บทที่ 442 แดนลับมหาจักรพรรดิ จวนศักดิ์สิทธิ์สัประยุทธ์!
เสิ่นเทียนเพิ่งจู่โจมเจ้าอริยะเสียหั่วถอยไปได้ไม่นาน เจ้าอริยะจากราชวงศ์เซียนก็มาถึงเมืองทะเลบูรพา
เจ้าอริยะท่านนี้ทำลายยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิต ทั้งยังประจำการอยู่ที่นี่
จะว่าไป เจ้าอริยะคนนี้ก็เป็นคนรู้จักเก่ากับเสิ่นเทียน
เป็นเขาที่พาเสิ่นเทียนเข้าดินแดนกลาง
เจ้าอริยะท่านนี้คือราชันนักรบ!
เขาเป็นเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์ ศักยภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
มีเขาประจำการอยู่ ต่อให้มีเจ้าอริยะลัทธิวิญญาณร้ายมาอีกก็ไม่ต้องกลัว!
“สหายน้อยไม่ธรรมดาจริงๆ ดูท่าช่วงนี้คงได้อะไรมาในตำหนักศึกษาไม่น้อยเลย!”
ราชันนักรบมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้ม
ราชันนักรบถือว่าเป็นคนรู้จักเก่ากับเสิ่นเทียน เข้าใจในตัวเขาอย่างแน่นอน
ตอนแรกในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เสิ่นเทียนก็ใช้ค้อนทุบอริยะแท้หกด่านเคราะห์ปลิวไปได้!
และตอนนี้ แม้แต่เจ้าอริยะยังแพ้ให้กับเขา!
เมื่อได้ยินผลการรบนี้ ราชันนักรบตกใจอย่างยิ่ง
ต้องรู้ว่าความต่างระหว่างเจ้าอริยะกับอริยะแท้เหมือนกับเมฆและดินเลน
เสิ่นเทียนเอาชนะเจ้าอริยะได้ ความก้าวหน้าไม่ใช่เล่นๆ เลย!
เสิ่นเทียนป้องมือ “ผู้อาวุโสราชันนักรบชมเกินไปแล้ว การต่อต้านลัทธิชั่วร้ายเป็นหน้าที่ของพวกเรา!”
“ดี ข้ากลับไปแล้วจะรายงานเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิสือ”
ราชันนักรบหัวเราะเสียงดัง พึงพอใจในตัวเสิ่นเทียนมาก
ไม่โอหังไม่บุ่มบ่าม จิตใจเช่นนี้ดีมาก!
“ขอบคุณผู้อาวุโสราชันนักรบ!”
เสิ่นเทียนรู้ความคิดราชันนักรบ ทำเช่นนี้จะทำให้เสิ่นเทียนได้รางวัล ถึงอย่างไรเขาก็ถือว่าช่วยทั้งเมืองทะเลบูรพา
ในเมื่อให้เปล่า เสิ่นเทียนย่อมไม่ปฏิเสธ
“ผู้อาวุโสราชันนักรบ ผู้เยาว์ยังมีธุระ ขอตัวก่อนขอรับ”
เสิ่นเทียนกับฉีจ้านลาไป พวกเราต้องไปตามหาแดนลับอีก!
……
เขตทะเลบูรพา
สองร่างเงากำลังมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขารวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เหยียบสายรุ้งเทพสีสันหลากสี
สองคนกลายเป็นลำแสงทะลวงไปหลายแสนลี้แล้วถึงหยุดลง
สองคนนี้ก็คือฉีจ้านกับเสิ่นเทียน
ฉีจ้านมองมหาสมุทรกว้างใหญ่ไร้พรมแดนด้วยความมึนงง “พี่ใหญ่ ที่นี่มีแดนลับจริงๆ รึ”
แม้จะรู้ว่าเสิ่นเทียนมีดวงชะตาสูงสุด ต้องพบแดนลับแน่นอน
แต่ดูจากสถานการณ์ที่นี่ ฉีจ้านก็ยังคงมึนงง
ไม่มีแม้แต่แผ่นดิน จะมีแดนลับได้ที่ใด
เสิ่นเทียนเอ่ยอย่างเฉยชา “เจ้ารอที่นี่ก่อนเถอะ!”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย มุดเข้าไปในมิติ
ทิ้งไว้เพียงลิงตัวเดียว ยืนอึ้งค้างอยู่ที่เดิม!
….
กลางมิติ เสิ่นเทียนลอยขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
มีร่างเงาหนึ่งรวมขึ้นตรงหน้าเขาไม่ไกล
“มาแล้วหรือ”
“มาแล้ว!”
“เมืองทะเลบูรพาดีที่มีเจ้านะ!”
“ที่ไหนกัน เพราะร่างหลักมีสายตามองการณ์ไกลต่างหาก!”
“ดี ตอนนี้เราไปกันเถอะ”
……
เสิ่นเทียนออกจากมิติ หมุนตัวกลับบินไปทางฉีจ้าน
“พี่ใหญ่ ท่านไปทำอะไรน่ะ”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมา ฉีจ้านก็ถามด้วยความแปลกใจ
เขาเพ่งมองเสิ่นเทียนด้วยดวงตาวาววับ
ฉีจ้านรู้สึกว่าเหมือนเสิ่นเทียนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
แต่เขากระตุ้นเนตรทองเนตรอัคคีแล้วก็ยังมองไม่ออกว่าแปลกที่ใด
เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่มีอะไร พบแดนลับแล้ว อยู่ก้นทะเลที่นี่”
ฉีจ้านทำหน้าตื่นเต้น “เช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะ!”
ซุ่ม!
ลิงลงไปในน้ำ พุ่งลงไปยังก้นทะเล!
เสิ่นเทียนก็ตามไปเช่นกัน คนกับลิงจมลงไปก้นทะเลเรื่อยๆ
พวกเขารวดเร็วยิ่ง ชั่วครู่เดียวก็ดำลงมาก้นทะเลหกแสนหกหมื่นลี้
ที่นี่เต็มไปด้วยแรงดันน้ำ พลังหนักหน่วงดั่งขุนเขา
แรงดันน้ำบดขยี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ง่ายดาย แม้แต่ผู้อริยะยังยืนหยัดได้ไม่นานนัก
แต่สองคนมีกายเนื้อแข็งแกร่งยิ่ง ผ่านไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องสนใจอะไร!
…..
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงก้นทะเล
ที่นี่กว้างใหญ่ไร้พรมแดน ไม่มีสิ่งใดเลย
ฉีจ้านถามด้วยความตกใจระคนสงสัย “พี่ใหญ่ ตรงไหนคือแดนลับกัน”
เขามองไปรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของแดนลับ
เสิ่นเทียนยิ้ม “อย่าถูกภาพลักษณ์ลวงตาเอา ในนี้มีความลี้ลับซ่อนอยู่ เจ้าสำแดงเนตรทองเนตรอัคคีมองดูก็จะรู้เอง!”
ฉีจ้านได้ยินดังนั้นก็รีบสำแดงเนตรทองเนตรอัคคี
ลูกตาเขาเปล่งแสงสีสันหลากสี ประกายไฟร้อนแรงกับแสงทองวนเวียน แผ่กลิ่นอายพลังดึงดูดคน
เนตรทองเนตรอัคคีกวาดมองไป ภาพรอบกายพลันเปลี่ยนแปลง
ก้นทะเลที่เดิมทีไม่มีอะไรเลย พลันมีภูเขาเทพบรรพกาลลอยขึ้นมา ภูเขาเทพสูงตระหง่านหมื่นจั้ง แผ่อำนาจเทพยิ่งใหญ่!
มันตั้งอยู่ตรงก้นทะเล แต่เหมือนค้ำยันฟ้าดิน ทำให้น้ำทะเลถอยออก ไม่อาจรุกล้ำเข้ามาได้แม้แต่น้อย
บนตัวภูเขาเทพบรรพกาลแกะสลักอักษรใหญ่แสงทองสว่างพร่างพราวหลายตัว!
อักษะดั่งมังกรน้ำ ฉวัดเฉวียนมีพลัง แผ่กลิ่นอายยิ่งใหญ่!
สี่คำนี้ก็คือจวนอริยะสัประยุทธ์!
เมื่อเห็นภาพนี้ ฉีจ้านอึ้งไปหมด หลุดเสียงร้องตกใจว่า “บ้าจริง มีความลับอยู่จริงๆ ด้วย นี่คือจวนอริยะสัประยุทธ์ของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์หรือ”
จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เกิดขึ้นในยุคบรรพกาล เป็นมหาจักรพรรดิสุดยอดเมื่อแสนแปดหมื่นปีก่อน!
เขาเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวที่สองในฟ้าดิน ใช้การต่อสู้พิสูจน์มรรค สำเร็จผลมหาจักรพรรดิ ลอยขึ้นโลกเซียน!
ต้องรู้ว่ากำลังรบของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ดุดันเป็นหนึ่ง
ต่อให้อยู่ในการคงอยู่ระดับมหาจักรพรรดิ ก็ยังเป็นจ้าวที่บ้าคลั่งทำเลวไม่สนสิ่งใดที่สุด!
ฉีจ้านไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะเจอจวนอริยะสัประยุทธ์!
พึงรู้ไว้ว่าในกายฉีจ้านก็มีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เช่นกัน!
มรดกของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมาะกับการฝึกบำเพ็ญของเขาที่สุด!
หากได้มรดกของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มา จะเพิ่มศักยภาพขึ้นอย่างมาก!
…….
ฉีจ้านดีใจเป็นอย่างยิ่ง พูดด้วยความซึ้งใจ “พี่ใหญ่ ตามท่านมีแต่ความสุขจริงๆ!”
หากไม่ได้เสิ่นเทียน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงหาจวนอริยะสัประยุทธ์ไม่พบ!
เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ นี่เป็นโชคลิขิตของฉีจ้านอยู่แล้ว
ตอนนี้เองมิติพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา พลังมหาศาลพุ่งออกมาจากทางเข้าภูเขาเทพ แสงสว่างจ้า พลังวนเวียนหนาทึบ
แสงสีดำวูบวาบ บิดเบี้ยวไม่หยุด พลังยิ่งใหญ่ยากจะคาดเดากลายเป็นน้ำวนสีดำขวางหน้าสองคนไว้!
“ยังมีค่ายกลอีกรึ”
ฉีจ้านเลิกคิ้วขึ้น ดูท่าจวนอริยะสัประยุทธ์คงไม่ได้เข้าไปง่ายขนาดนั้นแล้ว!
ที่นี่ไม่ใช่แค่ต้องมีวิชาเนตรที่ทำลายภาพมายาถึงจะหาพบได้เท่านั้น! แต่ต้องมีศักยภาพที่แน่นอนถึงจะเข้าไปได้
มิน่าหลายปีมานี้ ถึงไม่เคยมีข่าวของจวนอริยะสัประยุทธ์ปรากฏมาในโลกภายนอกเลย
เงื่อนไขการเข้าไปยากเกินไป คนธรรมดาทำไม่ได้!
“พี่ใหญ่ ให้ข้าลองดูหน่อยเถอะ!”
ฉีจ้านขันอาสา เขากอดความมั่นใจว่าจะต้องได้มรดกของบรรพบุรุษ!
เสิ่นเทียนพยักหน้า แม้ค่ายกลนี้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ขวางฉีจ้านไม่ได้
ภายใต้การระเบิดพลังทั้งหมดของฉีจ้าน น้ำวนสีดำก็ถูกทุบแตกกระจายทั้งหมด จากนั้นมีพลังมิติแก่กล้าพุ่งออกมาห่อหุ้มทั้งสองคนไว้
สองคนรู้สึกตามืดลง ร่างหายวับไป
จนเมื่อพวกเขามองเห็นอีกครั้งก็มาปรากฏในอีกมิติหนึ่ง!
ที่นี่แปลกยิ่ง พลังวิญญาณอัดแน่นไปรอบๆ หมอกหนาทึบ ดูลอยล่องเป็นมายา
ห่างไปไม่ไกลเป็นภูเขาสูงยิ่งใหญ่มากมาย สูงเสียดเมฆ
ยอดเขาหลายสิบลูกทอดยาว ล้อมรอบกันและกัน ดูเลิศล้ำ!
บนภูเขามีต้นไม้หนาเท่าถังน้ำมากมาย กิ่งก้านใบงอกงาม เขียวชอุ่ม
และยังมีแม่น้ำเล็ก นกร้องดอกไม้หอม เต็มไปด้วยความเงียบสงบเหมือนแดนสุขาวดี
“พลังวิญญาณที่นี่เข้มข้นมาก เข้มกว่าภูเขาผลบุปผาของเผ่าข้าอีก!”
ฉีจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณหนาแน่นพุ่งเข้าไปในกาย ทำให้เขาสบายไปทั้งตัว!
“และยังมีโครงสร้าง ก็คล้ายเขาผลบุปผามาก!”
ฉีจ้านรู้ว่าตอนนี้พวกเขาเข้ามาในจวนอริยะสัประยุทธ์แล้ว
วานรอัคคีเนตรทองเป็นชนรุ่นหลังจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ ในเผ่าเลียนแบบลานมรรคมหาจักรพรรดิ
ที่นี่เหมือนกับเขาผลบุปผามาก หรืออาจพูดได้ว่าที่นี่ต่างหากคือเขาผลบุปผาขนานแท้!
ฉีจ้านดีใจใหญ่ มาถึงที่นี่ก็รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
……
สองคนเดินหน้าต่อไป หลังข้ามยอดเขาสูงตระหง่านก็มาถึงสวนผลไม้แห่งหนึ่ง
ที่นี่ปลูกต้นไม้วิญญาณเป็นแถว เขียวชอุ่ม แผ่พลังวิญญาณแข็งแกร่ง
บนต้นไม้พวกนี้ยังมีผลไม้วิญญาณต่างๆ เต็มไปหมด สีสันหลากสี สดใหม่ ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้ง
“ว้าว ที่นี่สุดยอดมาก!”
ฉีจ้านมองได้ครู่เดียวก็ต้องเบนสายตาออก กระทั่งอดใจไม่ไหวน้ำลายไหลลงมา
ช่วยไม่ได้ ผลไม้ที่นี่เย้ายวนต่อลิงมากจริงๆ แต่ฉีจ้านไม่ใช่ลิงใจร้อน แค่มองไปรอบๆ
เขาพบว่าตรงหน้าต้นไม้พวกนี้มีศิลาหินตั้งอยู่ แบ่งกันบันทึกประเภทและอายุของต้นไม้วิญญาณ
ผลไม้ที่เพิ่งออกผลมาล้วนเป็นระดับสมุนไพรวิญญาณสูงสุด!
ผลไม้ที่ออกผลมาหลายปี ถึงขั้นไปถึงระดับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์
กล่าวได้ว่าที่นี่มีแต่สมบัติ!
เมื่อเห็นคำแนะนำพวกนี้ ฉีจ้านก็ตาเป็นประกายขึ้นมา “ข้าไม่เคยเห็นผลไม้ระดับสูงมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย! ถึงในเผ่าจะมีอยู่บ้าง แต่ผู้อาวุโสจะควบคุมไว้ กินไม่ได้เลย! วันนี้ ข้าจะกินให้หนำใจเลย!”
ผลไม้พวกนี้กระตุ้นความอยากอาหารของฉีจ้านอย่างเต็มที่ ทำให้เขาอดใจไม่ไหวอยากจะกินให้มีความสุข!
ไม่นานฉีจ้านก็อึ้งค้างอยู่กับที่ ดวงตาจ้องแถวหลังของสวนผลไม้เขม็ง
ตรงนั้นไม่มีต้นไม้วิญญาณลักษณะต่างๆ!
มีเพียงต้นกล้วยหอมเรียงกันแถวหนึ่ง!
ต้นกล้วยหอมแบ่งเป็นทั้งหมดสามแถว
แถวแรก บนต้นกล้วยจะมีกล้วยหอมสีเหลืองอร่ามห้อยอยู่เต็มไปหมด!
กล้วยหอมทุกต้นจะส่งกลิ่นหอมเข้มข้นและพลังวิญญาณหนาแน่น ล้วนเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ระดับล่าง ขณะเดียวกัน กล้วยหอมแถวนี้ยังมีศิลาหินตั้งอยู่แผ่นหนึ่ง
ศิลาหินพวกนี้บันทึกข้อมูลของกล้วยหอม
นาม ‘กล้วยอริยะทองกำเนิดฟ้า!’
อายุ ‘สุกงอมทุกสามพันปี!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน