บทที่ 456 ความลับ จะต้องมีความลับแน่!
สถานการณ์ของกระดานหมากฟ้าขุ่นซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
อำนาจน่าสะพรึงหมุนม้วนมาไม่ขาดสาย ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
คู่อัจฉริยะเทพสวรรค์ร่วมมือกันบุก สำแดงวิชาสูงสุดทำลายเงามายาเกือบร้อย ทว่ายังมีเงามายาสองร้อยกว่าบุกเข้ามาพร้อมกัน พลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำลายภูผานที
เงามายาพวกนี้มีจำนวนมากมาย แต่ละคนแกร่งจนดูถูกไม่ได้
ขาดกำลังรบของราชาวานรไป พวกเขาจึงไม่อาจสุขุมได้เหมือนก่อนหน้านี้
คนที่เห็นภาพนี้ต่างใจสั่นสะท้าน ตัวสั่นไปทั้งตัว
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าก้าวสุดท้ายของกระดานหมากฟ้าขุ่นจะน่ากลัวขนาดนี้
เงามายามากมายไม่อาจต้านไว้ได้ พลังอำนาจน่ากลัว ขวางทุกคนไว้ได้
พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะฝ่าออกมาได้หรือไม่ยังไม่แน่ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงแก้กระดานหมาก
เวลานี้คงมากมายอดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
…..
“ข้ามาแล้ว!”
ฉีเต๋อหรงโลหิตยุทธ์เดือดพล่าน พุ่งเข้ามาอย่างห้าวหาญ
เขาจะไม่ยอมหลบเอาตัวรอดอยู่ข้างหลัง จะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสองคน!
ฉีเต๋อหรงจิตต่อสู้พุ่งทะลักทั่วร่าง กลิ่นอายพลังเหมือนคลื่นยักษ์สะท้านฟ้า เอ่อล้นไปด้วยพลัง
แสงทองบนผิวกายเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง มีประกายเพลิงเทพสีแดงวนเวียน พลังอำนาจพลันรวดเร็วและดุดันขึ้นมา
แสงทองกับแสงสีแดงตัดสลับกัน กลิ่นอายพลังลุกลามไปในฟ้าดิน ทำให้จิตต่อสู้ของเขาน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
ฉีเต๋อหรงกำลังทำอย่างสุดความสามารถ สำแดงมรดกสูงสุด คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์
ออกวิชาไร้พ่ายมาสู้กับพวกศัตรู!
……
หลังจากฉีจ้านได้รับมรดกจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ ก็มอบคัมภีร์จักรพรรดินี้ให้เผ่าทันที เพื่อเติมเต็มมรดก
ฉีเต๋อหรงเป็นเจ้าเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง ย่อมมีสิทธิ์ฝึกคัมภีร์จักรพรรดินี้ แต่คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์มีเพียงสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เท่านั้นถึงจะฝึกได้ถึงขอบเขตสูงสุด
ฉีเต๋อหรงมีสายเลือดไม่เข้มพอ ยังไม่อาจสัมผัสบทต้องห้ามได้!
ภายใต้กองทัพเงามายากดดันเข้ามา ฉีเต๋อหรงลองปลุกคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ จะฝืนก้าวข้ามธรณีประตูนี้!
บึ้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นมาจากในกายฉีเต๋อหรง ทันใดนั้นเขาเปล่งแสงสีแดงทั้งตัว จิตต่อสู้พุ่งขึ้นฟ้า
ประกายแสงสีแดงสว่างจ้าพุ่งออกไปทั้งหมด วนเวียนรอบกาย พลังอำนาจมากมายมหาศาล
คลื่นพลังเอ่อล้นเผาทำลายห้วงอากาศทั้งหมด
พลังของฉีเต๋อหรงพลันเปลี่ยนไป กลิ่นอายพลังน่าเกรงขาม บ้าคลั่งถึงที่สุด
ภายใต้แสงทองและแสงสีทองส่องสะท้อนกัน เขาเหมือนกลายเป็นเทพสงครามไร้พ่าย จิตต่อสู้เอ่อล้น หมายจะสู้กับฟ้าดิน!
“โลหิตยุทธ์ผลาญฟ้า!”
ฉีเต๋อหรงคำรามเสียงดัง เพลิงแดงโชติช่วงลุกขึ้นทั้งตัว พุ่งขึ้นฟ้าสามฉื่อ
หลังสำแดงโลหิตยุทธ์ผลาญฟ้า ไม่ว่าจะพละกำลังหรือจิตต่อสู้ของเขาก็พุ่งพรวดขึ้นทั้งหมด
ฉีเต๋อหรงพุ่งไปยังกองทัพเงามายา เข่นฆ่าอย่างกำเริบเสิบสาน จิตต่อสู้น่ากลัวเอ่อล้นฟ้า สังหารจนคนหนาวสั่นในใจ
ประกายสีแดงขวางอากาศ พุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น ทำลายท้องนภาฟ้าดินแตกเป็นรูยักษ์ แสงเทพไม่มีสิ้นสุดสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังสะท้านฟ้าดิน ทำลายเมฆฟ้าเก้าชั้นลงทั้งหมด
มองไกลๆ ก็เห็นเงาสีแดงฉานพุ่งเข้าไปในกองทัพหมากดำ หมายจะฝ่าเส้นทางโลหิต
ภาพนี้ทำให้คนที่เห็นต่างเลือดร้อนเดือดพล่าน!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตะโกนเสียงดัง “ราชาวานรทำดี! ข้าจะสู้เคียงข้างเจ้าเอง!”
เปลวเพลิงครามพุ่งออกจากผิวกายเขา กลายเป็นประกายสายรุ้งสีครามตามหลังไปติดๆ
“หัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตะโกนเสียงดัง รวมกฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุด รวมฝ่ามือยักษ์กำราบฟ้าดิน
ทันใดนั้น ฟ้าดินพังทลายลง หัตถ์ยักษ์ผ่านไปที่ใด ผู้แข็งแกร่งเงามายาจะสลายไปทั้งหมด
เดิมทีนี่เป็นวิชาลับสูงสุดโลกเซียน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสำแดงออกมาได้อย่างแข็งแกร่งไม่มีใครขวางได้!
สองคนร่วมมือกันตีกองทัพเงามายาแตกพ่ายถอยไป ผู้แข็งแกร่งมากมายพากันระเบิดกระจาย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตามพวกเขาไปติดๆ รับผิดชอบจัดการเงามายารอบๆ
กระบี่เซียนอัสนีฟันไปไม่หยุด ยิงประกายสายฟ้าสว่างจ้า ฟันเงามายาเป็นสองส่วนได้ง่ายดาย
บึ้มๆๆ!
เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั้งกระดานหมากฟ้าขุ่น
แสงเทพไม่มีสิ้นสุดระเบิดกระจาย เหมือนดวงตะวันแตก แสงสว่างส่องสะท้อนฟ้าดิน สว่างจ้าแสบตา
สามคนทั้งสู้ทั้งบุก ฝ่าออกไปข้างนอกเรื่อยๆ สังหารเป็นเส้นทางโลหิตจากตัวหมากสีดำ
…..
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างอึ้งงัน
ทุกคนใจสั่นสะท้าน ไม่นึกเลยว่าสามคนจะแกร่งขนาดนี้!
แม้พวกเขาจะแก้กระดานหมากฟ้าขุ่นไม่ได้ แต่ก็ฝ่าเป็นเส้นทางโลหิตออกไปได้
ความสำเร็จเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์
……
พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ฝ่าออกมาสำเร็จก็ยืนกลางฟ้าดินอย่างโอหัง กลิ่นอายพลังเป็นที่น่ายำเกรง
หลังผ่านศึกใหญ่มา พวกเขามีสภาพย่ำแย่เล็กน้อย โดยเฉพาะฉีเต๋อหรงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต สภาพน่าเวทนามาก
ราชาวานรขนทองอาบโลหิต ทั่วร่างมีแต่บาดแผลชุ่มด้วยเลือด
โลหิตทองสาดกระจาย ใครเห็นเป็นต้องตกใจกลัว
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมีสภาพแย่ไม่ต่างกัน ชุดคลุมเซียนม่วงขาดเละ จมูกเขียวหน้าบวม ขอบตาดำ คงถูกทุบตีมาไม่น้อย
หลักๆ คือราชาวานรพุ่งไปหน้าสุด ขวางการโจมตีส่วนใหญ่ไว้ ไม่เช่นนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคงน่าสงสารกว่านี้
“สู้ได้สนุกจริงๆ!”
ราชาวานรไม่สนใจบาดแผลตามตัว แต่ร้องตะโกนอย่างมีความสุข
เขาไม่ได้ผ่านศึกที่ถึงอกถึงใจเช่นนี้มานานมาก ตอนนี้โลหิตยุทธ์เดือดพล่าน
ไม่นานฉีเต๋อหรงก็ตัวสั่นสะท้าน เปล่งแสงทั้งตัว เหมือนตระหนักรู้ในการต่อสู้ เขานั่งขัดสมาธิลง ภายในกายแผ่พลังมหาศาลยากจะคาดเดา
จิตต่อสู้ไร้ที่สิ้นสุดพุ่งทะลักออกมา เหมือนคลื่นลูกใหญ่พุ่งขึ้นฟ้า ขึ้นสวรรค์เก้าชั้น
ทันใดนั้นเมฆเคราะห์ภัยรวมเข้ามา เหนี่ยวนำเคราะห์สวรรค์
มีคนร้องตกใจ “ราชาวานรจะทะลวงพลังแล้ว!”
เดิมทีฉีเต๋อหรงเป็นเจ้าอริยะแปดด่านเคราะห์ ตอนนี้เคราะห์สวรรค์มาเยือน เห็นได้ชัดว่าจะทะลวงเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์
“มาได้จังหวะพอดีเลย!”
แม้ฉีเต๋อหรงจะบาดเจ็บหนัก แต่จิตต่อสู้ก็ยังน่าเกรงขาม
เขาอาศัยจิตต่อสู้ที่ยังไม่สลายไปพุ่งขึ้นฟ้า ทำศึกกับเคราะห์สวรรค์
ทันใดนั้นประกายสายฟ้าสว่างจ้า ส่งเสียงฟ้าร้อง แม้แต่ห้วงอากาศยังถูกทำลาย
สุดท้ายฉีเต๋อหรงฝ่าเคราะห์สวรรค์สำเร็จ เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์มากมายตกลงมา
กลิ่นอายพลังเขากำลังเพิ่มขึ้น ทั่วร่างวนเวียนด้วยแสงทองสว่างจ้าดั่งดวงตะวัน
ไม่ใช่แค่นั้น ภายใต้การชะล้างด้วยกฎเกณฑ์ ฉีเต๋อหรงเปล่งแสงเทพออกมาทั้งตัว
กายเนื้อแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกายแห่งเทพเจ้า
สายเลือดเขากำลังผลัดเปลี่ยน ยกระดับสูงสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดสุดท้ายสำเร็จเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างมีสีหน้าตกใจระคนชื่นชม
สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เกิดขึ้นตามสวรรค์ รับการชะล้างจากฟ้าดิน
เดิมทีโลกนี้ไม่มีวานรอริยะสัประยุทธ์ แต่เผ่าวานรชอบต่อสู้เป็นธรรมชาติ สุดท้ายมีคนใช้การต่อสู้พิสูจน์มรรค สำเร็จความเหนือสามัญ
พวกเขารับการชะล้างกฎเกณฑ์มหามรรค หลอมรวมจิตต่อสู้เข้าไปทั่วร่างกาย อวัยวะภายในไปจนถึงสายเลือดกายเนื้อ ดังนั้นถึงได้ปรากฏสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์
…..
ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา ในโลกปรากฏวานรอริยะสัประยุทธ์เพียงสามตัว
ตอนนี้ฉีเต๋อหรงใช้การต่อสู้พิสูจน์มรรค ผลัดเปลี่ยนเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ ทำให้คนมากมายตื่นตกใจ
“กระดานหมากฟ้าขุ่นเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝนจริงๆ!”
“ดูท่าข้าคงได้อะไรมาเยอะเลย!”
“โลกนี้มีผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคเพิ่มมาอีกคนแล้ว!”
ผู้คนมากมายมีสีหน้าเคารพยำเกรง ต่างปลงอนิจจังกันอย่างยิ่ง
ฉีเต๋อหรงไม่ใช่แค่สำเร็จเจ้าอริยะเก้าด่านเคราะห์ แต่ยังใช้จิตต่อสู้พิสูจน์มรรค ผลัดเปลี่ยนเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์
เรียกได้ว่าศักยภาพเพิ่มขึ้น ได้โชควาสนาสะท้านฟ้า!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น “ราชาวานรได้โชคลิขิต แล้วเหตุใดข้าถึงไม่ได้ สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเหนื่อยสายตัวแทบขาด ถูกทุบตีจนปูดบวม กลับไม่ได้แม้แต่ขน
ทุกข์ใจยิ่งนักเหมือนกินมะนาวหมื่นปี
…..
และตอนนี้เอง กระดานหมากฟ้าขุ่นเปล่งประกายเซียน
พลังวิญญาณกระเพื่อม เหมือนมีสมบัติสุดยอดปรากฏ
สมบัติวิเศษที่ปกคลุมประกายเซียนพุ่งออกมาสามสาย สายรุ้งเทพสว่างจ้าลากผ่านอากาศมาตกในมือพวกผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสามคน
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา
ของในมือเขาเป็นกระบองยาวระดับเตรียมเซียน
ตัวกระบองดำมืดทุกส่วน แต่กลับแผ่พลังน่าสะพรึง ประกายเซียนวนเวียนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ธรรมดาเลย
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถือสมบัติสุดยอดในมือพลางยิ้มแย้มมีความสุข
“ที่พูดไปเมื่อครู่ ถือว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน! ท่านสวรรค์ยุติธรรมไม่มีลำเอียงที่สุดแล้ว!”
นี่คืออาวุธเตรียมเซียน แกร่งกว่ากระบองเทพทองมาก
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยิ้มแย้ม มีความสุขอยู่ในใจ
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ตราสมบัติชิ้นหนึ่ง แฝงไว้ด้วยอานุภาพภัยพิบัติ เป็นอาวุธเตรียมเซียนธาตุสายฟ้า
ฉีเต๋อหรงได้เกราะนักรบเหล็กเทพระดับเตรียมเซียน สามารถยกระดับการป้องกันของตนได้อย่างมาก
พูดได้ว่าสามคนได้ทรัพยากรล้ำค่ามาก
เมื่อเห็นภาพนี้ ยอดฝีมือรอบๆ ต่างเผยแววตาอิจฉา
อาวุธเตรียมเซียนไม่ใช่ของธรรมดา เป็นสมบัติวิเศษแก่กล้าที่ต้องเป็นระดับเตรียมเซียนเท่านั้นถึงหลอมมาได้
ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ก็มีสมบัติระดับนี้น้อยมาก
คนมากมายต่างปลงอนิจจัง “ตั้งแต่โบราณมา มีคนที่ได้รางวัลอาวุธเตรียมเซียนนับนิ้วได้เลย”
“พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์โชคดีจริงๆ!”
“แต่ด้วยกำลังรบและความสำเร็จของพวกเขา ก็มีสิทธิ์ได้สมบัติสุดยอดจริงๆ”
……
พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เดินไปถึงก้าวสุดท้ายของกระดานหมากฟ้าขุ่น และยังฝ่าออกมาสำเร็จ
ผลการรบเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนับแต่อดีตกาล
ได้รางวัลเป็นอาวุธเตรียมเซียนก็การยอมรับในศักยภาพของพวกเขาเช่นกัน
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นเห็นดังนั้นก็เกิดความขมฝาดในใจ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้สมบัติสุดยอดเพียงอาวุธเจ้าอริยะ
ต่อให้เป็นอาวุธมหาอริยะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันก็ยังห่างไกลไม่อาจเทียบกับอาวุธเตรียมเซียนได้
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันมุมปากกระตุก ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา
เขารู้สึกว่าอาวุธมหาอริยะในมือไม่หอมแล้ว
คนเทียบกับคนมันช่างน่าโมโหจริงๆ
ทุกคนเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เหตุใดถึงต่างกันขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน