บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 433

บทที่ 433 ท่านเซียนชิงเยว่ วานรอริยะสัประยุทธ์!

“เจ้าเด็กนี่ มีนมแล้วเป็นมารดาเลยจริงๆ”

จักรพรรดิฮวงสือไม่ได้โกรธอะไร “ตอนนี้ข้าจะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดิโบราณให้เจ้า!”

เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ พลันมีพลังมหาศาลหลั่งไหลออกมา เข้าไปในความคิดเสิ่นเทียนอย่างยิ่งใหญ่

เสิ่นเทียนตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกว่ามีวิชาลึกลับซับซ้อนเพิ่มมาในความคิด

นี่คือคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ ในนั้นยังแนบคำอธิบายของจักรพรรดิฮวงสือไว้!

กระทั่งบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิยังมีอยู่ในนั้น

เห็นได้ชัดว่าฮวงสือถ่ายทอดให้อย่างเต็มที่!

สมกับเป็นอาสือดีของข้า!

…..

เสิ่นเทียนแอบดีใจข้างใน

แม้เขาจะฝึกควบคัมภีร์จักรพรรดิหลายส่วน แต่ใครไม่ชอบมีของเยอะๆ บ้าง!

จักรพรรดิฮวงสือพูดเตือน “เทียนเอ๋อร์ โลภมากเคี้ยวไม่ละเอียด ให้ดีที่สุดคือฝึกวิชาหนึ่งให้ถึงขีดสุดก่อน!”

เขาได้ข้อมูลของเสิ่นเทียนมาจากเยี่ยฉิงชางไม่น้อย รู้ว่าเขาฝึกคัมภีร์จักรพรรดิหลายส่วน

คัมภีร์จักรพรรดิทุกส่วนล้วนเป็นวิถีของมหาจักรพรรดิ แฝงไว้ด้วยพลังอำนาจมหาศาล หากฝึกถึงระดับลึกซึ้งก็มากพอจะกวาดล้างห้าดินแดน

ถึงอย่างไรทุกการคงอยู่ที่สร้างคัมภีร์จักรพรรดิขึ้นล้วนเป็นมหาจักรพรรดิที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

แต่คัมภีร์จักรพรรดิซับซ้อนเข้าใจยากยิ่ง โลภมากจะเคี้ยวไม่ละเอียดและได้ผลตรงกันข้าม

แม้แต่สือเทียนจื่อยังได้จักรพรรดิฮวงสือชี้แนะให้ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ให้ถึงที่สุดก่อน ค่อยไปฝึกคัมภีร์จักรพรรดิอื่น ใช้เป็นตัวช่วย

แบบนั้นถึงจะแสดงอานุภาพของคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ออกมาได้ถึงที่สุด

ในคัมภีร์จักรพรรดิแฝงไว้ด้วยการตระหนักรู้มหามรรคในชีวิตของฮวงสือ รวมวิชาไร้พ่ายมากมาย อย่างเช่นหนึ่งกระบี่ฟ้าทมิฬขององค์หญิงหลิงหลง กำปั้นแห่งหายนะของสือเทียนจื่อ ล้วนมาจากในนั้น

ส่วนจะตระหนักได้เท่าไรก็ต้องดูที่โชคชะตาและพรสวรรค์ของตนเอง

……

“อาสือ ข้าเข้าใจแล้ว”

เสิ่นเทียนรู้ว่าจักรพรรดิฮวงสือหวังดีกับเขา แต่เขาไม่อยากฟัง!

ถึงอย่างไรด้วยกายมรรคสวรรค์ประทาน เสิ่นเทียนฝึกวิชาง่ายมากเหมือนกับกินข้าวดื่มน้ำ

ไม่นานเสิ่นเทียนก็เข้าสู่ความเงียบ เริ่มฝึกคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์

เขามีแสงเทพวนเวียนรอบกาย แสงสว่างจ้าเหมือนดวงตะวันส่องสะท้อนเส้นขอบฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปล่งแสงสว่าง

พลังงานกฎเกณฑ์ตกลงมาจากท้องนภา ไหลไปรวมในกายเสิ่นเทียนทั้งหมดราวกับธารน้ำเงิน

ตอนนี้ ผิวกายเสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

อักขระมหามรรคไม่มีสิ้นสุดร่างออกมาเป็นมหาสมุทรกฎเกณฑ์ ทำให้ใกล้ชิดกับกฎเกณฑ์ในเขตนี้อย่างยิ่ง

จักรพรรดิฮวงสือมองภาพนี้แล้วยังแอบตกใจ เจ้าหนูนี่ไม่ใช่แค่มีกำลังรบและพรสวรรค์น่ากลัว แม้แต่คุณสมบัติกายยังบ้าขนาดนี้

ไม่อยากเชื่อว่าจะเหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ให้ตกลงมาช่วยเขาฝึกบำเพ็ญได้

คุณสมบัติเช่นนี้ ไม่ว่าจะฝึกวิชาใดก็จะได้ผลดียิ่งกว่าเดิม!

ดูท่าเขาคงกังวลมากไปหน่อย

เป็นอย่างที่คิดไว้ ภายใต้การช่วยของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เสิ่นเทียนตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ วิธีการควบคุมมากขึ้นเช่นกัน

เพียงครู่เดียว เสิ่นเทียนก็คุมพลังของคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ได้เก้าส่วน!

กระทั่งจำแลงกายสรรพสัตว์ในบทต้องห้ามยังเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว

……

เห็นเพียงห้วงอากาศข้างหลังเสิ่นเทียนไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง พลังวนเวียนหนาทึบ แสงสว่างเรืองรอง

มีร่างเงาทั้งหมดเก้าร่างเดินออกมาจากข้างหลังเสิ่นเทียน

หน้าตาพวกเขาคล้ายกับเสิ่นเทียน กลิ่นอายพลังน่ากลัว หมุนม้วนฟ้าดินพร้อมกับปรากฏการณ์มากมาย

เพียงแต่ว่าร่างเงาพวกนี้สำแดงวิชาต่างกัน บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้ บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิเทพหงส์…

แต่ทุกร่างเงามีกำลังรบแข็งแกร่งถึงที่สุด

นี่ก็คือบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์…จำแลงกายสรรพสัตว์

วิชานี้ไร้เหตุผลที่สุด สามารถอัญเชิญร่างแยกที่มีศักยภาพคล้ายๆ ตนแต่ควบคุมพลังที่ต่างกันออกมาได้!

นี่คือวิชาเทพจู่โจมประสาน

โดยเฉพาะผู้ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิมากมายอย่างเสิ่นเทียน จะมีประสิทธิภาพแกร่งที่สุด!

ทุกร่างแยกสำแดงหนึ่งวิชาจักรพรรดิ จากนั้นกระตุ้นกำลังรบของเสิ่นเทียนทั้งหมด ยกระดับขึ้นสูงสุด

จะว่าไป ร่างแยกยังแยกร่างต่อได้หรือรึ ไร้เหตุผล สร้างได้ไม่จำกัดเลย!

เสิ่นเทียนถอนหายใจ สมกับเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งของห้าดินแดน สุดยอดจริงๆ

วิชาโกงเช่นนี้ยังสร้างออกมาได้

อีกทั้งคัมภีร์จักรพรรดิส่วนนี้ยังสร้างมาเพื่อเสิ่นเทียน!

แม้คัมภีร์เทพโลหิตจะรวมร่างแยกได้ แต่บุตรเทพโลหิตจะมีพลังส่วนหนึ่งของร่างจริง

แต่ร่างแยกที่รวมมาจากจำแลงกายสรรพสัตว์มีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่ต้องใช้พลังกฎเกณฑ์มหาศาลผูกมัด ไม่อาจอยู่ได้นาน

ทว่าก็สร้างร่างแยกมาปิดล้อมคู่ต่อสู้ในพริบตา และที่สำคัญกว่านั้นคือร่างแยกก็ยังใช้ได้

กล่าวได้ว่าสองวิชานี้สูสีกัน ทั้งยังเกื้อหนุนกันได้

เมื่อประสานกันแล้วจะเรียกได้ว่าบ้าที่สุด!

…..

จักรพรรดิฮวงสือมุมปากกระตุก เขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์เร็วขนาดนี้ กระทั่งจำแลงกายสรรพสัตว์ยังเรียนได้แล้ว ไม่มีเหตุผลเลย

จักรพรรดิฮวงสือสร้างจำแลงกายสรรพสัตว์ขึ้น เดิมทีเพราะเคยเรียนและชำนาญคัมภีร์จักรพรดิหลายวิชา คิดว่ายากจะหลอมรวมกันได้

และวิชาลับจำแลงกายสรรพสัตว์จะกระตุ้นวิชาพวกนี้ออกมา กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

จากในบางระดับ ถือว่าเป็นร้อยแม่น้ำรวมเป็นมหาสมุทร

ทว่าเจ้าหนูเสิ่นเทียนบ้ายิ่งกว่า ไม่อยากเชื่อว่าจะฝึกคัมภีร์จักรพรรดิมากมายขนาดนี้ถึงระดับสุดยอด

ดังนั้น ร่างแยกที่เสิ่นเทียนสร้างด้วยจำแลงกายสรรพสัตว์จึงมีกำลังรบน่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

ถึงอย่างไรก็หนึ่งคัมภีร์จักรพรรดิหนึ่งร่างแยก เก้าร่างแยกก็เท่ากับตัวเองฉบับอ่อนแอเก้าคน

ตอนวิวาทกับคนอื่น จู่ๆ ก็เรียกน้องเก้าคนออกมารุมกระทืบ ต่อให้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิฮวงสือก็ยังขนหัวลุกนิดๆ

เจ้าหนูนี่บ้ามาก!

หากเป็นคนอื่น แม้จะให้คัมภีร์จักรพรรดิกับพวกเขาหลายสิบวิชา ก็ไม่มีทางกินได้หมด

ถึงอย่างไรถึงคัมภีร์จักรพรรดิก็มากพอจะทำให้โอรสสวรรค์สุดยอดในห้าดินแดนต้องศึกษาเป็นร้อยเป็นพันปี การจะฝึกควบคัมภีร์จักรพรรดิทั้งเก้าจนถึงขั้นแปลงเป็นร่างแยกได้นั้น

สารภาพตามตรง ต่อให้เป็นจักรพรรดิฮวงสือเองก็อาจจะทำไม่ได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือจนถึงตอนนี้จักรพรรดิฮวงสือยังไม่แน่ใจเลยว่านี่คือขีดจำกัดของเสิ่นเทียนแล้วหรือไม่!

แต่ก็น่าจะไม่มีทางมากกว่านี้แล้ว…กระมัง!

……

“อาสือ ข้าฝึกสำเร็จแล้ว!”

เสิ่นเทียนลุกขึ้น มองจักรพรรดิฮวงสือด้วยความดีใจ

“มะ…ไม่เลว! พรสวรรค์เจ้าแกร่งมาก พอๆ กับข้าตอนยังหนุ่มเลย”

จักรพรรดิฮวงสือดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจไม่อาจสงบลงได้แล้ว

เสิ่นเทียนสร้างความตกตะลึงกับเขามากเกินไปจริงๆ

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนพูดพึมพำ “ดูท่าแซ่เสิ่นยังไม่แกร่งพอ!”

จักรพรรดิฮวงสือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด ตอนหนุ่มย่อมใช้พลังไร้พ่ายกวาดล้างห้าดินแดน

แม้เสิ่นเทียนจะสุขุม แต่ก็หวังว่าจะได้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าดินแดนคนหนึ่ง

เส้นทางเซียนยาวไกล ข้ายังต้องพยายามอีก!

จักรพรรดิฮวงสือพูดไม่ออก

เขาย่อมได้ยินคำพูดเสิ่นเทียน มุมปากกระตุกขึ้นมานิดๆ

ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง เจ้าหนูนี่ยังไม่แกร่งพออีกรึ อยากขึ้นฟ้าไปเลยรึ

จักรพรรดิฮวงสือมอบท้อเซียนอมตะให้เสิ่นเทียน ก่อนจะกำชับสบายๆ แล้วไล่เขาออกไป ขืนให้เขาอยู่ต่อไป หัวใจข้าคงต้านไว้ไม่ไหวแน่!

เจ้าหนูนี่เป็นปีศาจเกินไป!

……

“กลับมาแล้วหรือ”

“กลับมาแล้ว”

“ได้ของมาไม่น้อยเลยนะ”

“เป็นเพราะร่างหลักเจ้าควบคุมได้ดี”

“ที่ไหนกันๆ เป็นเพราะหน้าตาดีต่างหาก”

หลังถอยออกจากแดนมายารกร้างกลับมายอดเขาวิญญาณที่สอง เสิ่นเทียนมีความสุขมาก

ครั้งนี้ได้กลับมาเต็มๆ เลย!

ไม่ใช่แค่ทะลวงพลังบำเพ็ญ แต่ยังได้คัมภีร์จักรพรรดิเล่มหนึ่ง อาวุธมหาอริยะชิ้นหนึ่งกับสมุนไพรจักรพรรดิอมตะอีกต้น

ครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวเลย!

ตอนนี้เองเสิ่นเทียนได้รับสารจากจางอวิ๋นซี

บอกว่าองค์ชายราชันใต้กับเหนือ หรือก็คือสือหลิงกับสือขุยมาขอพบ

ก่อนหน้านี้ในแท่นวิหคทองแดง สองคนสู้กับพวกเสิ่นเทียน ต่อมาขจัดความขัดแย้งกันก็ถือว่าเป็นสหายกัน

สององค์ชายเข้ามา หวังว่าจะเป็นผู้นำทาง แนะนำสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยกับทุกคน

เสิ่นเทียนย่อมไม่ปฏิเสธ เขาก็แปลกใจกับสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยของราชวงศ์เซียนดินแดนกลางเช่นกัน

เพียงแต่เพิ่งเข้าตำหนักศึกษามาก็ถูกส่งไปโลกเล็กแดนเทวา ไม่มีโอกาสเลย

เมื่อคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็กลอกตา ร่างแยกหลอมรวมเข้าไปในร่างหลัก

ดูท่าพี่น้องกุยช่ายพวกนั้นก็น่าจะดีกันแล้ว

ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะผูกมิตรกับบุตรแห่งมหาโชคทุกคน

พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เดินไปยังรอบนอกยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง ไม่นานก็เห็นโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพากับสององค์ชายสือหลิงสือขุยที่เป็นมิตรกันแล้ว

“สหายเสิ่น ไม่ได้เจอหลายวัน ยังคงสง่างามเหมือนเดิมเลย!”

สือหลิงสือขุยเห็นเสิ่นเทียนปรากฏตัวก็ตาเป็นประกาย รีบเดินเข้ามา

เสิ่นเทียนยิ้ม “สององค์ชาย ครั้งนี้ขอบคุณที่ให้การต้อนรับมาก!”

รายนามโอรสสวรรค์คือการจัดอันดับผู้แข็งแกร่งในโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์

ศักยภาพแข็งแกร่งหรือเคยสร้างคุณูปการให้สำนักศึกษาก็จะได้รับเกียรติบันทึกลงในรายนามโอรสสวรรค์!

ทุกคนพลันแปลกใจ พากันมองเข้าไป

พวกเขาก็อยากรู้ว่าโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์มีใครสุดยอดบ้าง!

อันดับหนึ่งในรายนามโอรสสวรรค์คือสือเทียนจื่อ!

สือเทียนจื่อ

พลังบำเพ็ญ ‘ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลาง’

เกียรติยศ ‘กำปั้นเดียวสังหารอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์แห่งลัทธิวิญญาณร้าย’

อันดับสองรายนามโอรสสวรรค์ ‘ท่านเซียนชิงเยว่!’

พลังบำเพ็ญ ‘ผู้อริยะเคราะห์แรก!’

เกียรติยศ ‘กำราบอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์แห่งลัทธิวิญญาณร้าย!’

……

เมื่อเห็นข้อมูลในรายนามโอรสสวรรค์ โอรสสวรรค์ทุกคนใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

สือเทียนจื่อแข็งแกร่งจริงๆ เพิ่งเข้าสำนักศึกษาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในสำนักมนุษย์แล้ว

สือเทียนจื่อมีชื่อเสียงเลื่องลือ ก่อนเข้าสำนักก็ติดตามฝึกฝนกับจักรพรรดิฮวงสือ สำเร็จเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม

ดังนั้นเมื่อเขาเข้ามาย่อมได้รับเกียรติยศสูงสุด!

สือหลิงพูดปลง “น้องเทียนจื่อมีกำลังรบเป็นหนึ่ง เล่าลือว่าเขาสังหารอริยะแท้ลัทธิวิญญาณร้ายได้สบายมาก สังหารได้ในพริบตา! ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าศักยภาพสูงสุดของเขาแกร่งเพียงใด!”

สือเทียนจื่อเป็นหน้าเป็นตาของราชวงศ์เซียนต้าฮวง สององค์ชายต่างภูมิใจในตัวเขา

โอรสสวรรค์ทุกคนตกตะลึงในใจรุนแรงขึ้นไปอีก

แต่พวกเขาก็เบนสายตามามองเสิ่นเทียนตามจิตใต้สำนึก

ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับสือเทียนจื่อใครจะแกร่งกว่ากัน

ทุกคนแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนเสิ่นเทียนแค่ยิ้มเบาๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก

ถึงอย่างไรเขาก็รู้ถึงกำลังรบของสือเทียนจื่อชัดเจนที่สุด ก่อนหน้านี้ไม่นานสองคนเพิ่งประมือกัน สู้กันมันมาก~

อืม สือเทียนจื่อสู้กับร่างแยกเขาได้มันมาก~

…..

จากนั้นทุกคนก็มองไปที่ท่านเซียนชิงเยว่ในอันดับสอง

สือขุยอธิบายต่อ “ท่านเซียนชิงเยว่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ดของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก! นางมีกายศักดิ์สิทธิ์จันทรา แม้จะไม่ชื่นชอบการต่อสู้ แต่ก็มีศักยภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!

ในสำนักมนุษย์ ผลการรบของนางเป็นรองเพียงสือเทียนจื่อ เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสอง!”

เมื่อเอ่ยถึงท่านเซียนชิงเยว่ ในแววตาสือขุยมีความรักและเคารพขึ้นมา เหมือนยอมสยบแล้ว

ทุกคนจิตใจไม่นิ่งเช่นกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกถือว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของดินแดนบูรพา ไม่นึกเลยว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นเจ็ดจะแกร่งขนาดนี้ ติดอันดับสองสำนักมนุษย์!

แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ธารหยกรุ่นนี้เหมือนจะมีธุระ จึงไม่ได้ตามทุกคนมา

มีคนถามด้วยความแปลกใจ “สำนักมนุษย์มีรายนามโอรสสวรรค์ เช่นนั้นสำนักอสูรก็ต้องมีใช่หรือไม่”

เผ่าอสูรมีศักยภาพแฝงแข็งแกร่ง ต้องมีคนที่มีสุดยอดพรสวรรค์ปรากฏมาแน่นอน!

สือหลิงพยักหน้า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนักอสูรคือนายน้อยของเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง…ฉีจ้าน เขามีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ที่เหนือกว่าบรรพบุรุษ กำลังรบเป็นหนึ่ง กำลังจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ!

เคยฉีกอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์มาแล้ว กระทั่งจักรพรรดิฮวงสือยังรับเป็นศิษย์ในนาม ชื่อเสียงเป็นรองเพียงสือเทียนจื่อ แต่ยังเหนือกว่าท่านเซียนชิงเยว่!”

เมื่อเอ่ยถึงโอรสสวรรค์เผ่าอสูร สือหลิงก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนคงเสียเปรียบให้กับโอรสสวรรค์สำนักอสูรไม่น้อย

ทุกคนถึงกับร้องอุทาน ไม่นึกเลยว่าเผ่าอสูรจะมีโอรสสวรรค์แกร่งเช่นนี้!

ใช้พลังบำเพ็ญจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฉีกอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ น่ากลัวจริงๆ!

ดีที่ในศิษย์รุ่นนี้มีสือเทียนจื่อกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำราบไว้ ไม่เช่นนั้นคงกดไม่อยู่จริงๆ!

…..

“ไม่ใช่แค่นั้น ได้ยินว่าสำนักอสูรรุ่นนี้ก็มีหน่ออ่อนเข้ามามากมายเช่นกัน! องค์หญิงน้อยเผ่าหงส์เฟิ่งอู่ องค์ชายน้อยเผ่ามังกรเอ๋าอู ข่งเมิ่งแห่งเผ่านกยูง อู่เต๋อแห่งเผ่าเทพเต่าดำและยังมีจินอวี่แห่งเผ่าพญาเผิงปีกทองเป็นต้น พวกนี้ถือว่าเป็นสุดยอดในโอรสสวรรค์เผ่าอสูรทุกรุ่นที่ผ่านมา”

สือหลิงแนะนำต่อ เขาลงนามสัญญากับเผ่าพญาเผิงปีกทอง จึงเข้าใจในข้อมูลเผ่าอสูรมาก

ทุกคนตกตะลึงในใจ โอรสสวรรค์พวกนี้คือบุคคลระดับสุดยอดในเผ่าอสูร ย่อมมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา

โอรสสวรรค์มากมายขนาดนี้เข้าสำนักอสูร จะต้องเพิ่มศักยภาพให้สำนักอสูรแน่นอน!

สือขุยยิ้ม “แต่เทียบกับโอรสสวรรค์รุ่นนี้ของสำนักมนุษย์เราแล้ว ยังห่างกันมาก! รุ่นนี้ของเราไม่ใช่แค่มีสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ แต่ยังมีสุดยอดโอรสสวรรค์อย่างสหายฉีและสหายหวัง!

น้องเทียนจื่อกับสหายเสิ่นเข้ามา ยิ่งดึงสำนักมนุษย์เราให้ถึงฝ้าเพดาน! กับอีแค่สำนักอสูรเล็กๆ ต่อให้มีศิษย์ใหม่เข้ามามากกว่านี้ก็เป็นเพียงเมฆลอย ไม่ต้องกลัวเลย!”

….

เมื่อก่อน ฉีจ้านแกร่งกว่าท่านเซียนชิงเยว่ไปไกล

สำนักมนุษย์กับสำนักอสูรแห่งสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยประชันกัน ส่วนใหญ่สำนักมนุษย์จะเสียเปรียบ

แต่ตอนนี้มีสือเทียนจื่อกับเสิ่นเทียนเข้ามา ศักยภาพของสำนักมนุษย์จึงสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในมุมมองของสือหลิงกับสือขุย สำนักมนุษย์เราควรจะผงาดขึ้นมาได้แล้ว!

สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยผู้ยิ่งใหญ่ จะไปยอมให้พวกปีศาจโอหังเช่นนี้ได้อย่างไร

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน