บทที่ 432 เจ้าหนูนี่ มีนมแล้วเป็นมารดา! (1)
ศึกสะท้านโลกครั้งนี้มีเพียงจักรพรรดิฮวงสือเป็นพยาน คนนอกไม่มีใครรู้
สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพื่อโอสถจักรพรรดิ เสิ่นเทียนจะไม่ขายแรงงานสู้กับสือเทียนจื่อเช่นนี้แน่!
ได้แต่หวังว่าจักรพรรดิฮวงสือจะไม่เบี้ยวหนี้แล้ว!
…..
ทันใดนั้นพลังวิญญาณในกายเสิ่นเทียนสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง หมุนม้วนไปทั่วร่างกาย!
เขาพลันตาเป็นประกายขึ้นมา พูดงึมงำกับตนเอง “จะทะลวงแล้วรึ”
พลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนถึงจุดสูงสุดดวงจิตดรุณมานานแล้ว อาศัยยาลูกกลอนเสริมสวรรค์เบิกฟ้าทะลวงมา!
ตอนนี้ผ่านไปหลายเดือน เขาปรับเสถียรภาพพลังบำเพ็ญเรียบร้อย น่าเสียดายยังไม่ทะลวงปราการ
ตอนนี้เสิ่นเทียนได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งในการต่อสู้อันดุเดือดกับสือเทียนจื่อ!
สือเทียนจื่อเป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุค มีดวงตาซ้อนทับกระดูกจักรพรรดิ พลังบำเพ็ญและกำลังรบลึกล้ำยากจะคาดเดา กล่าวได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดและมีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่เสิ่นเทียนเคยพบมา!
โดยเฉพาะยอดพลังวิเศษแสงวิบัติสร้างโลกของสือเทียนจื่อ มีความคล้ายคลึงกับยอดพลังวิเศษเบิกฟ้าผ่าปฐพีของเสิ่นเทียน
เมื่อได้ตระหนักรูปลักษณ์ของสร้างโลกทำลายโลก เสิ่นเทียนจึงตระหนักความลี้ลับฟ้าดินกำเนิดใหม่และชะตาขึ้นชะตาดับจากในนั้นได้
นั่นคือพลังแห่งฟ้าดิน กฎเกณฑ์มหามรรคฟ้าดินที่เต็มไปด้วยความลี้ลับยิ่งใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะควบคุมได้
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนถึงได้ตระหนักรู้ ศาสตร์หลอมปราณก้าวสู่ระดับหลอมรวมเทพ!
ตอนนี้เสิ่นเทียนเปล่งแสงทั้งตัว แสงเทพวนเวียนไม่ขาด สว่างพร่างพราวอย่างยิ่ง!
พลังวิญญาณสั่นกระเพื่อมกลางนภา แสงสว่างเหมือนธารดารา เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์เข้าไปในกายเขา!
พริบตาเดียว เสิ่นเทียนถูกปกคลุมด้วยพลังวิญญาณไม่มีสิ้นสุด กลิ่นอายพลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน!
…..
อีกด้านหนึ่ง สือเทียนจื่อยังคงสงสัยในชีวิต
เขายังไม่เชื่อว่าตนจะแพ้ให้กับเสิ่นเทียน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นดาวดวงใหม่ที่ผงาดขึ้นในราชวงศ์เซียนต้าฮวง เป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่มที่สุดนับแต่โบราณกาลมา!
ตั้งแต่เขากำเนิดก็ใช้พลังไร้พ่ายสั่นสะเทือนแปดทิศ ไม่มีใครสู้ได้!
แม้แต่จักรพรรดิฮวงสือยังให้ความสำคัญกับเขามาก ชี้แนะเขาด้วยตนเอง!
สวัสดิการเช่นนี้ เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน!
ความโอหังของสือเทียนจื่อไม่อนุญาตให้เขาพ่ายแพ้ และก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน แต่ศึกนี้สือเทียนจื่อกลับพ่ายแพ้!
ความเจ็บปวดในกายยังคงเตือนสติเขา!
แม้จะแพ้แค่กระบวนท่าเดียว แต่แพ้ก็คือแพ้!
ภายในใจสือเทียนจื่อเต็มไปด้วยความหดหู่ ทันใดนั้นก็เหมือนตรวจพบอะไรบางอย่าง เขาหมุนตัวกลับมา พบเสิ่นเทียนกำลังนั่งขัดสมาธิ กำลังทะลวงพลังบำเพ็ญ!
สือเทียนจื่อดวงตาเป็นประกายวาว พลันโล่งขึ้นมา
เขาเหมือนรู้แล้วว่าเหตุใดตนถึงพ่ายแพ้!
ใช่ เสิ่นเทียนต้องทะลวงจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพมานานแล้ว ตกตะกอนมานานมาก
เดิมทีเสิ่นเทียนมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา และยังมีพลังบำเพ็ญจุดสูงสุดหลอมรวมเทพ สือเทียนจื่อแพ้ก็ไม่ขายหน้าแล้ว!
แต่หากสองคนมีพลังบำเพ็ญเท่ากัน สือเทียนจื่อมั่นใจว่าจะเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้
ถึงอย่างไรเขาก็มีพลังบำเพ็ญหลอมรวมเทพตอนปลาย แพ้แค่กระบวนท่าเดียว!
หากเลื่อนเป็นจุดสูงสุดหลอมรวมเทพจะต้องชนะแน่นอน!
เมื่อคิดได้ดังนั้นสือเทียนจื่อก็มีความมั่นใจกลับมา รู้สึกว่าตนสู้ได้แล้ว
แม้เสิ่นเทียนจะทะลวงพลัง อีกไม่นานก็จะก้าวสู่ขอบเขตพลังที่แกร่งกว่า แต่สือเทียนจื่อมั่นใจสิบส่วนว่าจะตามทัน เพราะอย่างไรปราการของผู้สูงศักดิ์สวรรค์กับผู้อริยะ ก็ไม่ถือว่าเป็นร่องหุบเขาอะไรสำหรับเขาเลยจริงๆ
เสิ่นเทียน ข้าจะต้องแซงหน้าเอาชนะเจ้าให้ได้!
……
สือเทียนจื่อมั่นใจเต็มสิบ แต่ไม่นานก็ต้องเบิกตาโตอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ!
เพราะเมื่อพลังบำเพ็ญแท้จริงของเสิ่นเทียนทะลวงพลังและเปิดเผยออกมา!
สือเทียนจื่อตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง ใบหน้ามีแต่การสงสัยในชีวิต “ขะ…เขาเพิ่งทะลวงหลอมรวมเทพรึ”
ดังนั้นพลังบำเพ็ญของเจ้านี่ก่อนหน้านี้คือจุดสูงสุดดวงจิตดรุณหรือ
อะไรกัน
จุดสูงสุดดวงจิตดรุณก็เอาชนะหลอมรวมเทพตอนปลายอย่างข้าได้หรือ
นี่ข้าถูกข้ามขั้นมารังแกหรือ
เล่นอะไรกัน!
สือเทียนจื่อเพิ่งคิดเองเออเองหาข้ออ้างมาปลอบใจตัวเอง
ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะพลิกมือตบ ตบเขาเจ็บหน้าไปหมด!
สือเทียนจื่อเกาจนหนังศีรษะแทบขาดก็ไม่คาดคิดว่าเสิ่นเทียนจะใช้พลังบำเพ็ญดวงจิตดรุณเอาชนะเขาได้!
นี่…ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้เลย!
ถูกรุ่นเดียวกันระดับจุดสูงสุดดวงจิตดรุณข้ามขั้นมาเอาชนะเป็นทุกข์ยิ่งกว่าแพ้รุ่นเดียวกันในระดับจุดสูงสุดหลอมรวมเทพมาก
ตอนนี้สือเทียนจื่อถูกกระทบกระเทือนจิตใจรุนแรงกว่าความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้!
ว่าอย่างไรล่ะ
มารดาเถอะ สภาพจิตใจพังลงเล็กน้อย
สือเทียนจื่อนั่งวาดวงกลมบนพื้น ปิดกั้นตัวเอง
ไม่ใช่เพราะสภาพจิตใจเขาไม่ไหว แต่เขาไม่เคยผ่านเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนจริงๆ!
ก่อนหน้านี้มีแต่สือเทียนจื่อทำให้คนอื่นถูกแทงใจมาตลอด แต่เพิ่งเคยถูกแทงใจจริงๆ เป็นครั้งแรก!
อ้อ~!
ครั้งแรกอันล้ำค่าถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ชิงไปเช่นนี้
….
เสิ่นเทียนไม่รู้ทุกอย่างนี้ จิตใจเขาตกอยู่ในโลกจิตวิมานม่วงอย่างสมบูรณ์
ร้อยยี่สิบจั้ง!
สามร้อยหกสิบจั้ง!
……
ดรุณยักษ์กำเนิดฟ้าโตถึงสามพันสามร้อยจั้งแล้วถึงหยุดลง ไม่อยากเชื่อว่าจะขยายไปร้อยเท่า
เสิ่นเทียนถึงกับอึ้ง แม้บอกว่าดวงจิตดรุณจะเติบโตตามพลังบำเพ็ญ จากทารกเป็นเด็กหนุ่ม วัยหนุ่มและวัยผู้ใหญ่
แต่การเปลี่ยนแปลงก็จำกัดสภาพ ดวงจิตดรุณเสิ่นเทียนอยู่ในสภาพทารกก็ใหญ่ยักษ์กว่าคนอื่นแล้ว ตอนนี้เมื่อพลังบำเพ็ญเขาทะลวงระดับหลอมรวมเทพ ดวงจิตดรุณเป็นดวงจิตเทพ ก็ยิ่งสร้างสถิติความสูงใหม่กว่าเดิม!
สวรรค์ ผู้บำเพ็ญเซียนปกติมีแต่ดวงจิตดรุณเป็นเด็กหนุ่ม วัยหนุ่ม วัยผู้ใหญ่ จากนั้นถึงผลัดเปลี่ยนเป็นดวงจิตเทพ
แต่ดวงจิตดรุณข้ากลายเป็นดวงจิตเทพแล้วยังเป็นทารก ทั้งยังเป็นดรุณยักษ์!
เมื่อเห็นสิ่งมหึมาตรงหน้า เสิ่นเทียนรู้สึกมีเสียงดังวิ้งๆ ในความคิด
ดวงจิตเทพสามพันกว่าจั้งอยู่ตรงหน้า น่าตกใจยิ่งนัก!
โดยเฉพาะข้างล่างท้องน้อยอ้วนตุ้ยนุ้ย…
ดีที่โลกจิตวิมานม่วงของเขากลายเป็นโลกกว้างใหญ่ไพศาล ไม่เช่นนั้นคงรู้สึกว่าดรุณยักษ์กำเนิดฟ้าใหญ่ขนาดนี้จะกระแทกฟ้าโลกจิตวิมานม่วงแตก!
ดรุณยักษ์กำเนิดฟ้าเหมือนจะมีความสุขเพราะฟ้าดินเบิกฟ้ากำเนิดพลังชีวิต มันหยัดกายขึ้นช้าๆ ตบก้นปัดฝุ่น วิ่งไปในโลกนี้
ดรุณยักษ์กำเนิดฟ้าระเบิดแสงเทพสว่างจ้ามาจากในกาย ส่องสะท้อนฟ้าดิน เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ให้กู่ร้องตาม!
ด้วยผลกระทบของแสงเทพ พลังชีวิตของโลกนี้ก็ยิ่งเอ่อล้นกว่าเดิม
มันทำให้พลังกฎเกณฑ์โลกนี้สมบูรณ์แบบ ทำให้โลกแห่งนี้ผลัดเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
เพียงแต่ว่าขั้นตอนนี้กินเวลานานมาก!
…..
เงียบอยู่นานมาก ในที่สุดจิตของเสิ่นเทียนก็ถอยออกจากโลกจิตวิมานม่วง
เขาทะลวงระดับหลอมรวมเทพแล้ว!
หลังสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาล เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
การเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่าได้มาอู้ฟู้
ไม่ใช่แค่ทะลวงหลอมรวมเทพ แม้แต่โลกจิตวิมานม่วงยังเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ต้องยกความดีให้แสงวิบัติสร้างโลกของสือเทียนจื่อ ทำให้เขาได้ตระหนักรู้
สมกับเป็นน้อยกุยช่ายดีของข้า!
นึกถึงสือเทียนจื่อ เสิ่นเทียนก็เริ่มมีความคิดเอ่อล้นออกมาอีก ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เอาชนะอีกฝ่ายได้ ย่อมต้องหาทางไว้หน้า ไม่เช่นนั้นเกิดอีกฝ่ายแค้นขึ้นมาจะไม่ดีเอา!
เสิ่นเทียนมองสือเทียนจื่อ พบว่าอีกฝ่ายมีแววตาสับสน เหมือนยังสงสัยในชีวิต
เขาเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายเทียนจื่อ เราไม่สู้กันคงไม่รู้จักกัน ทุกคนเป็นสหายกันไว้ดีกว่าหรือไม่”
เสิ่นเทียนยิ้มเป็นมิตร เต็มไปด้วยความจริงใจ อยากจะผูกมิตรกับสือเทียนจื่อจากใจจริง ถึงอย่างไรบุตรแห่งโชคอย่างสือเทียนจื่อก็หาได้ยากมาก
…………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน