บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 417

บทที่ 417 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จั๊กจี้ลิ้นนิดๆ!

พิธีแต่งตั้งครั้งนี้ นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แล้ว แดนเทวาแดนผาสุกที่อยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มาด้วย

เสิ่นเทียนเห็นกลุ่มคนจากแดนเทวาดาวประกายพรึกในกลุ่มคนที่มาแสดงความยินดี!

ในกลุ่มแดนเทวาดาวประกายพรึกครั้งนี้ มีคนรู้จักเก่าเยอะมาก

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย เตรียมจะเข้าไปทักทาย

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาแล้ว!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อเหลามาก ไม่ไหว ข้าหลงแล้ว~”

“เดิมทีคิดว่าศิษย์พี่ฉางเกอหล่อเหลามากแล้ว แต่เทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว อ้อ ข้าไม่น่าจะมีความคิดเช่นนี้สิ ใบหน้าของศิษย์พี่ฉางเหอจะไปมีสิทธิ์เทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร”

…….

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเดินเข้ามา ศิษย์จากแดนเทวาดาวประกายพรึก โดยเฉพาะศิษย์หญิงต่างตื่นเต้นกันมาก ทุกคนหน้าแดง แก้มแดงเลือดฝาด!

ถึงอย่างไรด้วยบารมีของเสิ่นเทียนตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าผู้อริยะบางส่วนเลย กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า โดยเฉพาะหน้าตาที่หล่อเหลานี้ ยิ่งไม่เป็นที่ต้องสงสัยยิ่งกว่า!

กระทั่งตอนนี้มีหลายคนมอบฉายา ‘บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนบูรพา’ ให้เสิ่นเทียน

ในหมู่คณะจากแดนเทวาดาวประกายพรึก พลันมีคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ร้องด้วยความดีใจ “พี่เสิ่นเทียน!”

คนนี้ตัวเล็กน่ารัก บนศีรษะวางกระถางดอกไม้ ในกระถางเป็นเถาวัลย์สีมรกตห้อยลงมา เหมือนกับผูกเปียเถาวัลย์เกลียว

รอบๆ กระถางดอกไม้นี้มีผมชี้หย่อมหนึ่งแกว่งไกวตามสายลม ดันกระถางดอกไม้ไว้อย่างมั่นคง

ใช่ เด็กสาวคนนี้คือหลี่เหลียนเอ๋อร์

…..

นางโผเข้าอ้อมกอดเสิ่นเทียน ปากยังพูดพึมพำ “พี่เสิ่นเทียน ข้าคิดถึงท่านมากเลย!”

เสิ่นเทียนลูบผมชี้บนศีรษะหลี่เหลียนเอ๋อร์ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เหลียนเอ๋อร์ ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

“พี่เสิ่นเทียน เหตุใดถึงไม่มาหาเหลียนเอ๋อร์ตั้งนานขนาดนี้!”

หลี่เหลียนเอ๋อร์กอดเสิ่นเทียนไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ

เสิ่นเทียนจนปัญญา ขณะจะพูดอะไรนั้นก็รู้สึกเย็นที่แผ่นหลัง

ปราณกระบี่ที่รวดเร็วและดุดันถึงขีดสุดพุ่งขึ้นฟ้า ชี้มาที่เสิ่นเทียน หนาวเยือกถึงที่สุด

มีกลิ่นอายสังหาร!

เสิ่นเทียนเกิดความระแวงขึ้นในใจ หมุนตัวกลับไปมอง

หรือจะเป็นคนที่มาชอบเหลียนเอ๋อร์ เลยหึงข้า

บทละครแบบเก่า น่าเบื่อและกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ มีแต่นักเขียนไร้ความสามารถเท่านั้นถึงเขียนออกมาได้!

เอ่อ เหมือนจะด่วนสรุปไปหน่อย~

ใบหน้าเสิ่นเทียนมีเส้นสีดำปรากฏขึ้นหลายเส้น

เขามองไปยังบุรุษวัยกลางคนร่างกำยำที่แบกกระบี่ไว้ข้างหลัง

คนนั้นจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง ดวงตากระบี่เฉียบคมมีปราณกระบี่กระจายออก เหมือนจะกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือ ฟันเสิ่นเทียนให้ตาย

ใช่ เจ้านี่คือบิดาของหลี่เหลียนเอ๋อร์…หลี่ชางหลัน

เสิ่นเทียนพลันหน้าชา ไม่นึกเลยว่าเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ที่หวงลูกสาวจะมาด้วย และยังเห็นภาพนี้อีก!

ดีที่มีคนเดินมาลากหลี่เหลียนเอ๋อร์ไป ขัดความคลุ้มคลั่งของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์!

คนที่ดึงหลี่เหลียนเอ๋อร์ไปก็คือราชันกระบี่บัวครามหลี่ฉางเกอ

เพียงแต่ว่าหลี่ฉางเกอในตอนนี้ทุบแก่นเป็นดรุณแล้ว ได้รับขนานนามว่าเจ้ากระบี่บัวคราม!

หลี่ฉางเกอลากหลี่เหลียนเอ๋อร์ไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา “น้องพี่ เจ้าสำรวมหน่อยได้หรือไม่ ท่านพ่อยังดูอยู่ข้างหลังนะ!”

หลี่เหลียนเอ๋อร์ดิ้นด้วยความไม่ยอม ทำเสียงขึ้นจมูก “พี่ ปล่อยข้า น่ารังเกียจ! อย่าขวางข้า ข้าจะไปหาพี่เสิ่น!”

หลี่ฉางเกอพูดไม่ออก

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเต็มไปด้วยความจำใจ ก่อนพูดอธิบาย “น้องเขยอย่าเข้าใจผิด…เอ่อ!”

ยังไม่ทันพูดจบ หลี่ฉางเกอก็รู้สึกขนหัวลุก!

แย่แล้ว ปากบ้านี่ พูดผิดไปแล้ว!

ท่านพ่อยังอยู่เลย!

หลี่ฉางเหอถึงกับมุมปากกระตุก รีบแก้คำเรียกและเปลี่ยนเรื่องสนทนา

“แค่กๆ สหายเสิ่นองอาจห้าวหาญจริงๆ แยกกันครั้งก่อน ไม่นึกเลยว่าสหายเสิ่นจะยกระดับพลังบำเพ็ญได้เร็วเช่นนี้!”

หลี่ฉางเกอยังแอบตกใจ เจอกันครั้งก่อนเสิ่นเทียนยังเป็นแค่ไก่อ่อน ต้องให้เขาปกป้อง

นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไรเอง ศักยภาพเสิ่นเทียนสู้กับผู้อริยะได้แล้ว!

ผู้โดดเด่นชนรุ่นหลังไม่เท่าไร ถึงอย่างไรห้าดินแดนก็มีสุดยอดอัจฉริยะมากมาย แต่เสิ่นเทียนเป็นแค่ผู้โดดเด่นชนรุ่นหลังหรือ นี่มันคือพรสวรรค์ยอดเยี่ยม!

เทียบกับเขาแล้ว หลายปีมานี้เขามัวทำอะไรอยู่

ฝึกบำเพ็ญหรือ ฝึกบำเพ็ญไม่มีประโยชน์อะไรเลยรึ

ถึงเขาจะคุยโวว่าเป็นอัจฉริยะ ตอนนี้ก็ยังอดสงสัยในชีวิตไม่ได้

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันปีกว่า พลังบำเพ็ญของสหายฉางเกอพัฒนาขึ้นมากเลย ยินดีด้วย! เห็นทีว่าในระดับดวงจิตดรุณ คงมีน้อยคนที่เทียบกับสหายฉางเหอได้!”

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าหลี่ฉางเหอทะลวงดวงจิตดรุณแล้ว ทั้งยังซ่อนเจตจำนงกระบี่ที่พิเศษอย่างยิ่งเอาไว้

เจตจำนงกระบี่นี้ต่างกับเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลัน เป็นเจตจำนงกระบี่ของหลี่ฉางเกอโดยเฉพาะ หากให้เวลาเขามากพอ หากหลี่ฉางเหอฝึกเจตจำนงกระบี่นี้ต่อไป บางทีอาจจะเดินบนวิถีกระบี่ของเขาเองได้

ดังนั้น พรสวรรค์ของหลี่ฉางเหอจึงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ด้อยไปกว่าสุดยอดโอสรสวรรค์พวกนั้นเลย

หลี่ฉางเกอแบะปาก พูดพึมพำเสียงเบา “จะไปบ้าเท่าเจ้าได้อย่างไรล่ะ”

หลี่เหลียนเอ๋อร์เอ่ย “ท่านพี่ อย่าคิดว่าพูดเสียงเบาแล้วจะไม่มีใครได้ยินนะ! ท่านจะต้องริษยาพี่เสิ่นเทียนแน่ๆ ถึงได้ว่าร้ายเขา! ใจแคบจริงๆ มิน่าท่านถึงไม่มีคู่ครอง”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

หลี่ฉางเกองุนงง

เฮ้ย หลี่ฉางเหอพลันรู้สึกปวดตับนิดๆ!

นี่มันน้องสาวใครกันแน่ กอดผิดคนหรือไม่!

เหตุใดถึงกระแทกศอกเข้าหาฝ่ายตัวเองล่ะ!

แทงใจเหลือเกินน้องสาว!

……

“น้องสิบสาม ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

เสิ่นเอ้าก็เดินเข้ามาเช่นกัน เขาเป็นศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึก มีฐานะไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำ ครั้งนี้ยังเป็นพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเสิ่นเทียน เขาเป็นพี่ชายจะไม่มาได้อย่างไร

เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย “พี่หก!”

สองพี่น้องพบหน้ากัน ย่อมขาดการทักทายไปไม่ได้

สำหรับพี่หกเสิ่นเอ้า เสิ่นเทียนก็ยังมีความใกล้ชิดและความรู้สึกดีๆ หลายส่วน ถึงอย่างไรตอนนั้นก่อนที่เสิ่นเทียนจะเป็นตัวโกง เสิ่นเอ้าก็ไว้หน้าเขามากจริงๆ

ระหว่างสองพี่น้องมีความรักของพี่น้องหลายส่วน

ต้องรู้ว่าเส้นทางเซียนนั้น คนส่วนใหญ่ต้องโดดเดี่ยว ผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคมากมายยอมทำทุกอย่าง สุดท้ายเดินบนเส้นทางไร้พ่าย

พลันหันกลับมา กลับพบว่าข้างกายไม่มีใครอีกเลย

นี่คือความจำใจของผู้แข็งแกร่ง และเป็นบทสรุปที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้

การได้เจอกับเสิ่นเอ้าที่มีสายเลือดเดียวกับตน เสิ่นเทียนจึงอดอยากช่วยมิได้

เขานำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาเม็ดหนึ่ง ส่งให้เสิ่นเอ้า “พี่หก นี่ข้าเตรียมไว้ให้พี่!”

เสิ่นเอ้ามองโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าในมือพลางตัวสั่นอย่างรุนแรง

เขายื่นมือมาตามจิตใต้สำนึก แต่ก็ฝืนดึงมือกลับไป

เสิ่นเอ้ากระแอมไอเบาๆ “น้องสิบสาม โอสถล้ำค่าเช่นนี้ พี่จะรับไว้ได้อย่างไรกัน”

ผู้อริยะจากทุกขุมอำนาจใหญ่ต่างชิงโอสถเสริมสวรรค์กันอย่างบ้าคลั่ง ยอมหมดตัวเพื่อแลกกับหนึ่งเม็ด!

สุดท้ายก็ต้องเก็บกลับไปด้วยความเสียดายเพราะโอสถเสริมสวรรค์มีไม่พอ!

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกลับมอบโอสถที่ทำให้ผู้อริยะเป็นบ้ากับตนเปล่าๆ

เสิ่นเอ้าจะไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“น้องสิบสาม โอสถสูงสุดเช่นนี้เอาไปแลกเป็นอาวุธอริยะเพิ่มศักยภาพเถอะ จะได้ปกป้องตัวเจ้าเองได้!”

แม้ในใจจะอยากได้โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ามาก แต่เสิ่นเอ้าก็ยังเอ่ยปฏิเสธ

น้องสิบสามดีกับข้าเช่นนี้ ข้าจะไปเห็นโอสถดีกว่าได้อย่างไร

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางด้านข้างมุมปากกระตุก ก่อนจะฝืนยิ้มปั้นยากมานิดๆ

แต่ในใจเขากลับเจ็บจี๊ด ‘ศิษย์ชั่ว ศิษย์ชั่ว!

ศิษย์โง่ของข้านี่ นี่ไปปฏิเสธได้อย่างไร นั่นคือโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าเชียวนะ!

แค่กินไปเม็ดเดียว อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าไม่ต้องพยายามไปหลายพันปีเลย!’

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางตัวสั่นอย่างรุนแรง โมโหจนเคราแทบตั้งชี้!

…..

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าพี่หกจะเกรงใจเช่นนี้!

นี่ช่างน่าซึ้งใจจริงๆ เลย!

เสิ่นเทียนตบๆ บ่าเสิ่นเอ้า “พี่หกรับไว้เถอะ! ข้ายังมีของสิ่งนี้อีก อีกอย่างอาวุธอริยะอะไรนั่น ก็มีไม่ขาดเลย!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็นำอาวุธอริยะเข่งหนึ่งที่ผู้อริยะพวกนั้นเพิ่งให้มา เอาออกมา

“หากพี่หกชอบก็เลือกได้ตามใจเลย”

อาวุธวิญญาณระดับสูงสุดกับอาวุธอริยะมากขนาดนี้ มีอาวุธอริยะที่เพิ่มพลังให้เสิ่นเทียนได้ไม่เยอะ ของที่เหลือได้แต่เอาไปแลกเปลี่ยนหรือให้คนอื่น

ถึงอย่างไรให้คนอื่นก็คือให้ ให้เสิ่นเอ้าสักชิ้นจะเป็นอะไรไป ดีเลวอย่างไรก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ที่เลือดข้นกว่าน้ำนะ!

เสิ่นเอ้ามองอาวุธอริยะเข่งนั้นด้วยอาการมึนงงกว่าเดิม

อะไรกัน!

เหตุใดข้ารู้สึกว่าตัวเองเทียบกับน้องสิบสามแล้ว ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลยล่ะ!

ข้ามเรื่องโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าไปก่อน ของสิ่งนี้มีเพียงตัวประหลาดอย่างน้องสิบสามที่ฝึกได้ ต้องรู้ว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดชิ้นหนึ่ง ต้องให้อาจารย์ฟันฝ่ามาตั้งหลายร้อยปี

แต่น้องสิบสามหยิบออกมาตามใจก็เป็นอาวุธอริยะทั้งหมด!

ทั้งยังใส่มาเป็นเข่ง!

เลือกได้ตามใจ!

ความเย้ายวนนี้ ใครจะไปต้านไหวกัน!

เหตุใดองค์ชายแห่งอาณาจักรต้าเหยียนถึงต่างกันมากขนาดนี้!

ไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงเกิดคำพูดเช่นนี้ดังขึ้นมาในความคิดเสิ่นเอ้า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน