บทที่ 397 จักรพรรดิชิงตื่นตกใจ!
ส่วนลึกทะเลอุดร สามร่างเงาขยับวูบผ่าน
“แปลก ตามบันทึกในแผนที่ เกาะวิมานเทพน่าจะอยู่ในเขตนี้ เหตุใดวนมารอบใหญ่แล้วยังหาไม่เจออีก”
สือหลิงหลงพลิกดูแผนที่โบราณ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
รอบตัวมีแต่มหาสมุทรกว้างใหญ่ ไม่เห็นเงาของเกาะวิมานเทพเลย
“พี่เสิ่นเทียน ช่วยรอเดี๋ยวเดียว รอหลิงหลงสำรวจเส้นทางชัดเจนก่อน จะต้องหาเกาะวิมานเทพพบแน่”
สือหลิงหลงหน้าแดงเล็กน้อย รู้สึกเกรงใจนิดๆ
เดิมทีนางเชื้อเชิญเสิ่นเทียนด้วยความตื่นเต้น คิดจะร่วมสำรวจวิมานเทพด้วยกัน แต่ตอนนี้ยังหาตำแหน่งของเกาะวิมานเทพไม่พบ น่าเขินอายจริงๆ
เมื่อเห็นองค์หญิงหลิงหลงที่ทำหน้ามึนงงแล้ว เสิ่นเทียนอดส่ายหน้าไม่ได้ แอบหัวเราะในใจ
หญิงคนนี้เป็นพวกหลงทางจริงๆ
ตั้งแต่สือหลิงหลงออกจากเกาะมหานทีมาจนถึงตอนนี้ ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนก็ยังหาเกาะวิมานเทพไม่พบ
ผจญภัยไปทั่วมหาสมุทร ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้าในถิ่นของสัตว์ร้ายมังกรปลา
“องค์หญิง สู้มอบแผนที่ให้แซ่เสิ่นดูดีกว่า”
เสิ่นเทียนเอ่ย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ฟ้าคงต้องมืดแน่
“ได้!”
สือหลิงหลงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม รีบส่งแผนที่ให้เสิ่นเทียน
เสิ่นเทียนรับแผนที่มาดู มุมปากกระตุกเล็กน้อย
นี่ใช่แผนที่ที่ไหนกัน
บนแผนที่มีลายเส้นเต็มไปหมด ตัดสลับกัน พัวพันด้วยกันหมด
เหมือนยันต์ภาพภูตผี อ่านเข้าใจสิแปลก
ก็ได้!
เสิ่นเทียนยอมรับว่าตนดูแผนที่ไม่เก่งเลย~
แต่นี่ไม่สำคัญ!
เสิ่นเทียนยัดแผนที่เข้าในอกเสื้อ ก่อนจะเลือกทางหนึ่ง “ตามข้ามา”
เมื่อเอ่ยจบเสิ่นเทียนก็พุ่งทะยานไปในทิศทางนั้น
องค์หญิงหลิงหลงกับเฟิ่งอู่รีบตามไป ไม่นานสามคนก็บินข้ามหลายพันลี้ เข้าไปในเขตทะเลหนึ่ง
พลังวิญญาณที่นี่เอ่อล้น หมอกขาวพุ่งขึ้นจากผิวทะเล ปราณเซียนขมุกขมัว
ที่นี่เหมือนกับแดนเซียน ประกายแสงเรืองรองส่องสว่างหนาทึบ แปลกประหลาดยิ่ง
ข้างหลังหมอกหนามีเกาะลอยขึ้นมาลับๆ
“เกาะวิมานเทพ!”
สือหลิงหลงดีใจ ในที่สุดก็หาเป้าหมายพบ
“พี่เสิ่นเทียนสุดยอดจริงๆ แผนที่ยากเช่นนี้ยังอ่านเข้าใจ”
สือหลิงหลงอ่านอยู่นานมาก ก็ยังไม่เข้าใจแผนที่นั้น
แต่เสิ่นเทียนนำทางมา พวกเขาหาเพียงครู่เดียวก็พบเกาะวิมานเทพ ความสามารถในการนำทางแกร่งเกินไปแล้ว!
เมื่อได้ฟังคำชมของสือหลิงหลง เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากเล็กน้อย
ใช่ เพราะพี่เป็นคนขับรถมือฉมัง!
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนขับรถมือเก๋าจะไม่รู้จักทางได้อย่างไร
ไม่ต้องพูดอะไรมากก็รู้ลู่ทางดี!
ก็ได้!
ความจริงที่คนขับรถหาเกาะวิมานเทพเจอเร็วเช่นนี้ เพราะอาศัยคุณธรรมสูงส่ง…
แค่กๆ ภาพโชคลิขิต
ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะสือหลิงหลง นางใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งเดือนกว่าจะคว้าทั้งเขตทะเลแห่งนี้เจอเกาะวิมานเทพ
เสิ่นเทียนไม่อยากเสียเวลา จึงกระโดดข้ามขั้นตอนนี้ไปหาเกาะวิมานเทพ
….
สามคนผ่านหมอกหนาเข้าไปใกล้เกาะวิมานเทพ
หมู่เกาะตั้งอยู่กลางทะเล แสงเรืองรองส่องสว่าง สีสันมงคลเผยออกมา แสดงความแปลกและมหัศจรรย์ออกมาทั้งหมด
ที่นี่ คือเกาะวิมานเทพที่ได้รับขนานนามว่าแดนเซียนวิมานเทพ!
“เล่าลือว่าที่จักรพรรดิชิงอยู่อย่างสันโดษที่นี่ เพราะที่นี่มีพลังวิญญาณเปี่ยมล้น เงียบสงบเป็นมงคล เป็นดินแดนในอุดมคติ อีกทั้งบนเกาะวิมานเทพยังเหมาะกับการปลูกโอสถวิญญาณ บ่มเพาะเป็นโอสถวิญญาณล้ำค่าอย่างยิ่งได้ พวกเราเดินทางมาเกาะวิมานเทพครั้งนี้ จะต้องได้ทรัพยากรอู้ฟู้แน่นอน”
สือหลิงหลงพูดอธิบาย ก่อนเดินทางไปเกาะวิมานเทพ นางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
ไม่นานพวกเขาก็ก้าวเข้าสู่เกาะวิมานเทพ แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ต้องหยุดชะงัก
เกาะวิมานเทพตรงหน้าไม่มีความเป็นดินแดนในอุดมคติและเลิศล้ำเลยสักนิด
ที่นี่มีแต่ซากปรักหักพัง ลานฝึกบำเพ็ญพังทลาย เหมือนกับโลกนี้ถูกทำลาย เหลือเพียงซากปรักหักพังเต็มไปหมด
เกาะวิมานเทพมหึมา มีพันร่องน้ำหมื่นหุบเขา เห็นมีแต่ร่องรอย
“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเกาะวิมานเทพถึงกลายเป็นเช่นนี้”
สือหลิงหลงมีสีหน้าตกใจอย่างรุนแรง สถานฝึกบำเพ็ญของมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าที่นี่ผ่านต่อสู้มาอย่างดุเดือด เหมือนมีผู้แข็งแกร่งสุดยอดออกมือ ทำลายเขตแดนนี้ ทำให้ภูเขาพังทลายลง แผ่นดินแตกระแหง
แม้แต่ชีพจรวิญญาณฟ้าดินยังเหือดแห้ง เหมือนถูกคนสูบเอาไป ตัดต้นกำเนิดพลังวิญญาณทุกอย่าง
ต่อให้เป็นสือหลิงหลงเห็นภาพนี้ก็ยังต้องตื่นกลัว
“ตอนที่จักรพรรดิชิงมีชีวิต เกาะวิมานเทพซ่อนตัวอยู่โลกภายนอก ไม่มีใครกล้ามารบกวน แต่ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นแดนรกร้าง”
สือหลิงหลงถอนหายใจ แสนปีมานี้ ระบบความคิดแก่กล้ามากมายยึดอำนาจสูงสุด เปล่งประกายแสงห้าดินแดน แต่สุดท้ายก็ดับสูญไปในแม่น้ำกาลเวลา ไม่มีใครถามไถ่
ที่เกาะวิมานเทพรกร้าง อาจจะเป็นเพราะมีคนมาที่นี่ก่อน ชิงสมบัติล้ำค่าไปหมด
ไม่นานสามคนก็ค้นหาทั่วเกาะวิมานเทพ
นอกจากหาโอสถวิญญาณที่หลงเหลือเจอบ้างแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
“คงจะมาเสียเที่ยวแล้ว หรือว่ามรดกของจักรพรรดิชิงจะถูกคนชิงเอาไปแล้ว”
สือหลิงหลงเสียดายนิดๆ นางเชิญเสิ่นเทียนมาที่นี่จากใจจริง เดิมทีอยากจะแบ่งโชคลิขิตที่ล้ำค่าที่สุดกับเสิ่นเทียน แต่ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะรกร้างไปนานแล้ว ไม่ได้อะไรเลย
เฮ้อ น่าขายหน้านัก!
เมื่อเห็นสือหลิงหลงเหมือนจะซึมเซา เสิ่นเทียนก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบ ในเมื่อที่นี่เป็นสถานฝึกบำเพ็ญของจักรพรรดิชิง ก็น่าจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น
จักรพรรดิชิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิ จะให้คนอื่นเอามรดกของตนไปง่ายๆ ได้อย่างไร บางทีสิ่งที่พวกเราเห็นอาจจะเป็นภาพมายา”
อย่างเช่นเกาะมหานทีก่อนหน้านี้ก็เป็นสถานฝึกบำเพ็ญของมหาจักรพรรดิเช่นกัน แต่สมบัติและมรดกที่ล้ำค่าที่สุดอยู่ในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง
ตอนนี้พวกเขาตามหาสุสานจักรพรรดิชิงบนเกาะวิมานเทพไม่พบ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกคนชิงมรดกไปแล้ว
“พี่เสิ่นพูดมีเหตุผล!”
สือหลิงหลงพยักหน้า นางก็ไม่เชื่อว่ามรดกของจักรพรรดิชิงจะถูกคนชิงตัดหน้าไปก่อนเหมือนกัน
ถึงอย่างไรมรดกของจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ หากมีคนได้ไปจะต้องสั่นสะเทือนห้าดินแดน ไม่มีทางที่จะไม่มีข่าวใดแพร่งพรายออกมา
“เพียงแต่ว่าสุสานจักรพรรดิชิงอยู่ที่ใดล่ะ!”
สือหลิงหลงสงสัยเล็กน้อย พวกนางตามหามาทั่วเกาะวิมานเทพแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของสุสานจักรพรรดิชิงเลย
กระทั่งไม่เจอแม้แต่เงื่อนงำใดๆ
เสิ่นเทียนพูดเตือนด้วยรอยยิ้ม “เล่าลือว่าจักรพรรดิชิงแปลงกายมาจากบัวคราม ฝึกบำเพ็ญพิสูจน์มรรค ตามกฎสัมพันธ์ปัญจธาตุแล้ว น้ำเกิดไม้ บางทีสุสานของเขาอาจจะซ่อนอยู่ใต้น้ำก็ได้”
ตอนแรกเสิ่นเทียนก็เห็นภาพโชคลิขิตจากวงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะสือหลิงหลงแล้ว รู้ว่าสุสานจักรพรรดิชิงอยู่ก้นทะเล
“พี่เสิ่นเทียนพูดถูก!”
สือหลิงหลงตาเป็นประกายขึ้นมา ตอนแรกนางไม่ได้คิดมาทางนี้เลย แต่เมื่อเสิ่นเทียนเอ่ยเตือน ก็เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ลงไปดูใต้น้ำกันเถอะ!”
สามคนรีบออกเดินทาง ดำลงไปใต้เกาะวิมานเทพ
……
ทะเลอุดรลึกไม่เห็นก้น สามคนว่ายไปยังส่วนลึกของเขตทะเล ยิ่งดำลึกลงไปเรื่อยๆ แรงดันน้ำรอบตัวก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พลังงานนี้เหมือนมีภูเขาโบราณกดดันใส่ร่างกาย จะกดดันให้หายใจไม่ออก
สือหลิงหลงหน้าแดงเล็กน้อย ลมหายใจหนักหน่วง เหมือนจะต้านแรงกดดันนี้ไม่ไหว
ถึงนางจะเป็นองค์หญิงดินแดนกลาง แต่พละกำลังกายเนื้อก็ไม่ได้แกร่งอะไรมาก ตอนนี้แรงกดดันทะเลถึงระดับน่าสะพรึง ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ปกติก็ยากจะต่อต้านได้
เฟิ่งอู่ด้านข้างกลายร่างเป็นหงส์ ระดับความแกร่งของกายเนื้อเพิ่มขึ้นมาก ถึงพอต้านพลังงานนี้ได้
เขาดูไม่เหมือนผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิที่ไร้พ่ายเลย แต่เหมือนกับคนชรามีเมตตามากกว่า
นี่ก็คือจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ ผู้พาทุกสรรพสัตว์ข้ามฟากด้วยความเมตตา…จักรพรรดิชิง!
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ผู้เยาว์มาที่นี่เพื่อสืบทอดมรดกของท่าน ส่งเสริมศาสตร์หลอมโอสถให้ยิ่งใหญ่ ช่วยทุกสรรพสัตว์ใต้หล้า”
สือหลิงหลงมองชายชราผมขาวตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
“พวกเจ้ามีจิตใจเช่นนี้ เยี่ยมมาก! แต่การจะได้รับมรดกของข้าจะต้องผ่านการทดสอบใหญ่สามอย่าง มีเพียงผ่านการทดสอบทั้งสามเท่านั้น พวกเจ้าถึงจะได้สืบทอดมรดกของข้า”
จักรพรรดิชิงพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง พวกข้ายินดีรับการทดสอบ!”
สือหลิงหลงพยักหน้าตกลง เสิ่นเทียนก็พยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าไม่ได้ขาดความมั่นใจเช่นกัน
“ดี!”
จักรพรรดิชิงเอ่ย ทันใดนั้นพลังงานมหาศาลก็หลั่งทะลักออกมา ปกคลุมสามคนโดยพลัน
“การทดสอบแรก เป็นการทดสอบเกี่ยวกับด้านพรสวรรค์คุณสมบัติกาย การจะได้สืบทอดศาสตร์หลอมโอสถของข้าจะต้องมีพรสวรรค์คุณสมบัติกายธาตุไฟและไม้สูงสุด มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นถึงจะฝึกศาสตร์หลอมโอสถของข้าถึงระดับลึกล้ำได้!”
สำหรับการหลอมโอสถแล้ว คุณสมบัติกายธาตุไฟสูงสุดจะควบคุมเปลวไฟได้ดีกว่า มีความแม่นยำในการหลอมโอสถสำเร็จ
และคุณสมบัติกายธาตุไม้สูงสุดก็ส่งเสริมกับโอสถวิญญาณที่หลอมได้ รับรองได้ว่าสรรพคุณยาของโอสถวิญญาณจะถูกกระตุ้นถึงจุดสูงสุด
การจะสำเร็จศาสตร์หลอมโอสถสูงสุด คุณสมบัติกายสองธาตุนี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง
คนที่ตรวจสอบคนแรกคือองค์หญิงหลิงหลง สือหลิงหลง
ก่อนจะเห็นแสงสีครามตกลงมาจากห้วงอากาศ พลันเข้าไปในกายของสือหลิงหลง
“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผู้มีกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตร และยังลงนามทำสัญญากับเจ้าหนูเผ่าหงส์อีก มีเปลวเพลิงของเผ่าเทพหงส์รึ ไม่เลว เยี่ยมมาก”
จักรพรรดิชิงพยักหน้า แอบพึงพอใจ
กายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรคือกายศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของรากวิญญาณระดับสูงสุดของธาตุทอง ไม้และดินสามธาตุ
ไม่ใช่แค่ใกล้ชิดกับหมื่นวิญญาณมหามรรคโดยธรรมชาติเท่านั้น แต่ในด้านการตระหนักรู้และคุณสมบัติยังได้รับการส่งเสริมอย่างมาก ตรงกับเงื่อนไขความต้องการคุณสมบัติกายสูงสุดของธาตุไม้
อีกทั้งในตัวสือหลิงหลงยังมีพลังแห่งเทพหงส์ กระตุ้นเพลิงเทพหงส์ได้ ถือว่าเป็นคุณสมบัติกายธาตุไฟสูงสุดเช่นกัน
สือหลิงหลงที่มีสองอย่างครบ ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดที่จักรพรรดิชิงค่อนข้างพึงพอใจ
จักรพรรดิชิงยิ้มเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเขารอมาแสนปี คนที่เจอเป็นคนแรกจะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้
แม้จะยังไม่บรรลุถึงขั้นทำให้เขายกของให้เลย แต่ก็พอจะเป็นผู้สืบทอดทั่วไปได้
คนที่สองที่ได้ตรวจสอบคือเฟิ่งอู่ ขั้นตอนก็เหมือนกับก่อนหน้านี้
“ชนรุ่นหลังของราชินีหงส์อมตะ ในกายมีเพลิงเทพหงส์ ใช้ได้เหมือนกัน”
จักรพรรดิชิงลูบเคราขาว เพลิงเทพหงส์เป็นคุณสมบัติกายธาตุไฟที่มีอานุภาพแข็งแกร่งเช่นกัน ใช้หลอมโอสถได้ดีมาก
น่าเสียดายที่พรสวรรค์ธาตุไม้ของเฟิ่งอู่ยังไม่พอ ด้อยกว่าองค์หญิงหลิงหลงไม่น้อย
“เจ้าหนู ต่อไปถึงตาเจ้าตรวจสอบแล้ว”
จักรพรรดิชิงเอ่ยก่อนจะเบนสายตามามองเสิ่นเทียน
คนหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดาคนนี้ทำให้จักรพรรดิชิงนึกถึงอดีตของตน และเพราะเหตุนี้เอง จักรพรรดิชิงจึงฝากความหวังไว้กับหนุ่มคนนี้มาก
“รบกวนผู้อาวุโสด้วย!”
เสิ่นเทียนป้องมือ ก่อนปล่อยให้แสงสีเขียวซึมเข้าไปในกายตนเอง
…..
“นี่มันอะไรกัน! ในตัวคนคนหนึ่งจะบรรจุสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินได้สิบกว่าชนิดเชียวรึ เจ้าหนูนี่ไม่ใช่คนรึ หรือเพราะเสี้ยวดวงจิตข้าอยู่มานานเกินไปจนหมดอายุไปแล้ว
บ้าจริง ยังมีปราณเบิกฟ้าอีก!
เสี้ยวดวงจิตข้าจะต้องเกิดความปั่นป่วนเหนือความคาดหมายแน่ๆ”
ทันใดนั้น จักรพรรดิชิงเหมือนกับเห็นผี
รอยยิ้มมีเมตตาอ่อนโยนบนใบหน้าพลันหายไป แต่แทนที่ด้วยความตื่นตกใจอย่างรุนแรง
เขารู้สึกว่าเสี้ยวดวงจิตที่เขาฝากไว้ในห้าดินแดน…
อาจจะกำลังฝันอยู่!
จะว่าไป เสี้ยวดวงจิตฝันได้ด้วยรึ
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน