เนื่องจากมีชื่อเสียงระบือนาม ครั้งนี้ผู้บำเพ็ญที่มาเข้าแถวมากกว่าเมื่อสามวันก่อนเสียอีก
เสิ่นเทียนใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งวันเต็มๆ กว่าจะคัดเลือกผู้มีวาสนามาได้ยี่สิบคน
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ในหมู่ผู้มีวาสนายี่สิบคนนี้มีลูกค้าเก่าถึงหกคน อีกทั้งลูกค้าเก่าหกคนนี้ ครั้งก่อนตอนเปิดได้ศิลาวิญญาณยังแบ่งให้เสิ่นเทียนครึ่งหนึ่งด้วย
ดังนั้นจึงค่อยๆ เกิดบรรยากาศลี้ลับน่าฉงนขึ้นมา
….
ผู้มีวาสนาหน้าเก่าที่ถูกเลือกหกคนนั้นต่างยินดีกับการเลือกของตนเองก่อนหน้านี้
ผู้มีวาสนาอีกสิบสี่คนที่ไม่ได้ถูกเลือกต่างแอบตำหนิตัวเองในใจเงียบๆ ก่อนหน้านี้ตนเองทำตัวไม่ดี ไปทำให้ท่านเซียนไม่พอใจเข้าหรือไม่
เฮ้อ ต้องโทษตัวเองที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ดันพลาดโอกาสผูกวาสนากับท่านเซียนต่อเสียได้
ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสอีก พวกเขาจะต้องแย่งเข้าไปกราบคารวะก่อนแน่นอน เข้าไปกอดขาแล้วพูดกับท่านเซียนว่า ‘ข้าคิดถึงท่านมาก!’
“เอาละ วันนี้มีผู้มีวาสนายี่สิบคนนี้!”
เสิ่นเทียนพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังร้านวิญญาณอริยะ
เสี่ยวหลิงเซียนตามหลังเสิ่นเทียนไปเช่นกัน นางเปลี่ยนอาภรณ์แต่งหน้าจึงไม่มีใครจำได้ ซึ่งเสิ่นเทียนปลื้มใจตรงนี้มาก
ทักษะการแปลงโฉมไม่ด้อยไปกว่าข้าเลยจริงๆ!
….
เสิ่นเทียนไม่อยู่ที่นี่หลายวัน การค้าของร้านวิญญาณอริยะคึกคักขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยเปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติอันดับที่สามสิบหกของรายนามไม้วิญญาณ!
ใครจะไปรู้ อาจจะยังมีใครจับได้หินแร่วิญญาณระดับสูงสุดคล้ายๆ แบบนี้อีกก็ได้
ในสามวันมานี้ ร้านวิญญาณอริยะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับทัศนาจรของสวนหมื่นวิญญาณไปแล้ว ทุกวันจะมีคนกลุ่มใหญ่มาร้านวิญญาณอริยะและสอบถามเรื่องนั้นกับเถ้าแก่หลิว
‘เถ้าแก่หลิว ได้ยินว่าเซียนเหลียนเอ๋อร์จ่ายศิลาวิญญาณไปห้าหมื่นก้อนเพื่อซื้อหินแร่วิญญาณนั่นไปหรือ’
‘ได้ยินว่าเถ้าแก่หลิวเองก็มองออกนานแล้วว่าหินแร่ก้อนนั้นไม่ธรรมดา แค่รอผู้มีวาสนากับมันหรือ เถ้าแก่หลิว นั่นมันสมบัติล้ำค่าอันดับที่สามสิบหกของรายนามไม้วิญญาณเชียวนะ! ท่านไม่เสียดายบ้างรึ’
‘เถ้าแก่ ตัวข้ามีศิลาวิญญาณแสนก้อน ท่านพอจะขายแร่วิญญาณแบบนั้นให้ข้าสักก้อนได้หรือไม่’
‘ใช่ หินแร่วิญญาณแบบนั้นถูกกว้านซื้อไปหมดแล้ว
ตาแก่อย่างข้าก็พอจะมีความรู้ด้านวิชาวิญญาณอยู่บ้าง ข้ามองออกจริงๆ ว่าหินแร่ก้อนนั้นไม่ธรรมดา
หินแร่วิญญาณทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคชะตา ได้เห็นมันตามหาเจ้าของพบ ต่อให้จ่ายร้อยล้านก้อนตาแก่อย่างข้าก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย
ศิลาวิญญาณแสนก้อนรึ เหอะๆ ไปให้พ้น!’
เถ้าแก่หลิวต้องตอบคำถามคล้ายๆ กันในแต่ละวันนับครั้งไม่ถ้วน
อีกทั้ง ทุกครั้งที่ตอบกลับจะต้องเจ็บปวดหัวใจสุดแสน
สวรรค์!
เหตุใดข้าถึงเปิดแร่วิญญาณเองไม่ได้
ถ้าข้าเปิดเองได้ ก็คงก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตแล้ว!
เฮ้อ ช่างเถอะ
เถ้าแก่หลิวเค้นรอยยิ้มออกมา ตอบคำถามลูกค้าที่เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า
การค้าดีขึ้น อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ควรดีใจ ปวดใจนิดหน่อยก็ปวดไปเถอะ ขอแค่เซียนท่านนั้นอย่ามาอุดหนุนอีกเป็นพอ
เถ้าแก่หลิวคิดเช่นนี้อยู่ในใจ มองไปที่ประตูร้านด้วยความเบื่อหน่าย
วินาทีต่อมา รอยยิ้มที่เถ้าแก่หลิวเค้นออกมาแข็งทื่อไปทีละนิด
เพราะบุรุษคนที่ทำให้เขาคับแค้นและน้อยเนื้อต่ำใจนั่นมาอีกแล้ว!
…..
เมื่อเห็นกองทัพผู้มีวาสนาที่หน้าตาตื่นเต้น รวมถึงกองทัพผู้คลั่งไคล้เบียดเสียดอยู่ข้างกายเสิ่นเทียนแล้ว เถ้าแก่หลิวรู้สึกว่าเบ้าตาของตนชื้นๆ
“เถ้าแก่ ท่านร้องไห้ทำไมรึ”
เสิ่นเทียนสาวเท้ายาวเข้ามาในร้านวิญญาณอริยะ
เขาเห็นน้ำตาเถ้าแก่หลิวแล้วอดชะงักงันมิได้
เถ้าแก่หลิวปาดน้ำตาตรงหางตา “ท่านเซียนยืนอยู่ตรงหน้าข้า ตาแก่อย่างข้านึกถึงเมื่อสามวันก่อนเลย”
เสิ่นเทียนรู้สึกอบอุ่นในใจ “เถ้าแก่หลิวเป็นคนใจกว้างจริงๆ เหตุใดถึงเพิ่งรู้จักกันตอนนี้นะ!”
“…” เถ้าแก่หลิวพิจารณาหมู่คณะข้างกายเสิ่นเทียนพลางเอ่ย “ท่านเซียนมาด้วยเหตุใดรึ”
เสิ่นเทียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าปิดด่านเข้าฌานสามวันตระหนักอะไรมาได้เล็กน้อย เลยว่าจะมาลองฝีมืออีก”
เถ้าแก่หลิวเบ้าตาชื้นแฉะยิ่งกว่าเดิมทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน