เดิมทีในใจเสิ่นเทียนคิดจะปฏิเสธ
‘อย่างไรก็ดีร้องไห้ก็ส่วนร้องไห้ แต่อย่ามาเช็ดใส่กางเกงของข้าสิ!
ทั้งน้ำตาทั้งขี้มูก…
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าสองคนเป็นใคร’
เสิ่นเทียนเกาศีรษะ เหมือนจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน!
ทว่าตอนที่เขาเหลือบไปเห็นวงรัศมีเหนือศีรษะของคนทั้งสอง
เสิ่นเทียนกระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว
‘โอ้โห ใช้ได้เลยน้องชาย เหมือนข้าจะนึกขึ้นได้แล้ว
เมื่อสามวันก่อนเพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตของพวกเจ้า เหตุใดมันถึงได้งอกขึ้นมาใหม่เร็วเช่นนี้
อืม ไม่เลวๆ’
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเทียนดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที
เขายิ้มเล็กน้อยพลางประคองผู้มีวาสนาคนแรกและคนที่สองลุกขึ้นยืน ตบไหลปลอบใจคนทั้งสอง
“น้องชายทั้งสองเกรงใจเกินไปแล้ว ช่วงไม่กี่วันที่ข้าไม่อยู่ ข้าก็คิดถึงพวกเจ้าแทบแย่แล้วเช่นกัน!”
……
ผู้มีวาสนาคนแรกและคนที่สองหันไปสบตากัน ความตื่นเต้นในแววตายากที่จะปกปิด
เป็นอย่างที่คิด ท่านเซียนมีความประทับใจในตัวพวกเราสองคน
อย่างไรก็ดีคนหนึ่งเป็นผู้มีวาสนาคนแรกของท่านเซียน
ส่วนอีกคนยิ่งเป็นเจ้าคนน่ารักที่ชักชวนให้ผู้มีวาสนาทุกคนแบ่งผลประโยชน์ให้ท่านเซียน!
คนทั้งสองเป็นคนริเริ่มลัทธิปรมาจารย์เซียน และเป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุด
ท่านเซียนจะจำพวกเราไม่ได้ได้อย่างไร!
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่ท่านเซียนกล่าวว่าคิดถึงพวกเราแทบแย่แล้ว?
และบนใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ใจดีมีเมตตา!
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ในสายตาของท่านเซียน พวกเราสำคัญมาก!
ผู้มีวาสนาคนแรกกล่าวอย่างจริงจัง “ในช่วงไม่กี่วันที่ท่านเซียนไม่อยู่ พวกข้าคอยเฝ้าคำนึงถึงท่านโดยตลอด”
ผู้มีวาสนาคนที่สองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน “ท่านเซียน ข้ายังตั้งป้ายอายุยืนให้ท่านไว้ในบ้านด้วย!”
ตั้งป้ายอายุยืนให้ข้าไว้ในบ้าน?
เช่นนั้นคงรบกวนเจ้าแย่แล้ว
……
เสิ่นเทียนลูบศีรษะของคนทั้งสองแล้วกล่าว “ดี ข้าได้รับความหวังดีจากพวกเจ้าแล้ว
บอกตามตรง วันนี้พวกเจ้าสองคนกับข้ายังคงมีวาสนาต่อกัน
อีกเดี๋ยวข้าจะช่วยพวกเจ้าค้นวิญญาณประเมินแร่”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเสิ่นเทียน บนใบหน้าของผู้มีวาสนาคนแรกและคนที่สองปรากฏให้เห็นความดีใจที่บ้าคลั่งทันที
ผู้มีวาสนาคนที่สองหันไปส่งสายตาไปให้ผู้มีวาสนาคนแรก
ความหมายของมันชัดเจนมาก “เห็นหรือไม่! ข้าว่าแล้ว! เชื่อข้าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่นอน!”
ส่วนผู้คนที่อยู่ด้านหลัง บนใบหน้าล้วนแต่เผยให้เห็นความอิจฉาริษยา
สมกับเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดในลัทธิ ความสามารถในการประจบสอพลอแข็งแกร่งจนน่าตกใจ
หากรู้เช่นนี้ เมื่อกี้ข้าคงจะไม่ลังเลและไม่รู้สึกอายแล้ว
เป็นอย่างที่คิด โชคลิขิตมีไว้ให้คนที่เตรียมตัวพร้อม
วาสนาต้องได้มาจากการหา!
……
นึกถึงตรงนี้ ผู้บำเพ็ญหญิงที่มีหน้าตาสวยงดงามคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน ขยิบตาอย่างเย้ายวน
นางยิ้มแล้วกล่าว “พี่เซียน ไม่ทราบว่าวันนี้ข้ากับท่านมีวาสนาต่อกันหรือไม่”
เสิ่นเทียนมองเหนือศีรษะของผู้บำเพ็ญหญิงแล้วส่ายศีรษะ
“วันนี้เจ้ากับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน วันหลังสามารถแวะไปดูที่แผงลอยของข้า”
“บางทีวันใดวันหนึ่งในวันข้างหน้า วาสนาอาจจะมาแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้บำเพ็ญหญิงแข็งทื่อทันที กระทืบเท้า “ท่านเซียน ท่าน…”
ผู้บำเพ็ญหญิงอับอายจนโมโห กำลังจะโต้แย้ง
ทว่าก่อนที่นางจะได้พูดอะไร กลับโดนคนที่อยู่ด้านข้างลากออกไปก่อน
“ไม่คิดจะกอดขาเลยด้วยซ้ำ ยังคิดจะมีวาสนา?”
“รีบหลบไปเถอะ! ข้างหลังยังมีคนรออยู่นะ!”
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน
ชายฉกรรจ์คนนี้สวมชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวดำตัวใหญ่ ท่าทางราวกับหมี
บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าที่ดุร้าย แต่แววตาของเขาค่อยๆ ดูแน่วแน่ขึ้น
แต่ทว่าชายฉกรรจ์คนนั้นกลับนั่งยองลงบนพื้นอย่างเชื่องช้า มือทั้งคู่ยื่นไปกอดขาของเสิ่นเทียน
ท่าทางของเขามันดูทื่ออย่างเห็นได้ชัด!
เขาเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นเทียนด้วยสายตาที่น่าสงสาร “ท่านเซียน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ข้าสยงเหมิ่งก็คิดถึงท่านมากเช่นกัน!”
เสิ่นเทียน “???”
ฉินเกา “???”
เสี่ยวหลิงเซียน “???”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน