บทที่ 430 เสิ่นเทียน สือเทียนจื่อ นามนี้มีอะไรบางอย่าง!
เมื่อได้ยินเสียงชมเชยของเหล่าโอรสสวรรค์รอบกาย เสิ่นเทียนก็สงสัยในชีวิต!
ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างวูบวาบกลางโลกเล็กแดนเทวา กฎเกณฑ์สีสันหลากสีตกลงมาเหมือนม่านสวรรค์
ร่างเงาหนึ่งลงมาจากฟ้า เหยียบอากาศ เดินบนสายรุ้งเทพสีสันหลากสี
ทุกย่างก้าวจะเหยียบห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ อากาศพังทลายเป็นซาก น่าสะพรึงถึงที่สุด
คนนี้อายุไม่เกินยี่สิบกว่าปี ชุดคลุมขาวดั่งหิมะ ใบหน้าหล่อเหลาดั่งหยก ราวกับเซียนนอกฟ้าเหนือสามัญ
เขามีรูปร่างเรียวยาว ในลูกตามีอักขระลึกลับกำลังโยงใย สร้างเป็นพลังไร้พ่ายเป็นหนึ่งกลางอากาศ ราวกับเทพสงครามหนุ่มมาเยือน
ในโอรสสวรรค์ดินแดนกลางทั้งหมดมีคนเคยพบบุรุษคนนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังร้องอุทานด้วยความตกใจ
“เป็นเขา สือเทียนจื่อ!”
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้สูงส่งหนุ่มคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะปรากฏตัว!”
สือเทียนจื่อยืนกลางอากาศอย่างโอหัง กระดูกจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคตรงหน้าอกเปล่งแสงเทพ พลังมหาศาลถาโถมมาแรง
น่ากลัว แข็งแกร่ง โดดเด่น!
นี่คือความรู้สึกที่สือเทียนจื่อมอบให้ทุกคน
คนนี้ปรากฏตัว ทุกคนต่างตัวสั่นตาม พลังกวาดล้างแปดทิศ
ขณะกะพริบตาลูกตาซ้อนทับยังขยับแสง แสดงเป็นความหมายลึกล้ำไม่มีสิ้นสุด เหมือนแฝงไว้ด้วยหลักการสูงสุดฟ้าดิน!
กระดูกจักรพรรดิตรงหน้าอกยังแผ่อำนาจคุกคามไร้ขีดจำกัด ราวกับว่ามหาจักรพรรดิหนุ่มขวางฟ้า ทำให้คนหนาวสั่น
โอรสสวรรค์ที่มีพลังบำเพ็ญอ่อนแอบางคนทนไม่ไหวขาอ่อน ล้มลงกับพื้น
“องค์ชายสือเทียนจื่อ เขามาที่นี่เพื่อสิ่งใดกัน”
มีคนตกใจระคนสงสัย แม้สือเทียนจื่อจะเป็นศิษย์ใหม่รุ่นนี้ แต่ฐานะเทียบเท่ากับปรมาจารย์ ก่อนเข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย เขาติดตามจักรพรรดิฮวงสือฝึกบำเพ็ญ ศักยภาพอยู่คนละระดับกับศิษย์ใหม่คนอื่น
บุคคลเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องมาโลกเล็กแดนเทวาเลย!
…..
ทันใดนั้น สือเทียนจื่อขยับแล้ว
ชุดคลุมขาวเขาโบกสะบัด ย่างก้าวเดินไปทางยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง
ข้างหลังม้วนแสงเทพสว่างจ้า กฎเกณฑ์ฟ้าดินสั่นไหว ห้วงอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและพังทลายลง
“ข้ารู้แล้ว! องค์ชายเทียนจื่อจะท้าสู้กับยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งรึ!”
นั่นคือยอดเขาวิญญาณที่แกร่งที่สุดในโลกเล็กแดนเทวา ต้องมีกำลังของอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ถึงจะทำลายได้!
แต่โลกภายนอกมีข่าวลือว่าสือเทียนจื่อเคยสังหารอริยะแท้ลัทธิวิญญาณร้าย มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด!
ด้วยกำลังรบของสือเทียนจื่อ การจะเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งไม่น่าจะยาก
หลายคนกลับนึกถึงเสิ่นเทียนและอดเทียบกันมิได้
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้เจ็ดกระบวนท่าเปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง กำลังรบเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรค! ไม่รู้ว่าองค์ชายเทียนจื่อจะทำลายยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งต้องใช้กี่กระบวนท่า”
ทุกคนแปลกใจกันขึ้นมา อยากรู้ว่าระหว่างสือเทียนจื่อกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใครจะแกร่งกว่ากัน
คนหนึ่งได้รับขนานนามว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุค เป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่มที่ใช้พลังบำเพ็ญผู้สูงศักดิ์สวรรค์สังหารอริยะแท้ได้
อีกคนคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เล่าลือว่าทุบค้อนเดียวอริยะแท้หกด่านเคราะห์ปลิวไปได้!
โอรสสวรรค์สองคนที่มีพรสวรรค์สุดยอดเช่นนี้ วันนี้จะประชันกันทางอ้อม ทุกคนจะไม่เฝ้ารอคอยกันได้อย่างไร
ทุกสายตามองรวมกันที่ร่างเงากลางฟ้าเขม็ง
ในที่สุดสือเทียนจื่อก็ออกมือ เขาควงหมัดเปล่าปล่อยประกายหมัดร้อนระอุพุ่งใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง
ประกายหมัดสว่างจ้าระเบิดปรากฏการณ์น่าสะพรึง สร้างโลกและทำลายล้างโลกเป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด กำเนิดการทำลายล้างและเกิดใหม่ในประกายหมัด!
หนึ่งหมัดชกออกไป สวรรค์เก้าชั้นกู่ก้องพร้อมกัน
ประกายหมัดกระเพื่อมไปสามพันลี้ ห้วงอากาศไร้พรมแดนถูกทำลายเป็นผุยผง
ตึง!
เกิดเสียงดังสนั่น!
เงาหมัดยักษ์ชกใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง
ทันใดนั้นผนึกมากมายแตกกระจาย แสงเรืองรองสว่างไปรอบๆ ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
เพียงหมัดเดียวก็แทบจะทำให้ผนึกของยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งพังลงทั้งหมด อานุภาพน่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ทว่ายอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งไม่ธรรมดา แสงเทพพุ่งขึ้นฟ้า สร้างเป็นยอดค่ายกลกฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดตกลงมาจากฟ้า
นี่คือค่ายกลที่สร้างโดยผู้แข็งแกร่งสูงสุด ต่อให้เป็นอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ก็ไม่อาจทำลายได้ง่ายๆ
แสงเทพสว่างจ้าปกคลุมยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับโลกหนึ่งดินแดนไม่อาจทำลายลงได้!
“หึ!”
สือเทียนจื่อทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่งก่อนจะเดินหน้าไปอีกครั้ง พลังหมุนม้วนฟ้าดินดั่งกระแสคลื่น!
กระดูกจักรพรรดิตรงหน้าอกเปล่งแสง พลังอำนาจน่าเกรงขาม พลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งปะทุมาจากกระดูกจักรพรรดิ
พลังเทพน่าพรั่นพรึงถาโถมออกมาเหมือนคลื่นลูกใหญ่ ทำให้กลิ่นอายพลังของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับจักรพรรดิที่สุดแห่งยุคมาเยือนโลกมนุษย์
แสงเทพวนเวียนในมือสือเทียนจื่อก่อนระเบิดออกไปพร้อมกับพลังไร้พ่าย
หมัดแห่งหายนะสั่นสะท้านฟ้าดิน
ฟ้าดินถอดสี ตะวันจันทราไร้แสงสว่าง ราวกับว่าทุกอย่างจะพังทลายลงท่ามกลางหายนะไร้จุดจบ!
ภายใต้การเสริมด้วยกระดูกจักรพรรดิ สือเทียนจื่อจู่โจมออกไปเหมือนทำลายล้างได้ทุกสิ่ง!
ในที่สุดผนึกไม่มีสิ้นสุดก็ถูกทำลายลง!
ตึง!
ตึง!
สือเทียนจื่อออกมืออีกครั้ง ชกรัวสองหมัดใส่ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง
เสียงดังปานฟ้าผ่า ทำให้คนใจสั่นสะท้าน เหมือนหัวใจจะระเบิด
โอรสสวรรค์ที่พลังบำเพ็ญอ่อนแอถูกพลังอำนาจที่แผ่ออกมากดดันจนหน้าซีดขาว ร่างล้มลงกับพื้น
น่าตกใจเกินไปแล้ว!
แค่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็ทำให้คนหนาวสั่น
หากรับการโจมตีซึ่งหน้า เกรงว่าผู้อริยะปกติคงต้านไม่ได้ ถูกชกหมัดเดียวตาย!
ภายใต้การโจมตีบ้าอำนาจเป็นหนึ่งของสือเทียนจื่อ ยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งก็รับไม่ไหวเช่นกัน กฎเกณฑ์มากมายถูกทำลาย โซ่ลำดับถูกบดเป็นผุยผง แสงเทพอ่อนแสงลง!
บึ้ม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น!
สุดท้ายยอดเขาวิญญาณที่แกร่งที่สุดถูกเปิด!
เหล่าโอรสสวรรค์มองจนตาลาย จิตใจสั่นคลอน
กำลังรบของสือเทียนจื่อน่ากลัวมาก แค่สามกระบวนท่าก็เปิดยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่งได้รึ
อีกทั้งยังไม่ใช้อาวุธ ใช้กำลังรบของหมัดเปล่าก็เทียบเท่ากับอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์หรือ
ไม่รู้ว่ากำลังรบที่แท้จริงของสือเทียนจื่อแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
เทียบเท่าอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ หรือหกด่านเคราะห์ที่แกร่งกว่ากัน
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
สมกับเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม
กำลังรบเช่นนี้ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับร่างเงากลางนภา
ทว่าหลังจากเปิดยอดเขาวิญญาณ สือเทียนจื่อกลับไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลย
เขาไม่ได้สนใจยอดเขาวิญญาณลูกที่หนึ่ง แต่มองเสิ่นเทียน “เจ้า คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”
ดวงตาซ้อนทับกันขยับแสง ประกายดวงตาดึงดูดคน
สือเทียนจื่อมีใบหน้าเฉยชา แต่กลิ่นอายพลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง
อำนาจคุกคามน่ากลัวหมุนม้วนออกมาราวกับคลื่นลูกใหญ่ หมุนม้วนพายุคลั่งไร้ที่สิ้นสุด!
เสิ่นเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไป ร่างเหยียดตรงราวกับต้นสน ตั้งตระหง่านไม่โค่นล้ม ไม่ได้รับผลจากพลังนี้
ดวงตาเขาขยับแสงเทพ ใบหน้ายิ้มอ่อนโยน “แซ่เสิ่นเอง!”
เพียงโต้ตอบง่ายๆ กลับทำให้ฟ้าดินถอดสี
สองคนสบสายตากันเหมือนมีพลังเทพไร้รูปปะทะกันไม่หยุด
พริบตานั้นห้วงอากาศก็โคลงเคลง แตกเป็นเสี่ยงๆ
เหล่าโอรสสวรรค์รู้สึกถึงอำนาจคุกคามไร้รูปแผ่ขยายมาจากฟ้าดิน ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน
หรือว่าสองสุดยอดโอรสสวรรค์เจอกันครั้งแรกก็จะตัดสินสูงต่ำกันแล้ว ดีที่อำนาจคุกคามหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้คงอยู่ต่อไปอีก
ประกายแววตาสือเทียนจื่อหยั่งลึก ดวงตาซ้อนทับสว่างจ้าเหมือนทะเลดารา “ได้ยินน้องหลิงหลงเล่าเรื่องของเจ้า และได้ฟังท่านจักรพรรดิประเมินเจ้าแล้ว ไม่เลวเลยจริงๆ”
แม้ปากจะบอกว่าไม่เลว แต่ท่าทีของสือเทียนจื่อสูงส่งมาก
ไม่เหมือนความเกรงใจระหว่างรุ่นเดียวกัน แต่เหมือนผู้อาวุโสและผู้แข็งแกร่งกำลังให้กำลังใจชนรุ่นหลังมากกว่า
เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ดื้อรั้นถึงที่สุด
…..
เสิ่นเทียนไม่ตอบ แต่จ้องหน้าผากของสือเทียนจื่อ!
เห็นเหนือศีรษะสือเทียนจื่อมีวงรัศมีดวงชะตาเปล่งแสงวาววับ!
นั่นคือวงรัศมีดวงชะตาสีม่วงเข้ม สว่างจ้าถึงที่สุดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
สมกับเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม!
เสิ่นเทียนแอบชื่นชมในใจ ดวงชะตาเจ้านี่แกร่งที่สุดในทุกคนที่เขาเคยพบมา
บอกว่าเป็นบุตรแท้ๆ ของสวรรค์ก็คงไม่เกินจริงไป!
อายุยังน้อยก็มีกำลังรบน่าสะพรึงเช่นนี้ได้ ใช้พลังบำเพ็ญของผู้สูงศักดิ์สวรรค์เทียบเท่ากับกำลังรบของอริยะแท้
คุณสมบัติกายและเบื้องหลังต้องสำคัญแน่นอน แต่หากไม่มีดวงชะตาสะท้านโลกก็ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เจ้านี่ได้โชคลิขิตไปเท่าไรแล้ว!
กุยช่ายตนนี้อุดมสมบูรณ์น้ำฉ่ำเกินความคาดหมายเลย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
……
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนออกแรงเยอะเกิน โดดเด่นเกินไปแล้ว
เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่าจะหลอกเจ้าเด็กน้อยพวกนี้ให้เบนความสนใจไปได้อย่างไร!
แต่ไม่นึกเลยว่าที่ทำไปทั้งหมดจะไม่เสียเปล่า
เจ้าเด็กนี่ดึงความสนใจของทุกคนไป!
สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่มีดวงชะตาสูงส่ง นำพาโชคดีมาให้ข้าจริงๆ!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ใจสั่นไหวขึ้นมา อดเกิดความรู้สึกดีๆ กับสือเทียนจื่อมิได้
เขาเก็บพลังไปช้าๆ ดูมีจิตใจกว้างและลึกล้ำดั่งหุบเขา ไม่ประชันกับสือเทียนจื่ออีก
เวลานี้ในสายตาโอรสสวรรค์มากมาย สือเทียนจื่อมีพลังแกร่งกว่า พลัยกลายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคน
ส่วนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แม้จะยังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา แต่ก็เหมือนจะไม่ได้แกร่งขนาดนั้น
ไม่นานก็ไม่ได้น่าสนใจมากขนาดนั้นอีก
…..
ศักยภาพใช้ได้ แต่ยังไม่คู่ควรคำเรียกขานว่าจักรพรรดิ
สือเทียนจื่อพูดกับตัวเองในใจก่อนจะเก็บพลังของตนไม่กดดันอีก
เขาโยนป้ายคำสั่งหนึ่งให้เสิ่นเทียน ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “ด้วยป้ายคำสั่งนี้ จะเข้าพบท่านจักรพรรดิได้! แต่ว่าคนหนุ่ม ภายภาคหน้าอย่าทำตัวให้เด่นมากนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน