บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 445

บทที่ 445 กำลังรบเจ้ามีเพียงเศษกากของห้าส่วน!

จวนอริยะสัประยุทธ์

ฉีจ้านหลับตาฝึกฝน ตระหนักความหมายแท้จริงของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์

ทันใดนั้นมีพลังลี้ลับวนเวียนรอบกาย ทำให้พลังเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แสงทองสว่างจ้าพุ่งออกมาจากในกาย ในนั้นยังมีแสงเทพสีแดงฉาน แสงสว่างกระจายไปรอบๆ

จิตต่อสู้ล้นฟ้าหมุนม้วนออกไปเหมือนคลื่นลูกยักษ์ สั่นสะเทือนฟ้าดิน

ฉีจ้านเหมือนกลายเป็นเทพสงคราม พลังเฉียบคม จะสู้กับฟ้าดิน

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังขมวดคิ้วมุ่น พึมพำกับตนเอง “ไม่มีกฎเกณฑ์รึ เหตุใดข้ายังไม่อาจตระหนักบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ได้”

ฉีจ้านมีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ มีความเร็วในการตระหนักรู้คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงขีดสุด

แต่ว่าเขาก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงบทต้องห้าม

นี่คือพลังที่แกร่งที่สุดของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ทำให้เขาผลัดเปลี่ยนได้!

แต่ว่าในนี้นั้นกลับเหมือนมีร่องหุบเขาธรรมชาติ ยากจะข้ามผ่านได้!

ฉีจ้านลืมตาขึ้น พูดพลางเกาหูเกาแก้ม “ท่านบรรพบุรุษ วิชาจักรพรรดินี่มันยากไป ข้าตระหนักรู้ไม่ได้เลย!”

ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือการตระหนักรู้ของฉีจ้านล้วนไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นสุดยอด แต่บทต้องห้ามกลับไม่ได้ใช้เพียงพรสวรรค์ในการตระหนักรู้!

คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่แปลกใจ นี่คือมรดกที่ยากที่สุดในคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์!

ฉีจ้านฝึกสำเร็จได้ในเวลาอันสั้นได้นั่นสิแปลก

เขายิ้มราบเรียบ “เจ้าหนู ไม่ต้องรีบ! บทต้องห้ามมีเพียงจิตต่อสู้ไร้พ่ายเท่านั้นถึงจะกระตุ้นได้ แม้เจ้าจะมีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ แต่จิตต่อสู้อ่อนแอเกินไป!”

ฉีจ้านเข้าใจแจ่มแจ้ง รีบถาม “เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยิ้ม “การจะตระหนักรู้โดยเร็วที่สุดจะต้องใช้การต่อสู้เป็นมรรค ตระหนักในการต่อสู้ ใช้จิตต่อสู้ชะล้างกายตน! เจ้าสู้กับเจ้าหนูนั่นได้ ถือเป็นการใช้การต่อสู้ขัดเกลาจิตต่อสู้”

พอได้ยินว่าจะให้สู้กับเสิ่นเทียน ฉีจ้านพลันหดคอลง “ข้าไม่เอาด้วยหรอก! สู้กับพี่ใหญ่มีแต่ถูกทุบตี! อีกอย่างพี่ใหญ่กำลังฝึกฝน รบกวนเขาไม่ดี!”

ฉีจ้านรู้ดีว่าเสิ่นเทียนมีกำลังรบน่ากลัวเพียงใด!

แม้เขาจะเรียนคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสู้ได้

สู้กับเสิ่นเทียนไม่เรียกว่าวอนหาเท้าหรือ

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำหน้าโกรธ “เหตุใดเจ้าถึงขี้ขลาดเช่นนี้! ไม่กล้าประชันกับเจ้าหนูนั่นด้วยซ้ำ แล้วจะสู้สวรรค์สำเร็จมรรคได้อย่างไร อีกอย่าง เจ้าหนูนี่อาจจะสู้เจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรเจ้าก็ตระหนักยอดวิชาของสายเลือดข้า แม้จะไม่เรียนถึงแก่น แต่ก็แข็งแกร่งมาก แต่เจ้าหนูนั่นต้องตระหนักไม่ได้ลึกซึ้งเท่าเจ้าแน่ ศึกนี้ ชนะแน่!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มั่นใจเต็มสิบ ในวานรอริยะทุกรุ่นที่ผ่านมา ฉีจ้านมีกำลังรบไม่ถือว่าอ่อนแอเลย ด้วยพลังบำเพ็ญจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ กลับระเบิดกำลังรบเทียบเท่าอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ กล่าวได้ว่ามีพรสวรรค์เป็นเลิศ!

แต่ก็จนปัญญาเพราะเจ้าหนูนี่ขี้ขลาดเช่นนี้ ให้เขาไปสู้กับเจ้ามนุษย์นั่นยังไม่กล้า!

ขายหน้าสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์หมด

เสิ่นเทียนเป็นเผ่ามนุษย์ การจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ยากกว่าวานรอริยะสัประยุทธ์สิบเท่าร้อยเท่า!

ดังนั้นจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ถึงบอกให้ฉีจ้านไปท้าสู้เสิ่นเทียน

วานรอริยะสัประยุทธ์หยิ่งผยองมาตลอด จะไปยอมอยู่ต่ำกว่าใครได้อย่างไร

ฉีจ้านส่ายหน้ารัว “ท่านบรรพบุรุษ ท่านจะให้ข้าไปสู้กับพี่ใหญ่ สู้ใช้กระบี่เดียวสังหารข้าไปเลยดีกว่า!”

เขาแอบแขวะในใจ

ยังจะมาพูดเรื่องวิถีแห่งสู้สวรรค์อะไรอีก

ก่อนหน้านี้จักรพรรดิฮวงสือให้ข้าใช้การสู้สวรรค์สำเร็จมรรค

เกือบจะส่งชีวิตลิงข้าไปแล้ว!

สู้สวรรค์ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่สู้คำว่า ‘เทียน’ …

ไม่มีทาง!

……

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ถอนหายใจ แต่จากนั้นก็กลอกตาทีหนึ่ง

เขาพูดเย้าหยอกว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากสู้กับเจ้าหนูนั่นก็ช่างเถอะ ข้าจะไม่บังคับ! ช่วงนี้ข้าว่างพอดี จะได้ฝึกมือกับเจ้า!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง จะฝึกกับฉีจ้าน

ฉีจ้านมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ท่านบรรพบุรุษ ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย!

ท่านเป็นมหาจักรพรรดิ อยู่มากี่ปีแล้ว!

จะมาฝึกกับรุ่นเยาว์อย่างข้าเพื่ออะไร

ท่านว่างไม่มีอะไรทำรึ

…..

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ว่างไม่มีอะไรทำจริงๆ เขาอยู่ที่นี่มาหลายปี เบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

เดิมทีจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ที่ชอบการต่อสู้ไม่ได้สู้มาหลายปี คันมือจนไม่ไหวแล้ว

กว่าจะมีคนมาไม่ใช่ง่ายๆ เขาจะไปพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร จะต้องดึงคนมาคลายเส้นเอ็นกระดูกหน่อย!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนมองความคิดของฉีจ้านออก จึงพูดปลอบใจ “วางใจเถอะ ข้าจะกดพลังบำเพ็ญมาอยู่ระดับเดียวกับเจ้า สู้กันอย่างยุติธรรม!”

ฉีจ้านทำหน้าขมขื่น “ท่านบรรพบุรุษ ไม่สู้ไม่ได้รึ”

เขาไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ ของมหาจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย!

ต่อให้กดอย่างไร นั่นก็ยังเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ!

จะให้ข้าสู้อย่างไร

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยังคงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ไม่ได้! อย่างไรก็ต้องสู้ ไม่เช่นนั้นจะฝึกอย่างไร จะสู้กับข้าหรือสู้กับเจ้าหนูนั่น เจ้าเลือกเอง”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ไม่ให้โอกาสฉีจ้านปฏิเสธเลย

หากกลัวการต่อสู้ เช่นนั้นสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์คงเสื่อมเสียหมด

ฉีจ้านสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเข้าใจความหมายของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์

ครั้งนี้ไม่สู้ไม่ได้!

ด้านหนึ่งคือพี่ใหญ่ตัวประหลาด อีกด้านเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ

เขาย่อมต้องเลือกอย่างระมัดระวัง!

ไม่นานนัก ฉีจ้านก็ตัดสินใจได้!

เขาก้าวออกมา ป้องมือกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนท่านบรรพบุรุษด้วย!”

เสิ่นเทียนมีศักยภาพน่ากลัวเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็ทุบเจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์ได้!

การสู้กับเสิ่นเทียน จะไม่มีแรงต่อต้านเลย!

แม้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์จะเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ แต่กลับยินดีกดพลังบำเพ็ญมาอยู่ระดับเดียวกับเขา

บางทีอาจจะยังพอสู้ได้

ด้านหนึ่งไม่มีโอกาสเห็นๆ ถูกทุบตีแน่นอน

อีกด้านอาจจะยังมีหวังนิดหน่อย ย่อมไม่ต้องคิดอะไรมาก

…..

เด็กดี!

เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว เจ้ายอมสู้กับข้ารึ

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยิ้มเยาะ เห็นฉีจ้านเลือกตนเป็นคู่ต่อสู้แล้ว เขากลับไม่โกรธ

ถึงอย่างไรเขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาอยากขัดเกลาฉีจ้าน ใครขัดเกลาก็คือขัดเกลาไม่ใช่รึ อีกอย่างให้เขาลงมือด้วยตนเองอีก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!

ข้าเงียบเหงามาหมื่นปี ในที่สุดก็จะได้คลายเส้นเอ็นกระดูกแล้ว!

“ท่านบรรพบุรุษ ขอคำชี้แนะด้วย!”

ฉีจ้านมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้เปี่ยมล้น พลังปะทุออกมาทั่วร่าง กระตุ้นพลังออกมาทั้งหมด

แสงทองพุ่งมาจากในกาย จิตต่อสู้ดุดันวนเวียนไม่ขาดสาย ทำให้พลังเขาน่าเกรงขาม เหมือนเทพสงครามมาเยือน

นัยน์ตาเขาเปล่งแสงเทพสว่างจ้า เนตรอัคคีเนตรทองทำงาน จ้องจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เขม็ง!

สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เดิมทีชอบการต่อสู้อยู่แล้ว ภายในกายฝังความหยิ่งผยอง จิตต่อสู้ไม่ธรรมดา

จิตต่อสู้จุดเลือดนักรบในกายขึ้นได้ สำแดงกำลังรบที่แข็งแกร่งออกมา!

อีกทั้งคนตรงหน้ายังเป็นจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคบรรพกาล!

การได้สู้กับคนระดับมหาจักรพรรดิทำให้ฉีจ้านเลือดร้อนเดือดพล่าน!

เขาก็อยากดูว่าตนกับมหาจักรพรรดิในพลังบำเพ็ญเดียวกันจะต่างกันมากเพียงใด!

…..

ฉีจ้านออกมือทีคือสุดกำลัง กระตุ้นคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ จู่โจมจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์!

เขาควงหมัด ผิวกายวนเวียนด้วยแสงสีแดงอ่อนๆ เหมือนวานรเทพจู่โจม พละกำลังหนักถึงหมื่นชั่ง!

“นี่ต่างหากคือวานรอริยะสัประยุทธ์!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เผยรอยยิ้ม ร่างยังคงแน่นิ่ง ยกมือใหญ่ขึ้นช้าๆ ตบไปทางฉีจ้าน

มือใหญ่ที่ดูเหมือนธรรมดานั้นมีพละกำลังเอ่อล้นยากจะปัดป้อง!

พริบตาเดียวห้วงอากาศพังทลายลง พลังน่ากลัวจู่โจมเข้ามาโดยพลัน ทำให้ฟ้าดินกลายเป็นซากปรักหักพัง!

การโจมตีของสองคนปะทะกัน ระเบิดแสงเทพไม่มีสิ้นสุด บดบังฟ้าบังดวงตะวัน ตะวันจันทราไร้แสงสว่าง!

ฉีจ้านถอยกรูดไป เท้าเหยียบอากาศ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงจัง

เขามือสั่น เหมือนกระแทกกับทองคำเทพบรรพกาล สั่นสะเทือนจนเจ็บปวด!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนดวงดาราบนฟ้าสำหรับเขา มองได้แต่ไม่อาจเอื้อม!

แม้จะกดมาอยู่ระดับเดียวกัน แต่ก็ห่างไกลจนไม่อาจเทียบได้!

ทว่าเขาไม่ได้ยำเกรง แต่ควงกระบองเทพตามใจนึก พลังอำนาจเหมือนคลื่นลูกใหญ่หมุนม้วนลงมา!

กระบองกำราบฟ้าดิน!

ฉีจ้านออกมือสุดกำลัง อานุภาพใกล้เคียงกับอริยะแท้หกด่านเคราะห์ ทำให้กฎเกณฑ์ปั่นป่วน พลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดิน!

สายลมกระบองพันจั้งเหมือนเสาสวรรค์ ทำให้แผ่นดินพังทลายลง!

ทว่าการโจมตีก็ยังถูกจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำลายด้วยฝ่ามือเดียว

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เอ่ยราบเรียบ “จิตต่อสู้กับพละกำลังของเจ้าอ่อนแอเกินไป! ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวิชาสูงสุดนี้เลย! เจ้าหนู วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสวิชารบที่แกร่งที่สุดของเผ่าเรา!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เปล่งแสงทองทั้งตัว บดบังเส้นขอบฟ้า สว่างจ้าถึงที่สุด

ขณะเดียวกัน จิตต่อสู้น่าสะพรึงแผ่มาจากในกายเขา เหมือนดาวตกลงมา พลังอำนาจล้นฟ้า!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ออกหมัดง่ายๆ แต่กลับเหมือนรวมพลังทั้งหมดไว้ในหมัดนี้

ห้วงอากาศพลันถูกกดเป็นก้อน พลังทั้งหมดกลายเป็นแสงหมัดยักษ์พุ่งใส่ฉีจ้าน!

“ท่านบรรพบุรุษ ต้องโหดขนาดนี้เลยรึ”

ฉีจ้านเบิกตาโต รีบกระตุ้นพละกำลังทั้งหมด กระทั่งยังกระตุ้นเกราะเทพสัประยุทธ์!

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตต่อสู้ไร้พ่าย ทุกอย่างก็ถูกทำลายล้างลง!

ปัง!

เกิดเสียงดังสนั่น ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย!

ฉีจ้านกระแทกพื้นอย่างแรง เกิดฝุ่นดินมากมาย แม้แต่แผ่นดินยังถูกกระแทกแตกเป็นหลุมลึกยักษ์!

เขาคลานออกมาจากหลุมใหญ่ด้วยหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะรีบตะโกน “ท่านบรรพบุรุษ ไม่สู้แล้วๆ! ข้ายอมแพ้!”

ฉีจ้านทำหน้าตาน่าสงสาร คับอกคับใจถึงที่สุด

ข้านี่มันน่าเวทนาจริงๆ!

เหตุใดถึงเจอกับบรรพบุรุษเช่นนี้ได้!

ลงมือไม่เห็นใจกันเลย!

เอ็นดูชนรุ่นหลังหน่อยไม่ได้รึ

……

เสียงของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนสายลมเบา ลอยล่องมา “นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า! ไม่ให้แรงกดดันเจ้าหน่อย จะไปมีแรงขับเคลื่อนได้อย่างไร”

ทันใดนั้น แสงเทพสว่างจ้าส่องสะท้อนฟ้าดิน ผนึกเขตนี้ไว้ อำนาจเทพไม่มีสิ้นสุดถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน