดเจนมาก

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนี้ราดตรงหน้าต้นไม้ยักษ์สายฟ้า พลันถูกต้นไม้ยักษ์สายฟ้ากินไปอย่างบ้าคลั่ง

ต่อมา ต้นไม้ยักษ์สายฟ้านั้นระเบิดสายฟ้าหมื่นจั้ง บนแมกไม้สูงหลายพันจั้งถูกเมฆดำปกคลุมในทันใด

สายฟ้าสีม่วงผ่าลงบนต้นไม้ยักษ์สายฟ้าก่อนจะรวมเป็นอักขระสายฟ้า ไหลผ่านกิ่งไม้มาลงบนผลไม้ศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเก้าผล

ผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเก้าผลที่เดิมทีห่างจากช่วงสุกงอมครึ่งก้าว ตอนนี้สุกงอมในพริบตาและตกลงบนพื้น

“โอ้ แค่ครึ่งชั่งเจ้าก็พอใจแล้วรึ”

เสิ่นเทียนเก็บของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานครึ่งชั่งที่เหลือเข้าแหวนเวหา จากนั้นใช้สองมือยิงเถากลืนกินเซียนสีมรกตสองเส้นออกไป ม้วนผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงทั้งหมดเข้ามา

กำไรแล้ว กำไรแล้ว!

ถ้าอาจารย์เห็นผลศักดิ์สิทธิ์อัสนีม่วงเยอะเช่นนี้ เดาว่าประกายเซียนบนผิวกายเขาคงกระเพื่อมไปสามเดือน

…..

ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนกำลังมีความสุขในใจนั้น พลันเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

กรรซ์~

เสียงคำรามด้วยความโกรธดังแว่วมาไกลๆ พบกับบางสิ่งมหึมาสูงร้อยจั้งพุ่งเข้ามา

มันแผ่กลิ่นอายดุร้ายทั้งตัว ในปากยังเปื้อนโลหิตของสัตว์แปลกไม่รู้ว่าตัวอะไร

เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ยังล่าเหยื่อไม่เสร็จก็รู้สึกถึงความผิดแปลกในรังของตน จึงรีบร้อนกลับมา

เปรี๊ยะๆๆ~

พลังงานสายฟ้าเข้มข้นอย่างยิ่งรวมขึ้นในปากมังกรคลั่งอัสนีม่วง รวมขึ้นเป็นลูกกลมสายฟ้าสีม่วงขนาดจั้งกว่า

มันมองเสิ่นเทียนด้วยความโกรธ ก่อนจะยิงลูกกลมสายฟ้าใส่เสิ่นเทียน ลูกกลมสายฟ้าผ่านไปที่ใด มวลอากาศพลันกลายเป็นผุยผง

พลังทำลายล้างของมันแทบจะสังหารผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่อ่อนแอได้ในพริบตาเดียว

“สหายเสิ่นจะต้านการโจมตีทรงพลังเช่นนี้ไหวหรือไม่ ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดเชียว เจ้า จะต้องแพ้ให้แซ่ฉีเท่านั้น!”

ในมวลอากาศไกลๆ เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนเปล่งแสงสว่างจ้า กำหมัดแน่นแล้ว

บึ้ม~

ภายใต้สายตาขมึงทึงของมังกรคลั่งอัสนีม่วง ในที่สุดลูกกลมสายฟ้ายักษ์นั่นก็กระแทกลงพื้นอย่างแรง

ทันใดนั้น ฟ้าดินก็ถูกอัดแน่นไปด้วยสายฟ้าสีม่วง เกิดสภาพพังพินาศขึ้นหลังหายนะ

แต่ร่างของเสิ่นเทียนกลับค่อยๆ หายไปในสายฟ้านี้

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน