บทที่ 316 กลียุคใกล้เข้ามา ขึ้นเกาะมังกร (2)
ในถ้ำภูเขาลึกลับ วางค่ายกลอำพรางพลังไว้แล้ว
แสงจากกองไฟขยับไปมา บนกองไฟย่างกระต่ายป่ายาวสองฉื่อตัวหนึ่ง
กระต่ายป่าตัวนี้อ้วนอร่อยมาก ไขมันสีทองหยดลงมาตามไม้ย่างไม่หยุด
กลิ่นหอมของเนื้อคละปนกับเครื่องเทศ ลอยโชยไปกลางถ้ำ ยั่วยวนคนอย่างยิ่ง
“ที่นี่ น่าจะเป็นเกาะเทพมังกรในตำนาน!”
เอ๋าอูกอดปีกกระต่ายอันหนึ่งในมือพลางแทะกินอย่างมีความสุข “ข้าเหมือนจะเคยอ่านเจอเกาะนี้ในคัมภีร์โบราณ”
ใช่ ปีกกระต่าย
กระต่ายที่ถูกย่างนี่ ก็คือกระต่ายบินที่เกือบจะถีบเอ๋าอูตายตัวนั้น
เด็กหนุ่มเผ่ามังกรเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ!
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ กระต่ายบินนี่ไม่ใช่แค่มีศักยภาพเหนือชั้น แต่ยังมีความเร็วน่าตกใจยิ่งกว่า ไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนมีทองคำเซียนปีกปักษาและวิชาคุนเผิงจึงมีความเร็วสูงสุดละก็ ก็อาจจะจับเจ้านี่ไม่ได้จริงๆ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กระต่ายนี่ดูน่ารักมาก กินแล้วอร่อยกว่าเดิม ทั้งยังมีสารอาหารสูง
เสิ่นเทียนกินขากระต่ายสองขาในอึดใจเดียว รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว
ตบด้วยสุราเซียนอึกหนึ่ง ก่อนจะนอนบนพื้นอย่างมีความสุข สบาย!
เสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนแยกกันซ้ายขวา นอนอยู่สองข้างเอ๋าอูอย่างเกียจคร้านพลางลูบท้องอย่างเข้าจังหวะกัน
ฉีเซ่าเสวียนถาม “เกาะเทพมังกรรึ ชื่อคุ้นหูมาก หรือว่า…”
ฉีเซ่าเสวียนเหมือนจะนึกอะไรได้ เขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือจะเป็นเกาะนั่นในตำนาน ไหนว่าหายสาบสูญไปนานแล้วไม่ใช่รึ”
เอ๋าอูพยักหน้า “มีบันทึกในตำราโบราณว่าเกาะเทพมังกรตั้งอยู่ส่วนลึกสุดของเขตทะเลเบิกฟ้า แทบจะไม่ปรากฏมาเลย แต่บนเกาะนี้มีเผ่าย่าหลงจำนวนมาก ไม่อาจจินตนาการถึงขุมทรัพย์และโชคลิขิตได้ กระทั่งมีตำนานว่าต้นกำเนิดของเผ่ามังกรดำทะเลอุดรคือเกาะเทพมังกร เป็นชนรุ่นหลังหวนคืนสู่บรรพบุรุษเผ่ามังกรบางสายพันธุ์ของเกาะเทพมังกร แน่นอนว่านั่นเป็นตำนานในพงศาวดาร ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”
เอ๋าอูพูดไปพูดมาก็มองเสิ่นเทียนด้วยความเลื่อมใส “สายเลือดเกาะมังกรเราตามหาเกาะนี้มาหมื่นปีแล้ว แต่ก็ยังหามันไม่เจอ ครั้งก่อนคนที่ขึ้นเกาะนี้ก็คือท่านย่าบรรพบุรุษเอ๋าปิงเมื่อหมื่นปีก่อน! ไม่นึกเลยว่าพี่เสิ่นเทียนเพิ่งมาเขตทะเลเบิกฟ้าครั้งแรกก็พาเรามาถึงเกาะเทพมังกร สุดยอดมาก!”
ฉีเซ่าเสวียนงุนงง
จะว่าไป พวกเราหาเกาะเทพมังกรเจอด้วยกันไม่ใช่รึ
แม้เจ้าเสิ่นเทียนจะเป็นคนนำทางจริงๆ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นเพราะดวงชะตาของแซ่ฉีเลยได้อย่างไร!
พึงรู้ไว้ว่าแซ่ฉีเคยเป็นบุตรแห่งโชคมาก่อน!
ก็ได้!
ถึงในใจจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ฉีเซ่าเสวียนก็ยังเลือกเงียบอย่างชาญฉลาด
ถึงอย่างไรในมุมมองเขา ตั้งแต่เสิ่นเทียนเข้าเขตทะเลเบิกฟ้ามา เป้าหมายในการตามหาเกาะทุกครั้งจะแม่นยำอย่างยิ่ง ครั้งแรกเป็นเกาะน้ำตาดาวเทพสมุทร ครั้งที่สองเป็นเกาะคุนเผิง ไปจนถึงเกาะเทพมังกรในครั้งที่สามนี้ ระหว่างตามหายังแน่วแน่มาก
ถ้าบอกว่าโอรสสวรรค์คนอื่นตามหาเกาะผจญภัยเหมือนสาวน้อยเดินซื้อของในตลาด มองซ้ายมองขวาก็ยังลังเลละก็ เช่นนั้นเสิ่นเทียนตามหาเกาะก็เหมือนกับพวกผู้ชายซื้อของ กำหนดเป้าหมายของตัวเองอย่างชัดเจน
ระหว่างทางเจอกับเกาะสวยงามอื่นๆ จะไม่มองแม้แต่หางตาเลย
ในสถานการณ์เช่นนี้ การหาเกาะเทพมังกรพบไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย แต่เสิ่นเทียนกำหนดเป้าหมายไว้อย่างแม่นยำแล้ว
ถึงไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนหาเกาะมังกรที่หายสาบสูญไปหมื่นปีพบได้อย่างไร แต่ฉีเซ่าเสวียนก็ตัดสินใจว่าจะเคารพความลับของเขา ขณะเดียวกันก็ยังรับน้ำใจจากเสิ่นเทียน
ถึงอย่างไรคนโง่ก็รู้ว่าบนเกาะที่เผ่ามังกรดำเฝ้าใฝ่หามาตลอดหมื่นปีแห่งนี้ จะต้องมีโชคลิขิตสะท้านฟ้าอย่างแน่นอน!
เสิ่นเทียนพาตนขึ้นเกาะนี้ นี่ติดค้างน้ำใจครั้งใหญ่แล้ว!
…….
เสิ่นเทียนไม่รู้ความคิดในใจฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอู
ตอนนี้เขาคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นคือจะขยายโชคลิขิตให้ใหญ่ที่สุดได้อย่างไร
แม้เสิ่นเทียนจะเห็นมหาโชคลิขิตที่ใหญ่ที่สุดในการเดินทางมาเกาะนี้เหนือศีรษะฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูแล้ว แต่คืนจันทร์เต็มดวงนั้นที่จะปรากฏโชคลิขิตยังเหลืออีกสิบกว่าวัน ก่อนหน้านั้น โชคลิขิตอื่นๆ บนเกาะนี้ก็ค่อนข้างน่าชมเลยทีเดียว
ดั่งคำกล่าวว่าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เสิ่นเทียนคิดว่าตนควรจะไปทำงานอื่นอีกสองสามอย่าง
เมื่อคิดได้แล้วเสิ่นเทียนก็พูดขึ้น “สหายฉี เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของเจ้าหาสมบัติในเกาะนี้ได้หรือไม่”
ฉีเซ่าเสวียนหันหน้าไปด้านข้างอย่างโอหัง “แม้แซ่ฉีจะมีกำลังรบด้อยกว่าสหายเสิ่นขั้นหนึ่ง แต่เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงมีพลังในการมองทะลุเป็นหนึ่ง ขอแค่แซ่ฉีอยากเห็น ในรัศมีร้อยลี้มีสมบัติแปลก สมบัติล้ำค่า มหาโอสถที่มีค่าอะไร ก็หนีไม่พ้นวิชาเนตรของแซ่ฉีหรอก”
การมองทะลุเช่นนี้ไม่ใช่แค่เห็นได้ไกล แต่ยังมองข้ามสิ่งกีดขวางทุกอย่าง
ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้วางค่ายกลปิดกั้น ก็ไม่มีทางขวางเนตรสวรรค์ได้
แน่นอนว่าบางสิ่งที่แข็งแกร่งจะส่งผลกระทบต่อการสอดแนมของฉีเซ่าเสวียน กระทั่งอาจจะเข้าตัวเองได้
ดังนั้นการบุ่มบ่ามใช้เนตรสวรรค์สอดแนมผู้แข็งแกร่งจึงอันตรายมาก ดีไม่ดีอาจจะทำให้อีกฝ่ายตามมาล่าสังหารถึงพันลี้
ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งก็มีศักดิ์ศรีของตนเอง
แต่บนเกาะมังกรนี้ แม้มังกรยักษ์พวกนั้นจะแข็งแกร่งเป็นหนึ่ง แต่สติปัญญาต่ำ
มังกรยักษ์พวกนั้นจึงอาจจะไม่สนใจการสอดแนมด้วยเนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงของฉีเซ่าเสวียน หรืออาจจะไม่ตามสืบกลับมา
“สมบัติล้ำค่าว่านแปลกที่มีค่าในระยะร้อยลี้หนีไม่พ้นการตรวจสอบของสหายฉีรึ”
เสิ่นเทียนยิ้มแป้น “เช่นนั้นก็ดีมาก!“
เขามองฉีเซ่าเสวียนด้วยดวงตาลุกวาว “สหายฉี เรามาร่วมมือกันสักงานหนึ่งเถอะ!”
ร่วมมือ กันสักงานรึ
เมื่อสัมผัสได้ถึงไมตรีในสายตาเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียนก็รู้สึกว่าเลือดร้อนของตนถูกจุดไฟขึ้นมา
ได้ร่วมงานใหญ่กับสหายเสิ่น หรือว่าจะท้าสู้กับมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนั้น แค่คิดก็เลือดเดือดพล่านขึ้นมาแล้ว
ฉีเซ่าเสวียนพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะพูดอย่างเฝ้ารอคอย “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย!”
……..
ยามรุ่งอรุณวันต่อมา แสงตะวันเบิกฟ้าลอดผ่านเงามืด
มังกรคลั่งอัสนีม่วงที่พักผ่อนสบายมาทั้งคืนยืดเอวอย่างเกียจคร้านและสบายอกสบายใจ จากนั้นคลานออกมาจากรังช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน