บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 464

บทที่ 464 บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่โหดกว่าวิญญาณร้าย

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้สีหน้าเหี้ยมเกรียม

ไม่นึกเลยว่าตนจะเสียเปรียบให้กับรุ่นเยาว์หนักขนาดนี้

เขาบาดเจ็บสาหัส ตรงจุดที่แขนขาดมีพลังแห่งดาราวนเวียน เผากายเนื้อไม่หยุด

พลังนั้นมาไม่ขาดสาย ดูดซับพลังฟ้าดินและกำเนิดใหม่ได้ ต่อให้เป็นมหาอริยะก็ไม่อาจขจัดทิ้ง ทำให้แขนขาดฟื้นกลับมาไม่ได้

“สมควรตาย!”

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ด่าทอ เขาได้แต่ประคองอาการบาดเจ็บไว้ชั่วคราว ให้แขนขาดไม่เลือดไหลอีก

แต่ความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนเข็มทิ่มแทงหัวใจ ยากจะรับไหว

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เจ็บปวดจนขนหัวลุก ตรงหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต

“เจ้าหนู ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เขาคำรามเสียงดัง เรียกถาดล่ามโลกออกมาจู่โจมเสิ่นเทียน

ทันใดนั้นเอง ถาดล่ามโลกเปล่งประกายเซียนไม่มีสิ้นสุด พลังไหลหลากไม่ขาดสาย เหมือนคลื่นลูกใหญ่ถาโถม

พลังแห่งมิติหลั่งทะลัก ทำให้ห้วงอากาศรอบตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง บดบังฟ้าบังดวงตะวัน เหมือนจะทำลายล้างฟ้าดิน!

มิติแห่งนี้พลันถูกผนึกไว้ ห้วงอากาศสั่นไหว ลำดับกฎเกณฑ์พังทลาย จะเปลี่ยนที่นี่เป็นความว่างเปล่า

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เผยแววตาเหี้ยมโหด หัวเราะเยาะไม่หยุด

เสิ่นเทียนก็แค่มีกายเนื้อแข็งแกร่ง พลังฤทธิ์ต้องสู้เขาไม่ได้แน่

ด้วยพลังฤทธิ์ของมหาอริยะสิบเอ็ดด่านเคราะห์ของเขา ประกอบกับอาวุธเซียนสูงสุดถาดล่ามโลก แม้แต่มหาอริยะระดับเดียวกันยังสังหารได้ แล้วนับประสาอะไรกับรุ่นเยาว์

…..

ถาดล่ามโลกจู่โจมเข้ามา พลานุภาพมหาศาลยากจะปัดป้อง ระเบิดคลื่นพลังน่ากลัวที่ไม่มีใครเทียบได้

มันลากผ่านอากาศ เปล่งประกายระยิบระยับ ระเบิดพลังแห่งมิติไร้ที่สิ้นสุด จะสังหารทุกสิ่งมีชีวิตในห้วงอากาศ!

เมื่อเห็นภาพนี้ พวกหวังเสินซวีใจสั่นสะท้าน ดวงตาฉายแววตื่นกลัว

นี่คือยอดอาวุธที่เป็นปฏิปักษ์กับพวกเขามากที่สุด แฝงไว้ด้วยอานุภาพมหาศาล ไม่อาจต่อต้านได้

หากพวกเขาตกไปในนั้นจะต้องเลือดสาดกระจายทุกนาทีจนสิ้นชีพไป กายเทพระเบิด

เสิ่นเทียนมีใบหน้าเฉยชา กระดานหมากหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้า ตำแหน่งดาราด้านบนชัดเจน หมากดำกับหมากขาวสูสีกัน

เขาหยิบหมากดำมาตัวหนึ่งตามใจ ทันใดนั้นมีแสงเทพพุ่งออกมา ส่องสว่างไปรอบๆ

หมากดำดูเล็กกะทัดรัด แต่กลับแผ่พลังมหาศาล เหมือนโลกเล็กหนึ่งทิศ แสงดำวูบวาบ เหนี่ยวนำพลังแห่งดารา แสงสว่างส่องสะท้อนฟ้าดิน

เสิ่นเทียนเหวี่ยงเบาๆ หมากดำพลันพุ่งออกไป กลายเป็นแสงดำ ทะลวงมิติไร้ที่สิ้นสุดเข้าปะทะกับถาดล่ามโลก!

“เหอะๆ หมากตัวเดียว ยังคิดจะต่อต้านกับอาวุธเซียนสูงสุดของข้าอีกรึ”

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ยิ้มเยาะ เขาจ่ายไปอย่างหนักเพื่อยืมถาดล่ามโลกมา นี่คืออาวุธเซียนระดับสูงสุดในด้านป้องกัน ต่อให้เป็นอาวุธเตรียมจักรพรรดิปกติก็ต่อต้านมันไม่ได้

ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะใช้หมากตัวเดียวมาสู้กับถาดล่ามโลก

ล้อเล่นอะไรกัน เจ้าคิดว่าหมากตัวนี้เป็นยอดอาวุธสูงสุดรึ

ถ้าใช่จริงๆ ข้าจะกินถาดล่ามโลกไปเลย

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ทำหน้าเหยียดหยาม คิดว่าเสิ่นเทียนกำลังแสร้งให้ดูลึกลับ!

…..

บึ้ม!

ทันใดนั้นเอง หมากดำกับถาดล่ามโลกปะทะกัน พลันระเบิดออก ประกายไฟสว่างจ้า

พลังเทพน่าสะพรึงจู่โจมฟ้าดิน หมุนม้วนพายุคลั่งไม่มีสิ้นสุด เหนี่ยวนำฟ้าดินสั่นไหว

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เพ่งตามองเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าหมากตัวนี้จะระเบิดพลังเช่นนี้ออกมาได้ ต่อต้านกับอาวุธเซียนระดับสูงสุดได้

เขาไม่สนใจ คิดว่าตนชนะแน่นอน

จนเมื่อประกายไฟหายไปและเห็นภาพนั้น เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้พลันตะลึงค้างอยู่กับที่

อาวุธเซียนสูงสุดถาดล่ามโลกชนกับหมากดำแล้วพลันระเบิดกระจาย แหลกเป็นเสี่ยงๆ!

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เผยแววตาตื่นกลัว เหลือเชื่อ

“นี่มันยอดอาวุธใดกัน”

หมากตัวเดียวก็มีอานุภาพทำลายอาวุธเซียนสูงสุดได้รึ

เล่นอะไรกัน!

มียอดอาวุธที่สุดยอดขนาดนี้ด้วยหรือ

ที่สำคัญคือ ในกระดานหมากตรงหน้าเสิ่นเทียนยังมีหมากดำกับหมากขาวอีกกองใหญ่ หากทุกตัวสุดยอดขนาดนี้ เช่นนั้นโยนออกไปทั้งหมด จะไม่สังหารข้าในพริบตาเลยรึ

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ใจสั่นสะท้าน หนาวสั่นไม่หยุด

จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าเสิ่นเทียนน่ากลัวเพียงใด

เจ้าหนูนี่ไม่ใช่คนแล้ว!

ไม่ใช่แค่มีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่ยังมียอดอาวุธสูงสุดมากมายขนาดนี้

นี่จะให้เล่นอะไรได้อีก!

…..

“ขอเชิญท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาเยือน สังหารเจ้าสารเลวนี่ด้วย!”

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้รีบหมุนตัวกลับมา สวดภาวนาต่อแท่นบวงสรวงอริยะอย่างจริงใจ

เขาพบว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสิ่นเทียน สู้ต่อไปมีแต่ความตาย

ตอนนี้ไม่ขอกำลังเสริมแล้วจะรอไปจนถึงเมื่อไร ขืนรอต่อไปได้ตายกันหมดแน่!

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ก็ตบหน้าอกอย่างไม่ลังเล

โลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งสาดลงบนแท่นบวงสรวงอริยะ

เขาเหมือนจะใช้โลหิตบริสุทธิ์ตนเองเป็นเครื่องเซ่น กระตุ้นพลังฤทธิ์เสริม ช่วยผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายต่างแดนมาถึงก่อนเวลา

แม้ทำเช่นนี้จะทำให้เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้พลังปราณเดิมบาดเจ็บหนัก อย่างน้อยต้องฟื้นฟูพันปีถึงจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ดีกว่าตายที่นี่

เสิ่นเทียนน่ากลัวมากจริงๆ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย

มีเพียงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาเยือนถึงอาจจะสังหารเขาได้

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เผยแววตาดุร้าย ส่งพลังฤทธิ์ออกไปอย่างมาก ช่วยเซียนวิญญาณร้ายมาเยือน!

แท่นบวงสรวงอริยะสั่นไหวอย่างรุนแรง แสงโลหิตลุกโชติช่วง พลังชั่วร้ายถาโถม!

กลิ่นอายพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งแผ่ออกมา น่ากลัวสุดขีด เหมือนจะพลิกกลับฟ้าดิน

พลังชั่วร้ายไหลหลาก พุ่งขึ้นทะเลเมฆนภา ทำให้ตะวันจันทราถอดสีไร้แสงสว่าง

“แย่แล้ว วิญญาณร้ายต่างแดนจะปรากฏก่อนเวลาอันควร!”

พวกหวังเสินซวีหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างชัดเจน พลังนั้นน่าตกใจยิ่งนัก ทำให้พวกเขาขนลุก จิตใจหนาวสั่น!

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ยอมเซ่นไหว้ตัวเองเพื่ออัญเชิญวิญญาณร้าย นี่น่ากลัวสุดขีด!

ทุกคนสิ้นหวังในใจ หรือจะต้องตายที่นี่จริงๆ

แม้เสิ่นเทียนจะแข็งแกร่ง เอาชนะมหาอริยะได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณร้ายต่างแดน!

……

เมื่อส่งพลังฤทธิ์เข้าไปเรื่อยๆ กลิ่นอายพลังของเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ก็อ่อนแอลงทีละนิด

เขาไม่สนใจเลย แต่ยิ้มเยาะ “เจ้าหนู รอท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาเยือนก่อน จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!”

แม้เขาจะสู้เสิ่นเทียนไม่ได้ แต่ท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้องสังหารเขาได้แน่นอน!

นั่นคือผู้แข็งแกร่งระดับเตรียมเซียน สังหารรุ่นเยาว์คนหนึ่งได้ง่ายดาย

แต่เสิ่นเทียนกลับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้าจะตายหรือไม่ ไม่รู้ แต่ว่าเจ้าตายแน่นอน!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนเปล่งแสงทองพร่างพราวทั้งตัว เขากลายเป็นสายรุ้งสีทองมาปรากฏตรงหน้าเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้

แกร๊ง!

ค้อนเทพกำราบสมุทรสั่นสะเทือนหมื่นชั่ง พลังมหาศาล ลอยอยู่ในมือเสิ่นเทียน

“เจ้า…”

เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้พลันเบิกตาโต ตกใจกลัวสุดขีด

เขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะเร็วขนาดนี้ มาถึงตัวเขาในพริบตา

ทำให้เขาไม่มีโอกาสอัญเชิญผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายเลย!

กลิ่นอายความตายคืบคลานมาจากก้นบึ้งหัวใจ ในใจเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขาอยากต่อต้าน แต่เสิ่นเทียนไม่ให้โอกาสเขา!

ค้อนเทพกำราบสมุทรแผ่อานุภาพเทพไม่มีสิ้นสุดออกมา ใช้พลังทุบดาราฟาดที่ศีรษะของเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้!

บึ้ม!

พลังเทพไม่มีสิ้นสุดพุ่งทะลัก ลำแสงค้อนสั่นสะเทือนภูผานที ทะลวงห้วงอากาศ

ค้อนทุบลง เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ถูกทุบเป็นเศษเนื้อ ไม่ทันได้ร้องโอดครวญด้วยซ้ำ!

เจ้าผู้คุมกฎหนึ่งยุค สิ้นชีพลงด้วยค้อนใหญ่

…..

เมื่อเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้สิ้นชีพลง แท่นบวงสรวงอริยะที่เสียพลังฤทธิ์ค้ำยันไปก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

เส้นทางมิติเปล่งแสงวาววับ ส่งเสียงดังสนั่น เหมือนมีคนคิดจะฝืนบุกฝ่าเข้ามา แต่สุดท้ายฟ้าดินส่งกฎเกณฑ์ลงมา กำราบทุกสิ่งอย่าง แม้แต่เส้นทางมิติยังเสถียรภาพขึ้นทีละนิด กลับมาสงบนิ่ง

“เจ้าเด็กสมควรตาย กล้าทำลายแผนการเผ่าวิญญาณร้ายข้า! เก่งจริงก็เข้ามา ข้าจะฉีกเจ้า!”

เสียงคำรามแหลมเล็กดังมาจากในเส้นทางมิติ ทำให้คนขนพองสยองเกล้า อกสั่นขวัญหาย!

เสียงนั้นแหลมคมแสบหู เต็มไปด้วยพลังกระชากจิตวิญญาณคน

แค่เสียงก็ทำลายจิตวิญญาณผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้

นั่นคือผู้แข็งแกร่งสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้าย มีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงที่สุด

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่อาจทะลวงออกจากเส้นทางมิติ ได้แต่คำรามบ้าคลั่ง!

ต่างแดนกับห้าดินแดนมีปราการมิติ หากไม่ใช้วิธีลับพิเศษก็จะข้ามมาไม่ได้

เมื่อเห็นภาพนี้ พวกหวังเสินซวีพลันถอนหายใจโล่งอก

ดีที่เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ตายแล้ว หากให้ผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายเข้ามายังโลกนี้จริงๆ ได้เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน!

มองจากกลิ่นอายพลังนี้ นั่นคือวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียน พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!

พอได้ยินเสียงคำรามของวิญญาณร้ายต่างแดน เสิ่นเทียนเลิกคิ้วขึ้น “ข้าก็อยากจะรู้นักว่าวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนจะแกร่งเพียงใดกัน”

เขายังไม่ทันอุ่นมือเลย เจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้ก็ตายแล้ว ไม่สนุกเลยสักนิด

ตอนนี้ยังมีวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนอีก เสิ่นเทียนจะพลาดไปได้อย่างไร

เสิ่นเทียนเปล่งแสงเทพสีทองทั้งตัว ร่างขยายใหญ่ขึ้น สูงหมื่นจั้ง ค้ำยันฟ้าดิน!

เขาสำแดงวิชาต่อฟ้าดิน กลายเป็นคนยักษ์ไร้พ่าย พุ่งเข้าใส่เส้นทางมิติ!

อะไรกัน

พวกหวังเสินซวีเบิกตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง!

สหายเสิ่นเจ้าจะทำอะไร

พุ่งเข้าช่องทางมิติ ไปสู้กับผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายรึ

ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! ไม่กระมัง!

มีการวางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้ด้วยรึ

พี่ใหญ่ นั่นวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนนะ

ท่านอย่าโหดนักได้หรือไม่!

…..

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนพุ่งเข้าไปในช่องทางมิติ มีเสียงตกใจระคนมึนงงแว่วมา

เสิ่นเทียนใช้เตาหลอมเทพสุริยะค้ำฟ้าไว้ กระตุ้นไฟแท้สุริยะมหาศาลผลาญเส้นขอบฟ้า กลืนกินท้องนภา!

บึ้ม!

ดาบชั่วร้ายยักษ์ปะทะกับเตาหลอมเทพสุริยะ เกิดพลังเทพถาโถมออกมาไม่มีสิ้นสุด!

หมอกดำไหลเชี่ยว ประกายไฟแตกกระเซ็น

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ถูกประกายไฟกลืนกิน!

เตาหลอมเทพสุริยะแผ่อานุภาพจักรพรรดิ แผ่พลังมหาศาล กำราบฟ้าดินแห่งนี้!

ทันใดนั้นเอง ไฟเทพมหาศาลพุ่งออกมา เผาทำลายฟ้าดิน ปกคลุมวิญญาณร้ายต่างแดนไว้ทั้งตัว

เตาหลอมเทพสุริยะพุ่งลงมาจับเขาไว้ในเตาหลอมเทพ ไฟแท้สุริยะมากมายโหมซัดสาดไม่หยุด

เสิ่นเทียนพุ่งขึ้นฟ้า เหมือนเทพเจ้าผู้กุมดวงตะวัน กระตุ้นเปลวไฟมหาศาลให้พุ่งเข้าไปในเตาหลอมเทพสุริยะ สังหารวิญญาณร้าย!

เสียงร้องดังสนั่น ประกายไฟลั่นฟ้า!

เสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังมาจากในเตาหลอมเทพไม่หยุด เหมือนกำลังรับความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายได้!

เมื่อเห็นภาพนี้ หวังเสินซวีตาพร่ามัว จิตใจโคลงเคลง

นี่คือจินตนาการพวกเขาไปแล้ว เหมือนกับเห็นผี!

นี่คือกำลังรบของสหายเสิ่นรึ

พวกเขายังสู้แทบเป็นแทบตายกับเจ้าอริยะอยู่เลย

แต่สหายเสิ่นไม่ใช่แค่สังหารมหาอริยะสิบเอ็ดด่านเคราะห์ได้ แม้แต่วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนยังแขวนทุบตีได้!

เทียบกับสหายเสิ่นแล้ว พวกข้ามันเหมือนขยะ!

หวังเสินซวีกับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อมองหน้ากัน จิตใจยากจะกล่าวได้

…..

ตึงๆๆ!

ตอนนี้เองมีเสียงดังสนั่นมาจากรอบนอก!

ที่นี่เดิมทีถูกเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้วางผนึกสูงสุดไว้ คนธรรมดาทำลายไม่ได้เลย

แต่เมื่อเจ้าผู้คุมกฎเจิ้นอวี้สิ้นชีพลง ถาดล่ามโลกแตกกระจาย ผนึกก็หายตามไป

ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนบุกเข้ามา!

นั่นคือโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาเช่นฉีเซ่าเสวียน สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์และบุตรพุทธะขู่ตัว!

ก่อนหน้านี้พวกเขาหารือกับพวกหวังเสินซวีแล้วว่าจะคอยสนับสนุนอยู่รอบนอก แต่จู่ๆ ก็ปรากฏยอดค่ายกลขึ้นที่นี่ ผนึกมิตินี้ไว้

ทุกคนรู้สึกแปลกๆ คิดว่าพวกหวังเสินซวีถูกลอบโจมตี

พวกเขาจึงแจ้งข่าวราชวงศ์เซียนต้าฮวงเพื่อขอกำลังเสริมทันที ขณะเดียวกันยังออกมือทำลายผนึกไปเรื่อยๆ

ด้วยพลังของพวกเขา พยายามอยู่นานมากก็ยังไม่เป็นผลเลย จนกระทั่งเมื่อผนึกอ่อนกำลังลง ทุกคนถึงทำลายผนึกสำเร็จ ชักช้ามาสายกัน!

เมื่อเห็นภาพนี้ พวกเขาต่างหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรง

เพราะที่นี่ถูกปกคลุมด้วยหมอกดำมหาศาล เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายและแหลมคม ทำให้คนขนหัวลุก

“กลิ่นอายพลังนี้…เป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าวิญญาณร้ายแน่นอน! ไม่อยากเชื่อว่าเผ่าวิญญาณร้ายจะวางกับดักไว้ที่นี่ ดูท่าพวกสหายเสิ่นคงอยู่ในอันตรายแล้ว”

บุตรพุทธะขู่ตัวมีสีหน้าจริงจัง กลิ่นอายพลังนี้น่ากลัวยิ่งนัก ทำให้คนใจสั่นไหว

ทุกคนอยู่แค่รอบนอก ก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพลังชั่วร้าย!

หมอกดำแผ่กระจายความชั่วร้ายที่แข็งแกร่งสุดขีด ทำให้คนที่มีสติปัญญาค่อนข้างต่ำสับสน

ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ต้านไว้ได้ไม่นานนัก หลงทางไป

นี่คือพลังที่กระตุ้นมาจากวิญญาณร้ายสูงสุด ถึงได้แกร่งขนาดนี้!

…..

แต่จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กมาจากหมอกดำ ได้ยินแล้วถึงกับขนหัวลุก

ขู่ตัวจิตใจสั่นระริก “เสียงนี้…ไม่น่าใช่พวกสหายหวังกำลังถูกวิญญาณร้ายทรมานหรอกกระมัง!”

เสียงร้องน่าเวทนา เหมือนกำลังทุกข์ทรมานไม่มีสิ้นสุด

“พวกเรารีบไปช่วยเร็ว!”

ฉีเซ่าเสวียนพูดอย่างจริงจัง ง้าวมังกรสวรรค์ลอยอยู่ในมือ ไอม่วงวนเวียนรอบกาย ขยับแสงวูบไหวไปรอบๆ!

เขาเป็นเมล็ดพันธุ์อันดับหนึ่งผู้ชิงที่หนึ่งใต้ฟ้า ย่อมมีพรสวรรค์ดูถูกไม่ได้ พลังบำเพ็ญถึงอริยะแท้หกด่านเคราะห์แล้ว

เมื่อระเบิดพลังทั้งหมด ฉีเซ่าเสวียนยังสังหารเจ้าอริยะได้

ดังนั้นเขาจึงจะพุ่งเข้าไปช่วยพวกหวังเสินซวี

โอรสสวรรค์รอบกายเขาต่างทยอยกันระเบิดพลังแก่กล้า

กลิ่นอายพลังของสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าฉีเซ่าเสวียนเท่าไร พลังบำเพ็ญบรรลุอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์

เพราะพวกเขาเคยกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า คุณสมบัติกายและพรสวรรค์ผลัดเปลี่ยนไปสูงสุด

ส่วนโอรสสวรรค์คนอื่นแม้จะอ่อนแอไปบ้าง แต่ก็ทะลวงระดับอริยะเช่นกัน

ในนั้นยังมีการคงอยู่ที่แกร่งกว่า นั่นคือเทพธิดาชิงเยวี่ย ตอนนี้นางทะลวงเจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์ เป็นคนที่มีพลังบำเพ็ญสูงสุด!

เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้าย เทพธิดาชิงเยวี่ยเพ่งสายตามองเล็กน้อย เรียกกงล้อทองจันทราออกมา เตรียมจะปราบศัตรู

เมื่ออาวุธเซียนระดับสูงสุดนี้ปรากฏ พลันระเบิดอานุภาพน่ากลัวออกมา เหมือนจะฟันฟ้าดินขาดเป็นสองส่วน!

แสงจันทร์วนเวียน สุกสกาวสมบูรณ์แบบ และยังมาพร้อมกับพลังโจมตีที่มีความเฉียบคมสูงสุด

โอรสสวรรค์คนอื่นเตรียมพร้อมรบอย่างเต็มที่ พร้อมจะพุ่งเข้าหมอกดำ

…..

ทุกคนมีแววตาจริงจัง อดภาวนาในใจมิได้

สหายหวัง อย่าตายล่ะ!

พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน