บทที่ 432 เจ้าหนูนี่ มีนมแล้วเป็นมารดา! (2)
เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเสิ่นเทียน สือเทียนจื่อก็ได้สติกลับมา มองเสิ่นเทียนลึกๆ
ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ได้รับแสงแห่งเกียรติยศไม่มีสิ้นสุด เป็นผู้สูงส่งหนุ่มแล้วก็อยู่สูงส่งกว่าเดิม
รุ่นเยาว์ทั้งหมดต้องเคารพและยำเกรงเขา ดังนั้นสือเทียนจื่อจึงไร้พ่าย แต่ก็โดดเดี่ยว ไม่มีใครที่เขาให้ความสำคัญย่อมไม่ไปผูกมิตรด้วย
แต่จนถึงตอนนี้ การปรากฏตัวของเสิ่นเทียนได้ทำลายความเงียบเหงาอันไร้พ่ายของสือเทียนจื่อลง
เขาเจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว!
กระทั่ง ในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้!
สือเทียนจื่อได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ แต่เขาเหมือนจะไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมาก กระทั่งยังตื่นเต้นนิดๆ!
นั่นคือความตื่นเต้นที่ได้พบเป้าหมายและคู่ต่อสู้ใหม่ เป็นความตื่นเต้นที่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ได้กลับมาอีกครั้ง
สือเทียนจื่อตาเป็นประกายสว่างขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกพ่ายแพ้หายไป แทนที่ด้วยจิตต่อสู้ฮึกเหิม
เขามองเสิ่นเทียนพลางพูดด้วยความฮึดสู้เป็นอย่างมาก “เสิ่นเทียน ข้าจะเอาชัยชนะกลับคืนมา!”
เมื่อเอ่ยจบ สือเทียนจื่อก็ลุกขึ้นจากไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับความล้มเหลวและแรงกดดัน ทว่าแรงกดดันไม่ทำให้เขายอมแพ้ แต่กลับเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า
เขามองการเอาชนะเสิ่นเทียนเป็นเป้าหมายของตน จะพยายามไล่ตามอย่างไม่ลดละ
พอเห็นสือเทียนจื่อจากไป เสิ่นเทียนก็เกาศีรษะ ปลงอนิจจังในใจ
โอรสสวรรค์ดินแดนกลางนิสัยดีจริงๆ ขนาดถูกทุบตียังไม่โกรธ
โชคดีที่เป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นได้เสียกุยช่ายคุณสมบัติสูงเช่นนี้ไปแน่นอน
เสิ่นเทียนคงต้องปวดใจจนเกาหูเกาแก้มแน่ๆ!
…….
ตอนนี้เอง เสียงจักรพรรดิฮวงสือดังขึ้น “เสิ่นเทียน เจ้าทำได้ดีมาก!”
หลังเห็นกำลังรบของเสิ่นเทียน แม้แต่จักรพรรดิฮวงสือยังไม่อาจสงบใจลงได้!
ใช้ระดับดวงจิตดรุณสู้กับผู้อริยะ นี่เรียกว่าน่าตกใจมากแล้ว เป็นสุดยอดในประวัติการณ์
มีเพียงโอรสสวรรค์เซียนที่สุดแห่งยุคที่ไม่ใช่ของโลกนี้เท่านั้นถึงทำได้!
กำลังรบของเสิ่นเทียนเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งไม่รองจากใคร!
มิน่าผู้อาวุโสเยี่ยถึงถ่ายทอดมรดกให้เจ้าเด็กนี่ มีเพียงเขาที่คู่ควรสืบทอดตำหนักเทพสงครามจริงๆ
แต่จักรพรรดิฮวงสือมักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ดูเจ้าเล่ห์ไปหน่อย!
ถึงอย่างไรโลกข้างนอกก็เล่าลือว่าเสิ่นเทียนเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ยอดมรรค
แต่ใครจะไปคิดว่าเสิ่นเทียนไม่ถึงแม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ด้วยซ้ำ
นี่ถ้าแพร่งพรายออกไป คงน่าตกใจน่าดู~
ทั้งห้าดินแดนได้พลิกฟ้าแน่!
……
เสิ่นเทียนหันหน้ามาเห็นจักรพรรดิฮวงสือจ้องตนตลอด
เสิ่นเทียนผงะไปเล็กน้อย รีบพูด “ท่านจักรพรรดิชมเกินไปแล้ว แซ่เสิ่นแค่โชคดีเท่านั้น”
เสิ่นเทียนยึดหลักความคิดฟาร์มอย่างมั่นคง ไม่โอ้อวดได้ก็จะไม่ทำ!
โดยเฉพาะต่อหน้าคนใหญ่โตอย่างจักรพรรดิฮวงสือ!
อืม เงียบไว้คือราชธรรม!
หลังได้ยินคำพูดเสิ่นเทียน จักรพรรดิฮวงสือก็ทำหน้าจนปัญญาเสี้ยวหนึ่ง “ใช้ศักยภาพไปกี่ส่วน”
เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนไม่นึกว่าจักรพรรดิฮวงสือจะถามแบบนี้
เขาคิดๆ แล้วก็ตอบไปอย่างถูกต้องชอบธรรม “สหายเทียนจื่อมีกำลังรบเป็นหนึ่ง เสิ่นเทียนสู้สุดความสามารถแล้ว!”
จักรพรรดิฮวงสือเหมือนอ่านเสิ่นเทียนขาดมานานแล้ว ไม่เชื่อคำพูดเขาเลย จึงส่ายหน้า “ใช้ศักยภาพไปกี่ส่วนกันแน่”
เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ปลงอนิจจังในใจว่าจักรพรรดิฮวงสือช่างสมกับเป็นผู้อาวุโส เป็นจิ้งจอกยักษ์เจ้าเล่ห์จริงๆ
แต่เขาก็ยังทำหนังศีรษะหนา “สหายเทียนจื่อเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ แม้แซ่เสิ่นจะโชคดีเอาชนะได้ แต่ก็ใช้ศักยภาพไปเก้าส่วน!”
“จริงรึ เจ้านี่ใจกล้าไม่เบา กล้าหลอกแม้กระทั่งข้ารึ”
จักรพรรดิฮวงสือชำเลืองตามองเสิ่นเทียน พบว่าเจ้าหนูนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ พูดจาเชื่อถือไม่ได้เลย!
เสิ่นเทียนหน้าชา ก่อนรีบพูด “แปดส่วน ครั้งนี้ของจริง ข้าสาบาน!”
จักรพรรดิฮวงสือยังคงทำหน้าสงสัย ยังไม่เชื่อนิดๆ
เสิ่นเทียนรีบสาบาน “แซ่เสิ่นพูดความจริงแน่นอน เมื่อครู่ใช้ศักยภาพไปแปดส่วน ไม่เช่นนั้นขอให้ถูกฟ้าผ่าตาย!”
จักรพรรดิฮวงสือหัวเราะเยาะ “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลัวถูกฟ้าผ่ารึ ทำให้ข้าได้เปิดโลกกว้างเลย ศักยภาพแปดส่วนหรือ เหอะ ร่างนี้คงไม่ใช่แค่ร่างแยกของเจ้ากระมัง!”
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก “แค่กๆ ร่างแยกอะไรกัน”
จักรพรรดิฮวงสือยิ้ม “ร่างแยกอะไรหรือ ก็ต้องเป็นร่างแยกบุตรเทพโลหิตสิ!”
……
“ท่านรู้ได้อย่างไรกัน”
เสิ่นเทียนใจสั่นสะท้าน เหม่อมองจักรพรรดิฮวงสือ
เขามีเคล็ดคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า เป็นมรดกจากจักรพรรดินีที่สุดแห่งยุคท่านนั้น ไม่มีใครสืบเจอกลิ่นอายพลังได้
อีกทั้งร่างนี้ของเขายังเป็นร่างแยกบุตรเทพโลหิตที่รวมมาจากคัมภีร์โบราณลับคัมภีร์เทพโลหิต มีการอำพรางแข็งแกร่งที่สุด
หลังจากหลอมบุตรเทพโลหิตหมายเลขหนึ่ง เสิ่นเทียนก็ไม่รู้ว่าเขาป้อนโลหิตบริสุทธิ์จนถึงโอสถล้ำค่าไปเท่าไร เป็นการบ่มเพาะอย่างไม่เสียดายต้นทุนเลย
ตอนนี้ร่างแยกนี้แสดงศักยภาพเกือบแปดส่วนของร่างจริงเสิ่นเทียน ใบหน้าและกลิ่นอายพลังยังไม่ต่างอะไรกับร่างจริง
แม้แตศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ใกล้ชิดกับเสิ่นเทียนเช้าจรดเย็น กระทั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังมองไม่ออก
เสิ่นเทียนไม่เข้าใจว่าจักรพรรดิฮวงสือมองออกได้อย่างไร!
ทว่าคำพูดต่อมาของจักรพรรดิฮวงสือกลับทำให้เสิ่นเทียนมีเส้นสีดำขึ้นเต็มหน้าผาก
จักรพรรดิฮวงสือเผยรอยยิ้ม “สติปัญญาของเจ้ายังไม่โตเต็มวัยจริงๆ!
คัมภีร์เทพโลหิตลึกลับจริงๆ แม้แต่ข้ายังหาพิรุธในนั้นพบได้ยากมาก แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำอะไรต้องมั่นคง ทั้งยังชำนาญวิชาร่างแยก ชอบเอาร่างแยกไปเซ่นไหว้ฟ้า หากเป็นข้า หลังจากค้อนนภาม่วงสะท้านฟ้าแตก เจ้าก็น่าจะใช้อาวุธเตรียมเซียน ‘ค้อนเทพกำราบสมุทร’ สู้ต่อ
แต่เจ้ากลับเปลี่ยนไปใช้กระบี่คู่ม่วงคราม อีกทั้งร่างนี้ยังไม่มีคลื่นพลังของอาวุธเตรียมเซียนกับอาวุธเซียนเลย ดังนั้นข้าจึงขอเดาอย่างกล้าหาญว่านี่เป็นเพียงร่างแยกของเจ้า ดังนั้นจึงมีสมบัติติดตัวไม่เยอะ สมบัติสุดยอดอย่างค้อนเทพกำราบสมุทรกับถาดวัฏจักรหกมรรค ตอนนี้อยู่ในร่างจริงของเจ้า”
การวิเคราะห์ของจักรพรรดิฮวงสือดุดันเหมือนพยัคฆ์ เสิ่นเทียนได้ฟังแล้วเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมา!
สุดยอดมาก เจ้านี่ทำได้อย่างไรกัน
เหตุใดถึงเข้าใจกว่าบิดาข้าอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน