แต่นางเพิ่งรู้จักกับเสิ่นเทียนได้ไม่นาน และนางก็เคยเจอพวกที่ดูดีแต่เป็นสุภาพบุรุษชนจอมปลอมอยู่มากมาย
ธรรมชาติของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถต้านทานบททดสอบของผลประโยชน์มากที่สุด
สำหรับความคิดของเสิ่นเทียน นางก็ไม่กล้ามั่นใจ
ในตอนนั้นเอง เสิ่นเทียนเอ่ยปากกล่าว “หลิงเอ๋อร์ ดอกบัวขาวและโอสถวิญญาณเหล่านี้เจ้าเก็บไว้เถอะ!”
คำพูดของเขาทำให้เสี่ยวหลิงเซียนตกใจมาก ตกตะลึงยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
เสี่ยวหลิงเซียนหันไปมองทางเสิ่นเทียนด้วยสายตาที่เหม่อลอย
กลับเห็นสีหน้าของเขาดูจริงจังมาก ไม่เหมือนคนกำลังล้อเล่น
นางรู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกบัวขาวและโอสถวิญญาณเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหน”
เสิ่นเทียนจ้องเสี่ยวหลิงเซียน ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “ไม่ว่ามันมีค่าเท่าไหร่ก็เป็นของเจ้าทั้งหมด”
สัมผัสได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนและน้ำเสียงที่อ่อนโยนของเสิ่นเทียน เสี่ยวหลิงเซียนหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
โอสถวิญญาณที่มีมูลค่ามากกว่าศิลาวิญญาณหนึ่งล้านก้อน พี่เสิ่นมอบให้ข้าทั้งเช่นนี้เลย?
เป็นอย่างที่คิด ในใจของพี่เสิ่นยังมีความรู้สึกที่ดีต่อข้าใช่หรือไม่
ที่กระโดดหน้าผาเมื่อกี้เป็นเพราะไม่สามารถยอมรับการถูกสงสัย ไม่ได้เป็นเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบข้า?
แต่พี่เสิ่นเอาแต่จ้องข้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเช่นนี้ มันช่างน่าเขินอายเหลือเกิน!
ในใจของเสี่ยวหลิงเซียนเกิดความคิดฟุ้งซ่านและจินตนาการที่เสริมเติมแต่งเองอย่างไร้ขีดจำกัด
ทว่าในความเป็นจริงนางคิดมากเกินไปแล้ว
การที่เสิ่นเทียนเอาแต่จ้องนางแล้วบอกว่ามอบโอสถวิญญาณให้นางทั้งหมด เหตุผลนั้นง่ายมาก
เพราะเขากำลังสังเกตวงรัศมีที่อยู่เหนือศีรษะของเสี่ยวหลิงเซียน
ทันทีที่เสิ่นเทียนกล่าวว่าจะมอบดอกบัวขาวและโอสถวิญญาณทั้งหมดให้เสี่ยวหลิงเซียน
วงรัศมีเหนือศีรษะของเสี่ยวหลิงเซียนสว่างขึ้นมากกว่าเดิม
เดิมทียังเป็นวงรัศมีสีแดงอมเขียว แต่ตอนนี้แสงสีเขียวหายไปหมดแล้ว
วงรัศมีเหนือศีรษะของนางกลายเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนก็สัมผัสได้ถึงร่างกายที่เบาลงเล็กน้อยของตนเอง
เห็นได้ชัดว่าโชคของเขาก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วย
ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง
แต่ในขณะนั้นเอง เสี่ยวหลิงเซียนเอ่ยปากพูดแล้ว “เช่นนี้ไม่เหมาะสม”
นางเหลือบมองเสิ่นเทียนด้วยความเขินอายแวบหนึ่ง “เป็นเพราะพี่เสิ่นโดดหน้าผาจึงพบถ้ำเซียนแห่งนี้ จะแบ่งของมากเช่นนี้ให้ข้าได้อย่างไร”
ครุ่นคิดสักพัก เสี่ยวหลิงเซียนกล่าว “โอสถวิญญาณและดอกบัวขาวเหล่านี้ พี่เสิ่นเก็บไว้ดีกว่า!”
ทันทีที่สิ้นเสียง วงรัศมีเหนือศีรษะของนางเริ่มมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้น และดูเหมือนจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เสิ่นเทียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงร่างกายที่หนักขึ้นของตนเองอย่างชัดเจน
เขากล่าวอย่างชอบธรรม “เช่นนี้จะได้อย่างไร หากไม่ได้เป็นเพราะหลิงเอ๋อร์เปิดประตูเหล็กดำ พวกเราเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“เจ้าต่างหากที่เป็นคนมีวาสนากับถ้ำเซียนแห่งนี้ ดังนั้นโอสถวิญญาณเหล่านี้ควรเป็นของเจ้าทั้งหมด!”
แสงสีเขียวเริ่มจางหายไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายก็เริ่มเบาลงอย่างเชื่องช้า
ในใจเสี่ยวหลิงเซียนยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง
ผู้ชายที่ดีเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก
นึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย “พี่เสิ่นท่านเลิกบ่ายเบี่ยงได้แล้ว รับไว้เถอะ!”
แสงสีเขียวปรากฏขึ้นอีกครั้ง…
กุ้ยกงกงมองดูอยู่ด้านข้าง รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันใด
เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นแม่นางแต่งงานกับองค์ชายเสียเถอะ เช่นนี้ใครรับไว้ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ!”
หากพระสนมหลานรู้เรื่องขององค์ชายกับแม่นางหลิงเอ๋อร์ จะต้องยิ้มร่าทั่วทั้งแดนปรโลกอย่างแน่นอน
แต่คนหนุ่มสาวสมัยนี้ แค่จะคบหากันทำไมถึงยุ่งยากเช่นนี้!
แบ่งโอสถวิญญาณอะไรกัน ในอนาคตหลังจากแต่งงานกันก็เป็นของตนเองทั้งหมดแล้วไม่ใช่หรือ
คำพูดของกุ้ยกงกงยิ่งทำให้ใบหน้าของเสี่ยวหลิงเซียนแดงเข้าไปใหญ่
นางแอบเหลือบมองเสิ่นเทียนแวบหนึ่ง กลับพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องตนเอง
สายตาของเขามีอารมณ์ที่ลึกซึ้งแฝง ทำให้ผู้ที่ถูกจ้องหน้าร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ว่ากันว่าเมื่อผู้ชายมองคนรักของตนเอง ก็ล้วนแต่มองใบหน้าหรือตาไม่ใช่หรือ
เหตุใดถึงมีความรู้สึกว่าพี่เสิ่นกำลังจ้องศีรษะของข้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน