บทที่ 398 จักรพรรดิชิงเอ่ย ทุบตีข้า ทุบตีข้าให้แรงที่สุด!
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณเบิกฟ้าในกายเสิ่นเทียน จักรพรรดิชิงตัวสั่น ดึงเคราขาวไว้แน่น
“คุณสมบัติกายเจ้าน่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่ใช่แค่บรรจุสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบกว่าชนิด แม้แต่ปราณเบิกฟ้ายังกล้าใส่ไว้ในกาย”
จักรพรรดิชิงสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววตกตะลึงอยู่นานก็ยังไม่หายไป
ตนเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิ จักรพรรดิชิงจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของปราณเบิกฟ้าได้อย่างไร
นั่นคือพลังงานที่แม้แต่มหาจักรพรรดิยังควบคุมไม่ได้!
บทสรุปล่ะ
เขากลับเห็นมันในตัวไก่อ่อนระดับนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่แค่ปนเปื้อน แต่ยังหลอมรวมเข้าไปในกาย
น่ากลัวยิ่งนัก!
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ไม่รู้ว่าผู้เยาว์ผ่านการทดสอบนี้หรือไม่”
เสิ่นเทียนยิ้มบางๆ ใบหน้าไม่สะทกสะท้าน
คิดว่าเขาแค่หลอมรวมปราณเบิกฟ้าไว้ในกายรึ เมื่ออยู่ต่อหน้ากายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทาน ต่อให้เป็นปราณเบิกฟ้าก็เป็นได้แค่สารอาหารของเขา ควบคุมได้เหมือนกับแขน
จักรพรรดิชิงมุมปากกระตุก
เจ้าหนูนี่พูดไร้สาระอะไร
ไม่ใช่แค่มีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินธาตุไม้สองชนิด แต่ยังควบคุมเพลิงเทพระดับสูงสุดสามชนิด นี่เกิดมาเพื่อหลอมโอสถชัดๆ!
และยังมีปราณแห่งเบิกฟ้า…
นั่นคือสิ่งที่ข้าใฝ่หามาทั้งชีวิตเชียวนะ!
จักรพรรดิชิงตื่นตะลึงในใจ ขณะเดียวกันภายในใจยังเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ
เหมือนว่าข้าจะดวงดีระเบิดเลย!
ไม่นึกเลยว่าสุสานจักรพรรดิชิงเปิดครั้งแรกจะเจอกับผู้มีวาสนาที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำมากขนาดนี้ ข้ามเรื่องคุณสมบัติกายบ้าไปแล้วของเสิ่นเทียนไปก่อน แค่กายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรของเด็กสาวคนนี้ ก็ถือว่าอยู่แนวหน้าในยุคเมื่อแสนปีก่อนแล้ว
หงส์น้อยแห่งเผ่าหงส์อมตะนั่น ถึงจะด้อยกว่าหน่อย ในกายไม่มีพลังงานธาตุไม้ แต่ก็ค่อนข้างใช้ได้
หรือว่าในที่สุดมรดกวิถีโอสถของข้าจะได้เผยแพร่ไปอย่างยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ
“คุณสมบัติกายของพวกเจ้าตรงกับความต้องการของข้าชั่วคราว ต่อไปเป็นการทดสอบที่สอง การทดสอบที่สอง ทดสอบพรสวรรค์การหลอมโอสถของพวกเจ้า เส้นทางการหลอมโอสถ ไม่ใช่แค่ต้องมีคุณสมบัติกายที่สอดคล้องกัน แต่ต้องมีพรสวรรค์ในการหลอมโอสถด้วย”
จักรพรรดิชิงแสร้งทำทีเป็นสุขุม ก่อนจะอธิบายการทดสอบต่อไปให้ทุกคนฟัง
“ที่นี่มีภาพฝาผนังหลอมโอสถร้อยแปดภาพ บันทึกวิธีการหลอมโอสถร้อยแปดวิธี พวกเจ้ามีเวลาสามวันในการตระหนักรู้อย่างสุดความสามารถ ในสามวันนี้จะไม่มีใครมารบกวนพวกเจ้าได้ ขอแค่พวกเจ้าฝึกศาสตร์หลอมโอสถได้มากพอ ก็จะได้รับการยอมรับจากข้า”
จักรพรรดิชิงโบกมือ บรรยากาศรอบตัวพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง
ปรากฏผนังหินใหญ่ยักษ์ลอยขึ้นมาตรงหน้าสามคน
บนผนังหินแกะสลักภาพฝาผนังร้อยแปดภาพ บันทึกศาสตร์การหลอมโอสถสูงส่งลึกลับร้อยแปดวิธี
ต้องรู้ว่าจักรพรรดิชิงเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งในวิถีโอสถ ศาสตร์การหลอมโอสถของเขาเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุด ระดับความล้ำค่าเทียบได้กับคัมภีร์จักรพรรดิ
ภาพฝาผนังพวกนั้นมีหมอกหนาทึบอบอวลและมีชีวิตชีวา เหมือนจะแปลงเป็นฟ้าดินในภาพฝาผนัง ลี้ลับยากจะคาดเดา
“ศาสตร์หลอมโอสถ…ร้อยแปดรูปแบบรึ เยอะขนาดนั้นเลยรึ”
เสิ่นเทียนเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เคยสัมผัสการหลอมโอสถมาก่อน จึงไม่รู้แนวทางในศาสตร์หลอมโอสถเป็นพิเศษ
แต่ในใจผู้บำเพ็ญเซียนห้าดินแดน ความแกร่งของศาสตร์หลอมโอสถไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย
ลองคิดดู เจ้ากำลังต่อสู้เป็นตายกับคนอื่น สองฝ่ายสูสีกันยากจะตัดสินสูงต่ำได้ สู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้เอง อีกฝ่ายควักยาลูกกลอนเติมเลือดคืนชีพออกมาเม็ดหนึ่ง เจ้าจะสิ้นหวังหรือไม่
นี่ไม่ใช่โอสถ แต่เป็นชีวิต!
แน่นอน ยาลูกกลอนธรรมดาไม่มีผลกับเสิ่นเทียนมากเท่าไร
ภายในกายเขามีปัญจธาตุสัมพันธ์กัน ความสามารถในการฟื้นฟูแกร่งสุดยอด เรียกได้ว่ามีการเสริมพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกับตัว
ผนวกกับมีสามประกายวารีเทพกับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเป็นตัน พวกนี้คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์เยียวยา ไม่ด้อยไปกว่ายาลูกกลอนระดับสุดยอดเลย
กล่าวได้ว่าเสิ่นเทียนเป็นบุรุษที่เหนือกว่าพวกเสพยารสนิยมต่ำ!
แต่เสิ่นเทียนก็ยังสนใจศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้
หลักๆ คือเขามีโอสถล้ำค่าจำนวนมาก ล้วนได้มาจากแดนลับต่างๆ กองอยู่ในแหวนมิติทั้งหมด
โอสถล้ำค่าพวกนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทุกต้นนำออกไปมากพอจะทำให้กลุ่มผู้บำเพ็ญต้องแย่งชิงกันหัวแตกเลือดไหล กระทั่งสังหารกันโลหิตนองเป็นสายน้ำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่สำหรับเสิ่นเทียนแล้ว สมุนไพรพวกนี้มีประโยชน์ไม่มากจริงๆ ปกติจะเอามาเป็นผักผลไม้หลังมื้ออาหารแก้เลี่ยน
แต่ศาสตร์หลอมโอสถนี้ในตอนนี้ทำให้เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย หากเขาได้เรียนศาสตร์หลอมโอสถ ก็จะหลอมโอสถล้ำค่าพวกนี้เป็นยาลูกกลอนได้
เทียบกับการแทะสดแล้ว หลอมเป็นยาลูกกลอนย่อมให้สัมผัสปากที่ดีกว่าไม่ใช่รึ
อีกอย่างต่อให้เสิ่นเทียนกินไม่หมด ก็เอาไปให้คนอื่นได้
มีมารยาทมากเกินก็ไม่มีอะไรเสียหาย ภายภาคหน้าเจอผู้มีมหาดวงชะตาก็จะมอบยาลูกกลอนให้ได้
เช่นนั้นแผนการเก็บเกี่ยวผักกุยช่ายของของข้าจะไม่สะดวกขึ้นมากเลยรึ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา
ข้าจะต้องเรียนศาสตร์หลอมโอสถให้ได้!
…….
“การทดสอบเริ่มแล้ว!”
เสียงจักรพรรดิชิงดังขึ้น โดยรอบพลันเข้าสู่ความเงียบ ภาพฝาผนังร้อยแปดภาพแผ่ท่วงทำนองมรรคออกมาจางๆ พร้อมกัน บรรยายศาสตร์หลอมโอสถที่เลิศล้ำที่สุด
สือหลิงหลงนั่งขัดสมาธิลงก่อน คู่ดวงตางามจ้องภาพฝาผนังบนผนังหินเขม็งพลางครุ่นคิดอย่างหนัก
นางสะบัดสองมือไม่หยุด ร่างเป็นภาพการหลอมโอสถภาพหนึ่ง กำลังสาธิตศาสตร์หลอมโอสถกลางภาพฝาผนัง
เมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆ ระดับความชำนาญในศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปทีละวินาที นางออกมือได้ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ มองไปดูมีท่วงท่างดงาม เหมือนสอดคล้องกับมหามรรคฟ้าดิน
ทันใดนั้น ผิวกายสือหลิงหลงเปล่งแสงสว่างจ้า ถ้ำแสงที่มีหมอกหนาทึบลอยขึ้นมาจากข้างหลังนาง เปล่งแสงเรืองรองสีสันหลากสี
ถ้ำแสงดูว่างเปล่าลอยล่อง กำลังแสดงภาพการหลอมโอสถไปเรื่อยๆ ทำให้แสงเทพบนผิวกายนางสว่างจ้ายิ่งขึ้น
นางขยับสิบนิ้วมือ แสงเรืองรองหนาทึบเหมือนชิงโชควาสนาของฟ้าดิน
‘เด็กสาวคนนี้มีพรสวรรค์ใช้ได้ แค่หนึ่งก้านธูปก็ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถในภาพฝาผนังแรกสำเร็จแล้ว’
จักรพรรดิชิงพยักหน้า เขามองออกว่าสือหลิงหลงมีพื้นฐานการหลอมโอสถอยู่บ้าง อีกทั้งกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรยังเข้าใกล้กับมหามรรคหมื่นวิญญาณ เสริมทักษะการตระหนักรู้อย่างมาก ถึงทำให้นางตระหนักรู้ได้เร็วขนาดนี้
‘ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้จะตระหนักไปได้เท่าไร’
นัยน์ตาจักรพรรดิชิงแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยเด่นชัด
ในภาพฝาผนังโอสถร้อยแปดภาพ ซ่อนศาสตร์หลอมโอสถที่จักรพรรดิชิงเรียนรู้มาทั้งชีวิตไว้ ทุกศาสตร์หลอมโอสถมีความพิเศษอย่างยิ่ง ทุกศาสตร์ยอดเยี่ยมเลิศล้ำที่สุด
นักหลอมโอสถปกติได้ไปเพียงหนึ่งชนิดในนั้นก็มากพอจะทำให้ทักษะการหลอมโอสถยกระดับขึ้นไปได้หลายขั้นแล้ว แน่นอน การฝึกในนั้นก็มีความยากยิ่งเช่นกัน
ต่อให้เป็นกายศักดิ์สิทธิ์วิจิตรก็ไม่มีทางตระหนักรู้ทั้งหมดได้ในเวลาที่กำหนด แต่ขอแค่ตระหนักได้หนึ่งสองส่วนสิบก็มากพอจะใช้ไปได้ทั้งชีวิตแล้ว
‘ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนั่นจะตระหนักรู้เป็นอย่างไรบ้าง’
จักรพรรดิชิงมองเสิ่นเทียน นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยเด่นชัด
เขาอยากรู้มากว่าเด็กหนุ่มที่มีร่างกายวิปริตคนนี้จะมีการตระหนักรู้แข็งแกร่งเพียงใด
เขาเห็นเสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าภาพฝาผนัง แสงสว่างในกายสว่างจ้า เหมือนกับดวงตะวันลุกโชตช่วง ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์มหึมายิ่งใหญ่
กฎเกณฑ์วนเวียนรอบตัวร่างเงานั้น ลำดับตัดสลับกัน เหมือนจะทำให้มหามรรคใต้หล้าตกลงมาที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือท่าทางมือของร่างเงานั้น ลี้ลับยากจะคาดเดา
ท่ามือเขาเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็วาดจากภาพฝาผนังแรกมาถึงภาพฝาผนังที่สี่ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
“บ้าจริง เจ้าหนูนี่เป็นปีศาจจากที่ใดกัน เพียงหนึ่งก้านธูปก็ตระหนักถึงภาพที่สี่แล้วรึ อีกทั้งหากข้ามองไม่ผิด ก่อนหน้านี้เจ้าหนูนี่หลอมโอสถไม่เป็นนี่ ไม่เช่นนั้น ตอนตระหนักภาพแรกคงไม่ติดขัดขนาดนั้น หรือก็คือเขาเป็นมือใหม่หรือ”
เพิ่งเคยสัมผัสศาสตร์หลอมโอสถครั้งแรก แต่ตระหนักศาสตร์หลอมโอสถระดับจักรพรรดิสูงสุดสี่ชนิดได้ในอึดใจเดียวรึ ต่อให้มีปัจจัยที่จักรพรรดิชิงตั้งใจถ่ายทอดมรดกให้ แต่ก็ไร้เหตุผลอยู่ดี
ความเร็วเช่นนี้ทำให้จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิต
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความสำเร็จทั้งหมดในความชำนาญด้านวิถีโอสถทั้งชีวิตเขา เรียกได้ว่าเป็นมรดกสุดยอดในด้านวิถีโอสถของทั้งห้าดินแดน สูงสุดและลี้ลับมหัศจรรย์
เขาใช้เวลาเป็นหมื่นปีในการจัดระเบียบประสบการณ์การหลอมโอสถที่ได้มา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยกำลังเล่นในสวนหลังบ้านรึ
ไม่มีทางง่ายขนาดนั้นหรอก! นี่ไม่สมเหตุผลเลยนะ!
…..
เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าความเร็วในการตระหนักศาสตร์หลอมโอสถของตนจะทำให้จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิต
ตอนนี้เขากำลังเร่งรัดเนตรมรรคสวรรค์ประทานเต็มกำลัง อนุมานฝึกฝนศาสตร์โอสถพวกนี้
กายมรรคสวรรค์ประทาน เดิมทีเข้าใกล้มหามรรคหมื่นวิชา
ไม่ว่าจะเป็นการตระหนักรู้วิชาใด เมื่ออยู่ต่อหน้ากายมรรคสวรรค์ประทาน ล้วนเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย
ด้วยการเสริมของกายมรรคสวรรค์ประทาน เสิ่นเทียนตระหนักศาสตร์หลอมโอสถพวกนี้ได้รวดเร็วจนน่ากลัว
ห้าภาพ!
สิบภาพ!
สิบห้าภาพ!
…..
ร้อยเจ็ดภาพ!
ร้อยแปดภาพ!
หากบอกว่าตอนแรกเริ่มตระหนักภาพฝาผนังสองสามภาพ เสิ่นเทียนยังได้แค่เพิ่งสัมผัสศาสตร์หลอมโอสถ ยังไม่ชำนาญ เช่นนั้นเมื่อเข้าใจศาสตร์หลอมโอสถมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการตระหนักภาพฝาผนังของเสิ่นเทียนก็เพิ่มมากขึ้นอีก
เพียงครึ่งวัน เสิ่นเทียนตระหนักร้อยแปดภาพฝาผนังทั้งหมดได้อย่างถ่องแท้
จักรพรรดิชิงที่ดูอยู่ข้างๆ ทั้งดอกบัวอึ้งไปแล้ว
“ผู้อาวุโสจักรพรรดิชิง ผู้เยาว์เข้าใจหมดแล้ว”
เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตามีประกายแสงไหลเวียนลับๆ
ร่างมายาใหญ่นั้นหายไปเช่นกัน เข้าไปในกายเสิ่นเทียนทั้งหมด นี่ทำให้พลังของเสิ่นเทียนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับปรมาจารย์หลอมโอสถท่านหนึ่ง สูงตระหง่านดั่งขุนเขา
ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
เสิ่นเทียนตระหนักศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดภาพ ล้วนเป็นยอดวิชาทั้งชีวิตของจักรพรรดิชิง
หยิบมาหนึ่งชนิด ก็ทิ้งห่างนักหลอมโอสถธรรมดาได้หลายถนน
ตอนนี้เสิ่นเทียนเรียนศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดชนิดทั้งหมด ความชำนาญในการหลอมโอสถบรรลุขั้นสูง ไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือนักหลอมโอสถที่ฝึกฝนมาหลายพันปีเลย
หากเสิ่นเทียนยินดี แค่หลอมยาลูกกลอนมาง่ายๆ เม็ดหนึ่ง ก็มากพอจะทำให้ผู้บำเพ็ญมากมายในห้าดินแดนแย่งชิงกันจนโลหิตนองเป็นสายน้ำ!
“อืม~ ก็พอใช้ได้…ถือว่าไม่เลว”
จักรพรรดิชิงเลียริมฝีปาก แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่
นี่ใช่แค่ไม่เลวที่ใดกัน นี่เขาเรียกว่าปีศาจ!
ต่อให้เป็นตัวจักรพรรดิชิงเองก็ไม่มีทางเข้าใจศาสตร์หลอมโอสถร้อยแปดภาพได้ในเวลาครึ่งวัน แต่เจ้าหนูนี่ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่ยังตระหนักถึงขอบเขตขั้นสูงอีก
นี่มันความเร็วเทพเซียนอะไรกัน เร็วเกินไปแล้วกระมัง!
บุรุษจะเร็วเช่นนี้ไม่ได้!
หรือว่าเจ้าหนูนี่ไม่ใช่ไก่อ่อนระดับนิพพาน แต่เป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคจากโลกเซียนลงมายังโลกมนุษย์กัน
เวลานี้ จักรพรรดิชิงสงสัยในชีวิตนิดๆ
เขาสงสัยว่าศาสตร์หลอมโอสถของตนจะแอบหลุดรอดออกไปแล้วเจ้าหนูนี่ได้ไปพอดีหรือไม่ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย!
“เจ้าหนูมีพรสวรรค์ไม่เลวเลย ด้อยกว่าข้าตอนหนุ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน