บ้าจริง เกือบเอาชีวิตของตนเองไปทิ้งแล้ว
ที่เสิ่นเทียนกระโดดหน้าผาอย่างกะทันหัน ไม่ได้เป็นเพราะการตัดสินใจที่วู่วาม
อันที่จริงเขาอยากกระโดดหน้าผามาสักพักแล้ว
แน่นอน ไม่ใช่รนหาที่ตาย
แต่เป็นเพราะเสิ่นเทียนเห็นภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของเสี่ยวหลิงเซียน และมันก็อยู่ตรงใต้หน้าผาแห่งนี้
ตามหลัก ถ้าหากเสิ่นเทียนไม่ปรากฏตัว
เสี่ยวหลิงเซียนถูกผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยลักพาตัวไป และผลสุดท้ายคือการตกลงมาจากหน้าผา
ส่วนตกลงมาระหว่างการดิ้นรนเอาตัวรอดหรือหลังจากถูกย่ำยีจึงฆ่าตัวตาย อันนี้ไม่รู้ได้
แต่ตำแหน่งที่ตกลงมาจากหน้าผาคือแท่งหินตรงนี้อย่างแน่นอน
เนื่องจากเสิ่นเทียนเข้ามามีส่วนร่วม จึงส่งผลให้เสี่ยวหลิงเซียนถูกช่วย
เสี่ยวหลิงเซียนที่ได้รับการช่วยเหลือ ย่อมไม่มีทางไร้สมองจนกระโดดหน้าผาลงมาเอง
ในเมื่อเสี่ยวหลิงเซียนไม่กระโดดหน้าผา ถ้าอย่างนั้นเสิ่นเทียนจึงต้องลงมือเอง
ปัญหาคือกุ้ยกงกงและฉินเกาคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง
จู่ๆ เสิ่นเทียนจะกระโดดลงหน้าผาเลยก็คงไม่ได้หรอกกระมัง!
เรื่องนี้หาข้ออ้างยาก!
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือโชคดีที่เสี่ยวหลิงเซียนสั่งให้เสิ่นเทียนยืนยันความบริสุทธิ์ด้วยการกระโดดหน้าผา
โอกาสที่ดีเช่นนี้ เสิ่นเทียนจะปล่อยผ่านได้อย่างไร
มันต้องกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลอยู่แล้ว!
เสิ่นเทียนวิเคราะห์ภาพโชคลิขิตอย่างละเอียด ตำแหน่งและทิศทางที่เสี่ยวหลิงเซียนตกลงมาจากหน้าผา
จากนั้นกระโดดลงมาอย่างไม่ลังเล สัมผัสประสบการณ์ที่เหมือนได้โบยบิน
แต่ในระหว่างนั้นเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย
เสิ่นเทียนคิดว่าตกลงมาจากหน้าผาตามวิถีของเสี่ยวหลิงเซียนต้องไม่มีปัญหาแน่นอน
ทว่าเขามองข้ามความอับโชคที่อยู่เหนือศีรษะของตนเอง
หลังจากที่กระโดดลงไป เขาชนใส่ต้นสนที่ตรงขอบหน้าผาอย่างจัง
ไม่เพียงแต่ชนจนมึนหัวไปหมด ยังทำให้ตำแหน่งที่เขาตกลงไปคลาดเคลื่อน
คลาดเคลื่อนจากแท่นหินออกไปไกลกว่าสามเมตร
ทำให้เขาตกใจกลัวจนเกือบขวัญหาย!
คนร่วงอยู่ด้านหน้า วิญญาณลอยตามอยู่ด้านหลัง เกือบจะไม่รอดแล้ว
หากไม่ได้เป็นเพราะจิ่วเอ๋อร์ออกแรงผลักเขาในช่วงที่คับขันนั้น
ตอนนี้เสิ่นเทียนคงจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อไปแล้ว
“ผิดแผน ผิดแผนอย่างแรง!”
“เรียบง่ายถึงจะเป็นวิถีของราชาอย่างที่คิด อย่างน้อยก่อนที่วงรัศมีเหนือศีรษะจะกลายเป็นสีเขียว จะทำอะไรส่งเดชไม่ได้!”
นอนอยู่บนแท่นหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา เสิ่นเทียนสรุปบทเรียนที่ได้รับด้วยความหวาดผวา
แอบสาบานในใจว่าครั้งหน้าจะไม่ทำอะไรวู่วามอีก
……
ขณะนี้เอง เสี่ยวหลิงเซียนและคนอื่นหาเชือกปีนลงมาได้แล้ว
“องค์ชาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่!”
กุ้ยกงกงประคองเสิ่นเทียนลุกขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ส่วนเสี่ยวหลิงเซียนกำหมัดแน่น กลิ่นอายเทพธิดาที่เคยทำให้ผู้ชายมากมายลุ่มหลงหายไปหมด
กลับกันนางในตอนนี้เหมือนกับสะใภ้ที่โดนรังแกยิ่งนัก
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้นางอยากร้องไห้มากเพียงใด!
“สารเลว เจ้ากระโดดลงมาจริงหรือ!”
“ข้าไม่ให้เจ้ารับผิดชอบ พอใจหรือยัง!”
เสิ่นเทียนหันหน้าหนี ไม่กล้าเผชิญหน้าเสี่ยวหลิงเซียน
เพราะตอนนี้สีหน้าของยัยนี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเสียเหลือเกิน
คิดว่าถ้ามอบลูกประคำให้เสี่ยวหลิงเซียน ใช้เวลาไม่กี่วันก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
เสิ่นเทียนก็ไม่รู้เพราะอะไร รู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นผู้ชายสารเลว
ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย!
“อ่ะแฮ่มๆ เอ่อ พวกเรามาดูถ้ำเซียนแห่งนี้กันดีกว่า!”
เขาเปลี่ยนบทสนทนาไปดื้อๆ แล้วเดินไปทางถ้ำเซียน
ถ้ำเซียนแห่งนี้ถูกล็อคด้วยประตูสัมฤทธิ์ที่สูงประมาณสิบฟุต ด้านเหนือของประตูมีป้ายที่ทำจากเหล็กดำแขวนอยู่
บนป้าย มีตัวอักษรที่ประณีตสวยงามขนาดใหญ่สี่คำ—ถ้ำเซียนวารีสวรรค์
“ถ้ำเซียนวารีสวรรค์? ไม่มีบันทึกที่เกี่ยวข้องในตำราของวังหลวง”
กุ้ยกงกงกล่าว “องค์ชายระวัง ถ้ำเซียนของผู้บำเพ็ญเซียนอาจจะมีอันตราย”
เสิ่นเทียนพยักหน้า ไม่ต้องให้กุ้ยกงกงบอกเขาก็รู้
อย่างไรเสีย เขาเองเพิ่งเกือบจะตกลงไปเป็นซากติดพื้นเมื่อสักครู่นี้เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน