บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 462

บทที่ 462 เต่าดำแก่ จะมีเจตนาไม่ดีอะไรได้

เมื่อเห็นเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ที่ทำหน้าเย้าหยอกแล้ว พวกหวังเสินซวีมีสีหน้าจริงจัง

คนนี้สร้างแรงกดดันให้พวกเขามากเกินไป ไม่อาจต้านทานได้เลย

ต่อให้สามคนร่วมมือกันก็ไม่มีทางสู้กับเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ได้

มิหนำซ้ำ ยังมีผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายจ้องตาเป็นมันอีก ประกอบกับห้วงอากาศที่นี่ถูกตัดขาด หวังเสินซวีคิดว่าความสามารถในการเอาตัวรอดใช้ไม่ได้ผลแล้ว

“ครั้งนี้ยุ่งแล้ว!”

หวังเสินซวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขากำลังมองไปรอบๆ พยายามหาทางหนี

ไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็ร้อนใจเช่นกัน พวกเขาเคยลองแล้ว แต่ฉีกห้วงอากาศไม่ได้

“คราวนี้ตายแน่! นี่ข้าจะเข้าตำราวีรบุรุษมักตายไวอย่างนั้นรึ!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อร้องทุกข์ คิดว่าไม่มีทางหนีแน่

ไป๋ตี้เอ่ย “เจ้าหนูจะกลัวอะไร ข้างนอกมีกำลังเสริมราชวงศ์เซียนตั้งเยอะ พวกเขาต้องรู้ถึงสถานการณ์ที่นี่และมาช่วยแน่นอน ถึงตอนนั้น คนที่ตายจะเป็นลูกวิญญาณร้ายพวกนี้!”

พวกเขาเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็มีผู้แข็งแกร่งสนับสนุนเช่นกัน

ที่นี่เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ คนพวกนั้นในโลกภายนอกไม่มีทางมองไม่เห็น เมื่อกำลังเสริมราชวงศ์เซียนมาถึง ใครจะปิดล้อมใครก็ยังไม่แน่!

ถึงอย่างไรในกำลังเสริมพวกนี้ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะหลายคน!

….

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ยิ้มเยาะ “ข้าคาดไว้ก่อนแล้วว่าราชวงศ์เซียนต้าฮวงจะมาก่อเรื่อง เลยไม่ได้เอามาแค่ถาดล่ามโลก แต่ยังวางแท่นบวงสรวงอริยะไว้ด้วย หากพวกมันเข้ามา ข้าจะให้พวกมันได้สัมผัสความร้ายกาจของแท่นบวงสรวงอริยะ!”

แท่นบวงสรวงอริยะ เป็นอาวุธชั่วร้ายสูงสุดที่ลัทธิวิญญาณร้ายใช้วิชาชั่วร้ายหลอมขึ้น

ใช้การเซ่นไหว้โลหิตฝืนก้าวข้ามปราการขอบฟ้า เหนี่ยวนำวิญญาณร้ายสูงสุดต่างแดนมาเยือน

เป็นอย่างที่คิดไว้ มีแท่นบวงสรวงโบราณลอยขึ้นมาข้างหลังเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้

แท่นบวงสรวงเป็นสีดำทมิฬทุกส่วน ด้านบนวางลายชั่วร้ายโบราณที่ทำให้คนหวาดกลัวไว้ วนเวียนตัดสลับกัน กลิ่นอายพลังมืดทึมและเฉียบคม ทั้งยังน่ากลัว

ตรงกลางเป็นสระโลหิตแดงก่ำ กลิ่นคาวเลือดแสบจมูก ไหลหลากเป็นสายน้ำ ทำให้คนหนาวสั่น

ในนั้นยังมีศพกำลังหลอมละลายเรื่อยๆ หายไปในนั้น

นั่นคือโลหิตของผู้บำเพ็ญห้าดินแดน ถูกปล่อยแห้ง ศพวางบนแท่นบวงสรวง กลายเป็นสารอาหาร

บนแท่นบวงสรวงมีถ้ำแสงมิติที่มีประกายแสงโลหิตวนเวียน ในนั้นยังแผ่กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงออกมา เหมือนมีวิญญาณร้ายสูงสุดกำลังดูดซับสารอาหาร กำลังจะมาเยือน

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เผยแววตาดุร้าย จ้องพวกหวังเสินซวีสามคนตาเขม็งพลางหัวเราะเยาะ

“พวกเจ้าจะเป็นสารอาหารแท่นบวงสรวงอริยะ ถวายให้แก่ท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์! ถึงตอนนั้น ราชวงศ์เซียนต้าฮวงมากันเท่าไรก็ตายกันเท่านั้น! ที่นี่คือที่ฝังร่างพวกเจ้าและช่วยท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาเยือนโลกหล้า!”

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เตรียมการมาก่อนแล้ว วางยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตที่นี่ เตรียมจะเซ่นไหว้ผู้รุกรานทุกคน

ยิ่งมีสารอาหารเซ่นไหว้โลหิตมากเท่าไร ศักยภาพของวิญญาณร้ายที่มาเยือนจะยิ่งแกร่งมากเท่านั้น!

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เซ่นไหว้ผู้อริยะไปสิบกว่าคน รวมกับพวกหวังเสินซวี ก็จะให้วิญญาณร้ายเหนือกว่าระดับเซียนมาเยือนได้

ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องเกรงกลัวกำลังเสริมของราชวงศ์เซียนต้าฮวงเลย

……

สามคนหน้าเปลี่ยนสีไป พวกเขารู้สึกได้ว่าในแท่นบวงสรวงแผ่กลิ่นอายพลังที่น่าสะพรึงยิ่งออกมา

นั่นคือผู้แข็งแกร่งสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้ายต่างแดน แม้จะไม่ได้มาเยือน แต่กลิ่นอายพลังกลับน่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้คนหนาวสั่น

ดูท่าลัทธิวิญญาณร้ายคงจะเตรียมการมาอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับพวกเขา

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ยิ้มเยาะ “พวกเจ้ายอมให้จับเสียดีๆ เถอะ บางทีข้าอาจจะอารมณ์ดี ให้พวกเจ้าตายสบายหน่อย!”

เขากุมชัยชนะไว้แล้ว มั่นใจว่าสังหารพวกหวังเสินซวีได้แน่นอน ถึงอย่างไรมิติก็ถูกผนึก ด้วยพลังของพวกหวังเสินซวีไม่อาจต่อต้านเขาได้เลย

“กับอีแค่ลูกวิญญาณร้าย กล้าดูถูกข้ารึ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะกัดหัวสุนัขเจ้าขาดในทีเดียว”

ไป๋ตี้แผดเสียงคำราม หดคอเต่าจะงับอากาศ

ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์ประหลาดโบราณที่อยู่มาหมื่นปี จะไปกลัวเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ได้อย่างไร

ในเมื่อหนีไม่ได้ เช่นนั้นก็สู้จนตัวตายดีกว่า

ต่อให้ตาย พวกเขาก็ต้องทำให้เผ่าวิญญาณร้ายพลังปราณเดิมบาดเจ็บหนัก

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อตะโกนเสียงดังเช่นกัน “หากพวกเจ้ากล้าเข้ามา ข้าจะระเบิดตัวเองสังหารเจ้า!”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เรียกของประหลาดหายากออกมากองใหญ่

มีอาวุธอริยะสูงสุดที่เอ่อล้นไปด้วยพลัง มียอดอาวุธที่เสียหายแต่กลับแผ่คลื่นพลังน่ากลัว และยังมียันต์ต่างๆ อีกมากมาย…

สมบัติมากมายขนาดนี้ออกมาพร้อมกัน กลิ่นอายพลังมหาศาลยากจะปัดป้อง แสงเทพสว่างจ้า ส่องสะท้อนฟ้าดิน

ไป๋ตี้เห็นดังนั้นก็เบิกตาโต

มันกลืนน้ำลายก่อนจะทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าอ้วนนี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะแอบซ่อนสมบัติมากมายขนาดนี้ไว้ลับหลังข้า”

ไป๋ตี้พบว่าในนี้มีสมบัติมากมายที่มีกลิ่นอายพลังคุ้นมาก

สมบัติส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่พวกเขาไปล่าสมบัติด้วยกันและเยวี่ยอวิ๋นเต๋อแอบซ่อนไว้

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อทำหน้าเก้อเขิน ก่อนพูดปากแข็ง “นี่เป็นสมบัติของข้า สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ! อีกอย่าง ข้าก็เอาออกมาหมดแล้วไม่ใช่รึ”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีสีหน้าปวดใจ

นี่เป็นสมบัติที่เขาสั่งสมมาหลายปี วันนี้ต้องทำลายลงที่นี่

ซวยเกินไปแล้ว!

……

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้พูดเหยียดหยาม “พวกดื้อด้าน เก่งจริงเจ้าก็จุดระเบิดสิ”

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เป็นเจ้าผู้คุมกฎลัทธิวิญญาณร้าย จึงมีศักยภาพแข็งแกร่งมาก

ต่อให้เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจุดชนวนอาวุธสมบัติวิเศษพวกนี้ ก็ไม่ได้คุกคามกับเขามากนัก ในทางตรงข้ามจะได้ประหยัดแรงด้วย

ที่นี่ถูกปิดผนึกไว้นานแล้ว พลังงานของคนที่ตายไปก็ยังถูกแท่นบวงสรวงอริยะดูดไปได้

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ก่อนด่าทอเสียงดัง “อะไรกัน เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็กระตุ้นพลังฤทธิ์ ให้สมบัติวิเศษยิงแสงเทพสว่างจ้า กลิ่นอายพลังเหมือนคลื่นยักษ์ล้นฟ้า ปะทุขึ้นทั้งหมด!

พลังน่าสะพรึงหมุนม้วนออกไป ปกคลุมฟ้าดิน เหมือนจะระเบิดอานุภาพไร้ที่สิ้นสุด

เขามีเป้าหมายชัดเจนมาก หากวันนี้ออกไปไม่ได้จริงๆ ก็จะจุดชนวนระเบิดของพวกนี้ ตายไปพร้อมกับวิญญาณร้ายพวกนี้

หวังเสินซวีเห็นดังนั้นก็ใจฝ่อขึ้นมา

หากจุดชนวนสมบัติมากมายขนาดนี้ ถึงไม่รู้ว่าจะระเบิดเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ตายหรือไม่ แต่พวกเขาต้องตายแน่นอน

พลังนี้น่าสะพรึงยิ่งนัก ระเบิดสังหารมหาอริยะได้ทั้งหมด!

แต่เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้มีศักยภาพแข็งแกร่ง และยังมีอาวุธเซียนสูงสุดคุ้มกัน การจะสังหารเขาคงไม่ง่ายขนาดนั้น

หวังเสินซวีรีบพูด “สหายเยวี่ยใจเย็น แซ่หวังหาทางออกเจอแล้ว”

ที่นี่ถูกผนึกด้วยอาวุธเซียนสูงสุดถาดล่ามโลก คนธรรมดาไม่อาจเปิดได้ แต่หวังเสินซวีมีกายศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา เข้าใกล้กับวิชามิติ

ดังนั้น เขาจึงหาจุดที่เปราะบางที่สุดของปราการมิติพบ ลองทำลายดูได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องจ่ายไปอย่างมหาศาล

“มารดาเถอะ เหตุใดเจ้าไม่รีบบอก สมบัติของข้าเชียวนะ!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีสีหน้าอึ้งงัน จากนั้นก็เผยความปวดใจ

รู้แต่แรกว่าไม่ต้องตาย ข้าจะเรียกสมบัติมากขนาดนี้ออกมาเพื่ออะไรกัน มีสมบัติชิ้นใดไม่มีค่าเท่าเมือง ล้ำค่าอย่างยิ่งบ้าง

นี่คือสมบัติทั้งหมดของเขา ตอนนี้ปลุกขึ้นมาทั้งหมด ไม่อาจเก็บได้แล้ว

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมุมปากกระตุกด้วยความปวดใจ ร้องทุกข์ไม่หยุด

ไป๋ตี้ด้านข้างก็ร้อนใจดังไฟรนก้นเช่นกัน “มีหนทางก็รีบใช้หน่อยเถอะ ถ้าช้ากว่านี้เราสามคนได้ตายจริงๆ แน่!”

บอกว่าตายไปพร้อมกัน นั้นคือพูดไร้สาระ!

หากมีทางหนี ใครจะอยากตายที่นี่บ้าง

มีเพียงรอดไปได้ถึงจะสังหารวิญญาณร้ายได้มากกว่าเดิม

…..

หวังเสินซวีกัดฟัน “มารดาเถอะ ก็แค่อายุขัยเก้าส่วนเองไม่ใช่รึ สู้ ข้าจะตัดอายุมาทำลายเจ้า!”

พลังในกายเขาพลันรวมเข้าด้วยกัน เปล่งแสงเทพไม่มีที่สิ้นสุด

พลังแห่งมิติกระเพื่อมไม่หยุด น่าสะพรึงสุดขีด รวมเป็นดาบแห่งมิติใหญ่ยักษ์ยิ่งกลางอากาศ!

ขณะเดียวกัน เส้นผมหวังเสินซวีเป็นสีขาวหิมะ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น กลิ่นอายชีวิตพลันลดลงถึงขีดสุด

ตัดอายุขัยครั้งเดียวเก้าส่วน แม้แต่หวังเสินซวียังต้านไม่ไหว อ่อนกำลังลงมาก แต่ดีที่มีประสิทธิผลชัดเจนมากเช่นกัน

ดาบแห่งมิติใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พลังก็น่ากลัวขึ้น ทำให้มิติรอบตัวพังทลายลง

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เผยแววตาตกใจเสี้ยวหนึ่ง เขารู้สึกได้ว่าดาบแห่งมิตินี้น่ากลัวเพียงใด

ต่อให้เป็นเขาก็อาจจะอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้เผยสีหน้าหวาดกลัว จึงตัดสินใจว่าจะสังหารหวังเสินซวีให้สิ้นซาก

เจ้าหนูนี่บ้าเกินไปแล้ว มีโอกาสสูงที่จะเป็นภัยแฝงร้ายแรง บางทีเขาอาจจะหนีไปจริงๆ ก็ได้

“ฆ่า!”

เจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้คำรามเสียงดัง สั่งให้กองทัพวิญญาณร้ายบุกโจมตี

ทันใดนั้น วิญญาณร้ายมากมายพากันบุกเข้าไป กลิ่นอายพลังลุกลามฟ้าดิน สั่นสะเทือนท้องฟ้าจักรวาล

วิญญาณร้ายแต่ละตัวมีใบหน้าเหี้ยมโหด ปลุกหนามกระดูกดำทมิฬแทงใส่ทุกคน

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “ถึงอย่างไรก็ปลุกมาแล้ว จะสิ้นเปลืองไม่ได้! ดูอาวุธสังหารสุดยอดของข้า!”

เขาโยนสมบัติวิเศษส่วนหนึ่งใส่กลุ่มวิญญาณร้าย ก่อนจุดชนวนระเบิด

หากจุดชนวนสมบัติวิเศษพวกนั้นทั้งหมด พวกเขาก็จะตายไปด้วย

หลังรู้ว่ามีทางรอด เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจะตายไปพร้อมกับพวกเขาได้หรือ

…..

บึ้ม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ประกายไฟส่องฟ้า!

พลังเทพไม่มีสิ้นสุดหมุนม้วนออกมา อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน

ในกลุ่มวิญญาณร้ายพลันถูกระเบิดเป็นกลุ่มใหญ่ วิญญาณร้ายผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าตัวที่อยู่หน้าสุดถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ

แม้แต่วิญญาณร้ายระดับอริยะยังต้านไม่ไหว บาดเจ็บล้มตายน่าเวทนา ถูกสังหารไปสิบกว่าตัวในพริบตา

วิญญาณร้ายระดับอริยะแท้หลายคนบาดเจ็บสาหัสในทันที กระอักเลือดและถอยไป

ทันใดนั้น กองทัพวิญญาณร้ายเกิดความวุ่นวาย ถูกประกายไฟไร้พรมแดนปกคลุม

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อทำหน้าลำพองใจ “ข้าใช่คนที่ลูกวิญญาณร้ายพวกเจ้าจะดูถูกได้หรือ”

เขาออกไพ่ตายทั้งหมด อานุภาพน่ากลัวสุดขีด พลันทำให้กองทัพวิญญาณร้ายบาดเจ็บหนัก

ตอนนี้เองเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ออกมือ เขาแผ่พลังชั่วร้ายน่ากลัวทั้งตัว กลายเป็นหมอกชั่วร้ายเต็มฟ้า ปกคลุมวิญญาณร้ายทั้งหมดไว้

ขณะเดียวกัน วิญญาณร้ายระดับอริยะคนอื่นพากันออกมือ เสริมความแกร่งของค่ายกล ทำให้อานุภาพของระเบิดลดลงอย่างรวดเร็ว

ความเสียหายของกองทัพวิญญาณร้ายลดน้อยลงทันที เริ่มกลับมาสงบนิ่งทีละนิด

เมื่อเห็นดังนั้น เยวี่ยอวิ๋นเต๋อหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย “สหายหวัง เจ้าเสร็จแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่เสร็จ ข้าจะตายแล้วนะ!”

สมบัติพวกนี้ต้านไว้ได้ไม่นานเท่าไร หากใช้ไปจนหมด กองทัพวิญญาณร้ายจะพุ่งเข้ามา

วิญญาณร้ายระดับอริยะมากมายขนาดนี้ ผนวกกับมีเจ้าผู้คุมกฎเจินอวี้ ใครจะไปต้านไหวกัน!

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อสีหน้าร้อนใจ ได้แต่โยนสมบัติออกไปขวางเรื่องๆ พยายามยื้อเวลาอย่างสุดความสามารถ

….

“เสร็จแล้ว เปิดให้ข้า!”

หวังเสินซวีหน้าซีดขาว พลันเรียกดาบแห่งมิติออกมา ฟันใส่ม่านแสงมิติอย่างแรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน