บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 46

บทที่ 46 ยกระดับดวงชะตา พัฒนาความสามารถ
เสิ่นเทียนเริ่มตั้งแผงลอยตามหาผู้มีวาสนาตามกฎเดิม

เนื่องจากมีชื่อเสียงระบือนาม ครั้งนี้ผู้บำเพ็ญที่มาเข้าแถวมากกว่าเมื่อสามวันก่อนเสียอีก

เสิ่นเทียนใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งวันเต็มๆ กว่าจะคัดเลือกผู้มีวาสนามาได้ยี่สิบคน

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ในหมู่ผู้มีวาสนายี่สิบคนนี้มีลูกค้าเก่าถึงหกคน อีกทั้งลูกค้าเก่าหกคนนี้ ครั้งก่อนตอนเปิดได้ศิลาวิญญาณยังแบ่งให้เสิ่นเทียนครึ่งหนึ่งด้วย

ดังนั้นจึงค่อยๆ เกิดบรรยากาศลี้ลับน่าฉงนขึ้นมา

….

ผู้มีวาสนาหน้าเก่าที่ถูกเลือกหกคนนั้นต่างยินดีกับการเลือกของตนเองก่อนหน้านี้

ผู้มีวาสนาอีกสิบสี่คนที่ไม่ได้ถูกเลือกต่างแอบตำหนิตัวเองในใจเงียบๆ ก่อนหน้านี้ตนเองทำตัวไม่ดี ไปทำให้ท่านเซียนไม่พอใจเข้าหรือไม่

เฮ้อ ต้องโทษตัวเองที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ดันพลาดโอกาสผูกวาสนากับท่านเซียนต่อเสียได้

ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสอีก พวกเขาจะต้องแย่งเข้าไปกราบคารวะก่อนแน่นอน เข้าไปกอดขาแล้วพูดกับท่านเซียนว่า ‘ข้าคิดถึงท่านมาก!’

“เอาละ วันนี้มีผู้มีวาสนายี่สิบคนนี้!”

เสิ่นเทียนพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังร้านวิญญาณอริยะ

เสี่ยวหลิงเซียนตามหลังเสิ่นเทียนไปเช่นกัน นางเปลี่ยนอาภรณ์แต่งหน้าจึงไม่มีใครจำได้ ซึ่งเสิ่นเทียนปลื้มใจตรงนี้มาก

ทักษะการแปลงโฉมไม่ด้อยไปกว่าข้าเลยจริงๆ!

….

เสิ่นเทียนไม่อยู่ที่นี่หลายวัน การค้าของร้านวิญญาณอริยะคึกคักขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยเปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติอันดับที่สามสิบหกของรายนามไม้วิญญาณ!

ใครจะไปรู้ อาจจะยังมีใครจับได้หินแร่วิญญาณระดับสูงสุดคล้ายๆ แบบนี้อีกก็ได้

ในสามวันมานี้ ร้านวิญญาณอริยะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับทัศนาจรของสวนหมื่นวิญญาณไปแล้ว ทุกวันจะมีคนกลุ่มใหญ่มาร้านวิญญาณอริยะและสอบถามเรื่องนั้นกับเถ้าแก่หลิว

‘เถ้าแก่หลิว ได้ยินว่าเซียนเหลียนเอ๋อร์จ่ายศิลาวิญญาณไปห้าหมื่นก้อนเพื่อซื้อหินแร่วิญญาณนั่นไปหรือ’

‘ได้ยินว่าเถ้าแก่หลิวเองก็มองออกนานแล้วว่าหินแร่ก้อนนั้นไม่ธรรมดา แค่รอผู้มีวาสนากับมันหรือ เถ้าแก่หลิว นั่นมันสมบัติล้ำค่าอันดับที่สามสิบหกของรายนามไม้วิญญาณเชียวนะ! ท่านไม่เสียดายบ้างรึ’

‘เถ้าแก่ ตัวข้ามีศิลาวิญญาณแสนก้อน ท่านพอจะขายแร่วิญญาณแบบนั้นให้ข้าสักก้อนได้หรือไม่’

‘ใช่ หินแร่วิญญาณแบบนั้นถูกกว้านซื้อไปหมดแล้ว

ตาแก่อย่างข้าก็พอจะมีความรู้ด้านวิชาวิญญาณอยู่บ้าง ข้ามองออกจริงๆ ว่าหินแร่ก้อนนั้นไม่ธรรมดา

หินแร่วิญญาณทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตา ได้เห็นมันตามหาเจ้าของพบ ต่อให้จ่ายร้อยล้านก้อนตาแก่อย่างข้าก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย

ศิลาวิญญาณแสนก้อนรึ เหอะๆ ไปให้พ้น!’

เถ้าแก่หลิวต้องตอบคำถามคล้ายๆ กันในแต่ละวันนับครั้งไม่ถ้วน

อีกทั้ง ทุกครั้งที่ตอบกลับจะต้องเจ็บปวดหัวใจสุดแสน

สวรรค์!

เหตุใดข้าถึงเปิดแร่วิญญาณเองไม่ได้

ถ้าข้าเปิดเองได้ ก็คงก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตแล้ว!

เฮ้อ ช่างเถอะ

เถ้าแก่หลิวเค้นรอยยิ้มออกมา ตอบคำถามลูกค้าที่เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า

การค้าดีขึ้น อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ควรดีใจ ปวดใจนิดหน่อยก็ปวดไปเถอะ ขอแค่เซียนท่านนั้นอย่ามาอุดหนุนอีกเป็นพอ

เถ้าแก่หลิวคิดเช่นนี้อยู่ในใจ มองไปที่ประตูร้านด้วยความเบื่อหน่าย

วินาทีต่อมา รอยยิ้มที่เถ้าแก่หลิวเค้นออกมาแข็งทื่อไปทีละนิด

เพราะบุรุษคนที่ทำให้เขาคับแค้นและน้อยเนื้อต่ำใจนั่นมาอีกแล้ว!

…..

เมื่อเห็นกองทัพผู้มีวาสนาที่หน้าตาตื่นเต้น รวมถึงกองทัพผู้คลั่งไคล้เบียดเสียดอยู่ข้างกายเสิ่นเทียนแล้ว เถ้าแก่หลิวรู้สึกว่าเบ้าตาของตนชื้นๆ

“เถ้าแก่ ท่านร้องไห้ทำไมรึ”

เสิ่นเทียนสาวเท้ายาวเข้ามาในร้านวิญญาณอริยะ

เขาเห็นน้ำตาเถ้าแก่หลิวแล้วอดชะงักงันมิได้

เถ้าแก่หลิวปาดน้ำตาตรงหางตา “ท่านเซียนยืนอยู่ตรงหน้าข้า ตาแก่อย่างข้านึกถึงเมื่อสามวันก่อนเลย”

เสิ่นเทียนรู้สึกอบอุ่นในใจ “เถ้าแก่หลิวเป็นคนใจกว้างจริงๆ เหตุใดถึงเพิ่งรู้จักกันตอนนี้นะ!”

“…” เถ้าแก่หลิวพิจารณาหมู่คณะข้างกายเสิ่นเทียนพลางเอ่ย “ท่านเซียนมาด้วยเหตุใดรึ”

เสิ่นเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าปิดด่านเข้าฌานสามวันตระหนักอะไรมาได้เล็กน้อย เลยว่าจะมาลองฝีมืออีก”

เถ้าแก่หลิวเบ้าตาชื้นแฉะยิ่งกว่าเดิมทันที

‘ปิดด่านฝึกบำเพ็ญสามวันก็ประสบความสำเร็จอีกแล้วหรือ

อย่าเลยเถอะ! ท่านเซียนของข้า!

ก่อนท่านเข้าฌานก็เปิดเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติจากร้านข้าไปแล้ว ตอนนี้ออกจากปิดด่าน เหตุใดถึงมาสร้างหายนะให้ร้านตาแก่อย่างข้าอีก!

ท่านจะชี้นิ้วฝังข้าทั้งเป็นคนเดียวไม่ได้นะ!

เหล่าซ่งร้านวิญญาณสวรรค์ถัดจากนี้ไปมีกำลังทรัพย์หนากว่าข้าอีก

ท่านช่วยไปร้านพวกเขาบ่อยๆ ทีเถอะ!’

….

พลังแง่ลบระเบิดทะลักในใจ ทว่าเถ้าแก่หลิวก็ยังไม่กล้าปฏิเสธ

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ทำตัวเป็น ‘เถ้าแก่ใจพระ’ ไว้ดีเกินไป

ตอนนี้ ท่านเซียนที่ ‘คับแค้นว่าพานพบกันช้าไป’ มาเปิดแร่วิญญาณที่ร้านเจ้าอีก แล้วจะไม่ต้อนรับได้หรือ

หนำซ้ำข้างหลังเสิ่นเทียนยังมีผู้มีวาสนากับหญิงผู้คลั่งไคล้ยืนอยู่อีกเป็นแถวๆ!

กล้าขวางทางไม่ให้เสิ่นเทียนเข้าไปรึ

เหอะๆ ร้านเจ้าคงถูกล้อมเอาไว้หมดในเวลาไม่กี่นาที!

“ยินดีต้อนรับท่านเซียน เชิญท่านด้านในเถอะ!”

เถ้าแก่หลิวเบ้าตาแดงพลางเชิญเสิ่นเทียนเข้าร้านวิญญาณอริยะด้วยความจริงใจ ท่าทางราวกับแม่ไก่มองอีเห็นเข้าไปในเล้าไก่ของตัวเอง

….

“พี่เสิ่น ข้าก็อยากลองค้นวิญญาณประเมินแร่เช่นกัน”

เสี่ยวหลิงเซียนมองหินแร่วิญญาณด้วยแววตาชื่นชอบอยากลอง

เมื่อก่อนเสี่ยวหลิงเซียนเข้าใจวิชาวิญญาณเพียงผิวเผิน ไม่อาจค้นวิญญาณประเมินแร่ได้เลย

ทว่านางตระหนักรู้ใน ‘เคล็ดวิชามองลอดวิญญาณสวรรค์’ อยู่ในถ้ำเซียนวารีสวรรค์ตลอดสามวันที่ผ่านมา ทำให้ศักยภาพการค้นวิญญาณประเมินแร่ที่นางกังวลมาตลอดพัฒนารุดหน้าอย่างฉับไว

ได้เห็นร้านวิญญาณอริยะที่วางหินแร่เต็มไปหมดแล้ว เสี่ยวหลิงเซียนก็รู้สึกคันมือคันไม้นิดๆ

เสิ่นเทียนได้ยินคำพูดเสี่ยวหลิงเซียนแล้วอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มๆ

เพราะเขาพบว่าหลังจากที่เสี่ยวหลิงเซียนเอ่ยคำนี้ออกมา บนศีรษะนางก็ปรากฏภาพขึ้น เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นผลของศิลาวิญญาณที่อีกเดี๋ยวเสี่ยวหลิงเซียนจะเปิดได้

……..

ครั้นนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ไปเถอะ! วันนี้เจ้าต้องประสบความสำเร็จแน่”

พอได้ยินเสิ่นเทียนพูดอย่างอบอุ่นแล้ว เสี่ยวหลิงเซียนหน้าแดงเล็กน้อย

ไม่นึกเลยว่าพี่เสิ่นจะให้กำลังใจคนอื่นเป็นด้วย

แม้จะศึกษาเจาะลึกเคล็ดวิชามองลอดวิญญาณสวรรค์มาสามวัน แต่ก็ไม่เคยปฏิบัติจริงๆ มาก่อน

กล่าวตามความจริง ในใจของเสี่ยวหลิงเซียนเองยังไม่ได้มั่นใจอะไรมากนัก ทว่าคำพูดของเสิ่นเทียนให้กำลังใจนางเป็นอย่างมาก

“วางใจเถอะพี่เสิ่น” เสี่ยวหลิงเซียนพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “หากเจอแร่ที่ยังลังเลไม่แน่ใจ ก็มาหาข้าได้”

เสี่ยวหลิงเซียนใจเต้นโครมคราม นางพยักหน้าแล้วก้าวเข้าสู่ร้านวิญญาณอริยะ

เสิ่นเทียนยิ้มแย้ม พาผู้มีวาสนาหลายคนนั้นเริ่มค้นวิญญาณ

เขาไม่ได้สอดมือไปยุ่งกับโชคลิขิตเหนือศีรษะเสี่ยวหลิงเซียน แต่ให้นางฝึกฝีมือด้วยตัวเอง เล่นไปก่อนเถอะ!

…….

อาจจะเพราะศักยภาพแข็งแกร่งขึ้นหรือเพราะดวงดีขึ้น เสิ่นเทียนรู้สึกว่าทักษะการตรวจดูโชคลิขิตของตนแม่นยำกว่าเมื่อก่อน

เมื่อก่อน เสิ่นเทียนตรวจสอบ ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ กับถ้ำวารีสวรรค์ยังเห็นแค่ภาพรวมเท่านั้น

อย่างเช่นคัมภีร์มารสู่สุริยัน เสิ่นเทียนตรวจสอบเจอแค่ประวัติศาสตร์ต้าเหยียนแล้วก็สิ้นสุดลงเท่านั้น

ทางด้านโชคลิขิตถ้ำวารีสวรรค์ เขาก็เห็นแค่ปากประตูใหญ่ใต้หุบเหว

ส่วนคัมภีร์มารในประวัติศาสตร์ต้าเหยียนและมรดกวิชาในถ้ำวารีสวรรค์ เสิ่นเทียนไม่เห็นผ่านภาพเลย กระทั่งภาพก่อนหน้ายังค่อนข้างเลือนราง

ทว่าตอนนี้ เสิ่นเทียนมองเห็นภาพโชคลิขิตชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งภาพยังแสดงข้อมูลของโชคลิขิตได้ละเอียดขึ้นทุกทีเช่นกัน

ถึงขนาดที่เสิ่นเทียนเห็นเหตุการณ์สุดท้ายของทุกโชคลิขิตว่าคืออะไรได้ชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ เสิ่นเทียนสงสัยว่าความสามารถของตนอาจจะ…

ยกระดับขึ้นแล้ว!

……………..……………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน