บทที่ 434 ให้สวรรค์เป็นอาจารย์ สู้กับสวรรค์! (1)
ทุกคนยังคงคุยกันเรื่อยเปื่อย
แต่รอบนอกสำนักมนุษย์เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ตอนนี้ศิษย์ใหม่สำนักมนุษย์มากมายกำลังรายงานตัว
พลันมีโอรสสวรรค์เผ่าอสูรพุ่งเข้ามาอย่างห้าวหาญ
นั่นคือวานรเทพสูงจั้งกว่า สวมเกราะนักรบแสงทอง กำลังพุ่งมาแรง!
…..
ขนทั้งตัวเขาออกเป็นสีทองสว่างพร่างพราว ภายใต้แสงตะวันยังเปล่งเป็นแสงเทพเรืองรองสว่างจ้าแสบตา
เคี้ยวแหลมคม ดวงตาทองเหมือนเปลวไฟ กระชากวิญญาณคน
วานรเทพถือกระบองเหล็กทมิฬเหมือนขุนเขาเทพโบราณ พลังหนักอึ้งหมื่นชั่งทำให้คนตัวสั่น!
เมื่อเผชิญหน้ากับวานรเทพนี้ ศิษย์ใหม่มากมายถึงขั้นไม่กล้าเงยหน้ามอง
“เป็นโอรสสวรรค์เผ่าอสูรที่แกร่งมาก!”
“อำนาจคุกคามน่ากลัวเช่นนี้ อย่างน้อยต้องผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนปลายกระมัง!”
“วานรนี่คือผู้แข็งแกร่งสุดยอดของสำนักอสูรแน่นอน มันมาทำอะไรที่สำนักมนุษย์เรากัน!”
โอรสสวรรค์ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงศักยภาพแข็งแกร่งของวานรเทพ ใบหน้ามีความหวาดระแวงกลัวขึ้นมา
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย เวลาส่วนใหญ่สำนักมนุษย์กับสำนักอสูรจะไม่ล้ำเส้นกัน!
ในสถานการณ์ปกติ โอรสสวรรค์สองเผ่าจะไม่เข้าสำนักศึกษาเผ่าอื่น
วานรเทพมาถึงสำนักมนุษย์ดูก็รู้ว่ามีเจตนาไม่ดี
วานรเทพสั่นกระบองเทพในมือ ทำเสียงขึ้นจมูก “สือเทียนจื่ออยู่ที่ใด ก้าวออกมาสู้กับข้า”
เมื่อสิ้นเสียง ศิษย์ใหม่เผ่ามนุษย์ต่างคึกคักขึ้นมา!
เดิมทีสองเผ่ามนุษย์และอสูรไม่ถูกกันอยู่แล้ว การบุกมาท้าสู้ในถิ่นคนอื่นคือการยั่วยุชัดๆ!
แม้เจ้าลิงกังนี่จะไม่รู้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่การบุกเดี่ยวมาสำนักมนุษย์นี่ก็อาจจะโอหังเกินไปหน่อย!
“เจ้าลิงโอหัง ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้ามาอวดอำนาจในสำนักมนุษย์”
“คิดว่าอยากจะพบองค์ชายเทียนจื่อแล้วเจ้าจะได้พบหรือ”
“ไอ้ลิงกัง เจ้าคู่ควรให้ท้าสู้รึ”
“ข้าว่าเจ้ารีบไปจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นศิษย์พี่มาเมื่อไร เจ้าได้โดนดีแน่!”
พอเห็นโอรสสวรรค์สำนักอสูรอวดดีเช่นนี้ โอรสสวรรค์สำนักมนุษย์มากมายก็โกรธขึ้นมา
สำนักมนุษย์กับสำนักอสูรไม่ถูกกัน เกิดการปะทะกันตลอด
แต่มีน้อยครั้งที่อสูรจะบุกมายั่วยุถึงหน้าบ้าน!
คิดว่าสำนักมนุษย์ไม่มีผู้แข็งแกร่งจริงๆ รึ
อีกทั้งเจ้าลิงนี่เปิดปากมาก็ท้าสู้กับสือเทียนจื่อ!
นี่ล้อเล่นอะไรกัน
สือเทียนจื่อมีชื่อเสียงเลื่องลือในจี้เซี่ยมานาน เป็นที่เคารพสรรเสริญของโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วน กระทั่งยังติดอันดับหนึ่งรายนามโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ มีกำลังรบเป็นหนึ่ง
พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าลิงกังที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันนี่จะมีคุณสมบัติท้าสู้กับสือเทียนจื่อ!
วานรเทพนั่นไม่โกรธแต่กลับยิ้มเยาะ เอ่ยอย่างไม่แยแส “พวกเศษเดนศิษย์ใหม่ ยังกล้ามาขวางข้าแซ่ฉีหรือ ใครกล้าขวางข้า ข้าจะทุบตีมัน!”
เมื่อเอ่ยจบ วานรเทพก็ควงกระบองยาวในมือ ก่อนจะทุบใส่โอรสสวรรค์สำนักมนุษย์
“หาญกล้านัก!”
โอรสสวรรค์สำนักมนุษย์โกรธจัด เจ้าลิงนี่ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย!
“สหายทุกท่าน วางค่ายกลกำราบเจ้าลิงกังนี่!”
โอรสสวรรค์หลายคนพุ่งเข้าไป กลิ่นอายพลังมหาศาล ล้วนเป็นผู้โดดเด่นระดับดวงจิตดรุณ!
พวกเขาไม่ได้อวดเก่งสู้ตัวต่อตัว เพราะเจ้าลิงนี่มีศักยภาพไม่เบาเลย
ถ้าสู้กับเขาตัวต่อตัวจะต้องเชิญศิษย์อาวุโสในสำนักมนุษย์ออกมา
ส่วนโอรสสวรรค์ศิษย์ใหม่พวกนี้ ต้องร่วมมือกันถึงมีโอกาสกำราบวานรเทพนี่ลงได้
ส่วนเรื่องรังแกคนน้อยกว่า
เหอะๆ อีกฝ่ายมาหาถึงที่ ยังจะมาเกรงใจอะไรกับมันอีก มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ แต่ศิษย์ใหม่เป็นเพียงผู้สูงศักดิ์
หากไม่ร่วมมือกัน จะไปงัดข้อกับเจ้าลิงอสูรนี่ได้อย่างไร
โอรสสวรรค์หลายคนเปล่งแสงเทพทั้งตัว สร้างเป็นค่ายกลสงครามลี้ลับ หมายจะขวางวานรเทพแข็งแกร่งนี่ไว้!
แม้โอรสสวรรค์พวกนี้จะเป็นเพียงผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิของแดนศักดิ์สิทธิ์กันทุกคน ทุกคนร่วมมือกันวางค่ายกล ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ปกติก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้จริงๆ!
น่าเสียดายก็แต่วานรเทพไม่ใช่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ธรรมดา
บึ้ม!
เกิดเสียงดังกึกก้อง!
การต่อสู้จบลงในชั่วครู่เดียว!
โอรสสวรรค์หลายคนถูกกระบองฟาดทีเดียวกระเด็นออกไป ศิษย์ใหม่ทั้งหมดกระแทกกับพื้นอย่างแรง กระอักเลือดไม่หยุด
“นี่มันบ้าอะไรกัน”
“จบเร็วเช่นนี้เชียว”
“ข้ายังไม่ทันเข้าไปร่วมด้วยเลย!”
โอรสสวรรค์ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว โอรสสวรรค์มากมายขนาดนี้ร่วมมือกันกลับพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว
ศักยภาพของเจ้าลิงนี่น่ากลัวขนาดนั้นเชียว
……
วานรเทพถือกระบองเทพพลางหัวเราะเยาะ “แซ่ฉียังไม่ทันออกแรงเลย พวกเจ้าก็ล้มกันแล้วรึ”
พวกโอรสสวรรค์โกรธจัดขึ้นมา “เจ้าลิงนี่อวดดีนัก กล้าดูถูกสำนักมนุษย์!”
“พวกเราออกมือพร้อมกัน กำราบเจ้าเดรัจฉานนี่!”
“ห้ามเหยียบย่ำเกียรติของสำนักมนุษย์!”
โอรสสวรรค์หลายสิบคนออกมือพร้อมกัน พุ่งเข้าใส่วานรเทพตัวนั้น!
พลังอำนาจน่ากลัวหมุนม้วนฟ้าดิน น่าสะพรึงถึงที่สุด
ชั่วพริบตาเดียวท้องนภาถูกแสงเทพไม่มีสิ้นสุดปกคลุม พลังยิ่งใหญ่ถาโถมลงมาเหมือนธารน้ำนิรันดร์!
โอรสสวรรค์พวกนี้ล้วนเป็นผู้โดดเด่นในเผ่ามนุษย์ห้าดินแดน ร่วมมือกันถึงขั้นยังกำราบจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้
ตอนนี้ทุกคนสร้างยอดค่ายกล ทำให้พลังแห่งลำดับกฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดโหมซัดสาดเข้าไป
พวกเขาไม่เชื่อว่าแบบนี้จะหยุดวานรอสูรนี่ไม่ได้!
“ไอ้พวกดื้อด้าน!”
วานรเทพยิ้มเยาะเหยียดหยาม กระบองยาวในมือขยับแสงสีดำก่อนจะจู่โจมเข้าไปอย่างฉับพลันด้วยพลังกวาดล้างพันกองทัพ!
กระบองยาวดำทมิฬมีพลังอำนาจน่าสะพรึง ทะลวงฟ้าดินกวาดล้างท้องนภา!
โครม!
เกิดเสียงดังสนั่น!
ธารน้ำนิรันดร์พลังจากโอรสสวรรค์ทุกคนถูกกระบองทุบทีเดียวแตกกระจาย!
จากนั้นวานรเทพออกมืออีกครั้ง ทุบลงมาด้วยพลังเหนือเสียง ทุบใส่โอรสสวรรค์ศิษย์ใหม่พวกนั้นอย่างฉับพลัน!
ตึงๆๆ!
เพียงแค่ไม่กี่กระบองก็ทุบโอรสสวรรค์ทั้งหมดกลิ้งไปกับพื้น
แต่ละคนโดนทุบหัวโน ปูดขึ้นมาเป็นเขาสูง ร้องโอดโอยกันใหญ่!
โอรสสวรรค์ทุกคนมีสีหน้าตื่นกลัว ตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง
แต่จักรพรรดิฮวงสือไม่ได้ถ่ายทอดวิชาจักรพรรดิ แค่ทิ้งคำพูดไว้ไม่กี่คำ ‘วิถีของข้าต่างกับเจ้า สอนอะไรไม่ได้มาก ตั้งแต่โบราณมา วานรอริยะสัปรยุทธ์มีสวรรค์เป็นอาจารย์ มีสวรรค์เป็นสหาย สู้สวรรค์บรรลุมรรค เมื่อเจ้าตระหนักรู้คำพูดนี้ จะเป็นวันที่เจ้ายิ่งใหญ่ในห้าดินแดน’
ฉีจ้านครุ่นคิดอย่างหนักก็ยังไม่เข้าใจความหมายแฝงในนั้นมาตลอด
จนเร็วๆ นี้สือเทียนจื่อเข้าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย ผู้คนรอบกายพูดถึงเขา!
ฉีจ้านพลันเข้าใจขึ้นมา คิดว่าสือเทียนจื่อคือความหมายลึกซึ้งที่จักรพรรดิฮวงสือกล่าว
ขอแค่เขาเอาชนะสือเทียนจื่อได้ก็จะหาวิถีของตนพบ จากนั้นบรรลุความสมบูรณ์ฝ่าด่านเคราะห์
ครั้งนี้เขามาเยือนสำนักมนุษย์ด้วยตนเองก็เพื่อมาท้าสู้กับสือเทียนจื่อ!
……
พอได้ฟังฉีจ้านถากถางสือเทียนจื่อ โอรสสวรรค์ทุกคนก็โกรธจัด!
ผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่มคนนี้คือความศรัทธาแบบอย่างของโอรสสวรรค์ดินแดนกลางมากมาย
หากไม่ใช่เพราะศักยภาพต่างกันเกินไป โอรสสวรรค์ทุกคนคงจะพุ่งเข้าไปสู้สุดชีวิตกับเขาแล้ว!
โครม!
ตอนนี้เอง กลิ่นอายพลังมหาศาลปะทุออกมา!
ร่างเงาชุดคลุมขาวดั่งหิมะลงมา ร่างเงาลอยล่องอย่างยิ่ง เหยียบอากาศมาปรากฏตรงหน้าทุกคน
เมื่อเห็นคนนี้ โอรสสวรรค์สำนักมนุษย์รอบข้างต่างทำหน้าดีใจ ร้องตกใจขึ้น “เป็นองค์ชายสือเทียนจื่อ! องค์ชายสือเทียนจื่อจะต้องมาล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ให้เราแน่ สั่งสอนเจ้าลิงเหม็นนั่นเลย!”
“เจ้าลิงเหม็น จะคอยดูว่าเจ้าจะโอหังอย่างไรได้อีก!”
โอรสสวรรค์ทุกคนเห็นสือเทียนจื่อแล้วก็เหมือนเห็นดาวช่วยชีวิต
ถึงอย่างไรในโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์ ก็มีเพียงเขาที่ปะทะกับฉีจ้านได้!
ฉีจ้านเห็นสือเทียนจื่อปรากฏกายแล้วก็ฮึกเหิมขึ้นมา “เจ้าคือสือเทียนจื่ออันดับหนึ่งสำนักมนุษย์รึ”
สือเทียนจื่อชำเลืองตามองฉีจ้านทีหนึ่งก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าคือสือเทียนจื่อ แต่ไม่ใช่อันดับหนึ่งสำนักมนุษย์!”
ฉีจ้านมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย ไม่เชื่อคำพูดของสือเทียนจื่อ “รายนามโอรสสวรรค์บันทึกนามของเจ้า ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร”
สือเทียนจื่อพูดอย่างเฉยชา “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน!”
ฉีจ้านมีแววตาตกใจระคนสงสัย ก่อนถาม “เสิ่นเทียนเป็นใครอีก”
ช่วงนี้เขาปิดด่านบำเพ็ญ ย่อมไม่เคยได้ยินนามเสิ่นเทียน ทว่าโอรสสวรรค์ทุกคนรอบข้างได้ยินคำพูดของสือเทียนจื่อแล้วกลับมีสีหน้าตกใจอย่างรุนแรง
ไม่อยากเชื่อว่าสือเทียนจื่อจะบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนคืออันดับหนึ่งสำนักมนุษย์
หรือว่าพวกเขาจะแอบประลองกันลับๆ มาแล้ว อีกทั้งสือเทียนจื่อยังพ่ายแพ้อีก
ซี้ด ข่าวใหญ่!
โอรสสวรรค์มากมายได้ยินเช่นนั้นก็เบนสายตาไปมองเสิ่นเทียน แววตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
กระทั่งยังค่อยๆ เกิดความเคารพและเลื่อมใสอันเร่าร้อนและบ้าคลั่ง
เสิ่นเทียนกุมหน้าผาก เขาก็ไม่คิดว่าสือเทียนจื่อจะพูดตรงขนาดนี้
ฉีจ้านก็ยังไม่เชื่อ เขาส่ายหน้าทันที “ข้าแซ่ฉีไม่สนว่าเจ้าจะเป็นอันดับหนึ่งสำนักมนุษย์หรือไม่ ท่านจักรพรรดิเคยบอกว่าข้ามีสวรรค์เป็นอาจารย์ มีสวรรค์เป็นสหาย สู้สวรรค์บรรลุมรรค
นามของเจ้าคือสือเทียนจื่อ ในนั้นมีคำว่าสวรรค์! ท่านจักรรพรรดิก็น่าจะหมายถึงเจ้า! ขอแค่เอาชนะเจ้าได้ ข้าก็จะพิสูจน์มรรคเป็นผู้อริยะได้!”
ฉีจ้านมองสือเทียนจื่อด้วยดวงตาร้อนแรง จิตต่อสู้ฮึกเหิม “มาสู้กับข้า!”
สือเทียนจื่อยักไหล่ “เจ้าจะมีสวรรค์เป็นอาจารย์ มีสวรรค์เป็นสหาย สู้สวรรค์บรรลุมรรคแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าคือสือเทียนจื่อ ไม่ใช่สือเทียน! อีกทั้งในชื่อของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนก็มีคำว่าสวรรค์เช่นกัน! คนที่เจ้าต้องไปหาเป็นเขา ไม่ใช่ข้า”
สือเทียนจื่อเบนสายตามามองเสิ่นเทียน ทำให้เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก
เจ้าเด็กนี่ คงกำลังหาแพะรับบาปแทนตนอยู่กระมัง!
เสิ่นเทียนพึมพำ เขามักจะรู้สึกว่าสือเทียนจื่อกำลังแก้แค้นเขาอยู่
เขาอยากอยู่เงียบๆ แต่ก็จนปัญญา สือเทียนจื่อบงการอย่างบ้าคลั่ง ช่วยเผยไพ่ของเขาออกมาทั้งหมด
นี่ทำให้คนปวดไข่จริงๆ!
…………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน