บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 465

บทที่ 465 บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กลับมาแล้ว!

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกหวังเสินซวี เตรียมจะบุกเข้าไปช่วยพวกเขา

แต่ไม่รู้เลยว่าสามคนนี้กำลังกอดเมล็ดแตง ดูละครสนุกอยู่

…..

หมอกดำโดยรอบไหลหลาก พลังเชี่ยวกราก ปกคลุมพื้นที่นี้ไว้

นี่ไม่ใช่แค่พลังชั่วร้าย แต่ยังเป็นยอดค่ายกลสูงสุดที่วิญญาณร้ายต่างแดนวางไว้

เขาใช้พลังชั่วร้ายเหนี่ยวนำ ฟ้าดินเป็นรากฐาน วางยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิต

หมอกดำชั่วร้ายถึงที่สุด แฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้ายสูงสุด เหมือนเหวลึกสูบกินโลหิตบริสุทธิ์และพลังชีวิตไปเรื่อยๆ

สาวกลัทธิวิญญาณร้ายที่นี่ตายไปนานแล้ว ถูกหมอกดำกลืนกินพลังชีวิต กลายเป็นโลหิต ไม่เหลือแม้แต่ศพ

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายที่เหลือรอดพวกนั้นถูกหมอกดำหลอมละลายไปเรื่อยๆ กลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ก้อนหนึ่ง

พื้นดินแตกระแหง ต้นไม้พืชดอกเหี่ยวเฉา เสียพลังชีวิตไปทั้งหมด

โลกนี้เหมือนกับนรกไร้พรมแดน จะถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์

วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนนั้นใช้ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตกลืนกินฟ้าดิน ดูดซับพลังชีวิตมากมายมาเสริมพลังให้ตนเอง

หมอกดำหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ มืดมิดไร้แสงสว่าง แผ่พลังน่ากลัวออกมา

ผู้อริยะปกติก้าวไปในนั้นจะยืนหยัดได้ไม่นานเลย ต้องถูกกลืนกินหลอมละลาย

ต่อให้เป็นมหาอริยะอยู่ที่นี่ก็ต้องถูกกลืนกินแก่นพลังสำคัญ พลังปราณเดิมบาดเจ็บหนัก

นี่คือกลอุบายสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้าย สังหารสิ่งมีชีวิตได้มากมาย

เมื่อเห็นภาพนี้ พวกหวังเสินซวีต่างเย็นแผ่นหลัง พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวในนั้น ไม่กล้าสัมผัสเลยแม้แต่นิด

ดีที่พวกเขาถูกแสงเทพร้อนแรงปกคลุมไว้ พลังชั่วร้ายรุกรานเข้ามาไม่ได้

นี่คือกลอุบายที่เสิ่นเทียนให้ไว้ปกป้องพวกเขา ไม่เช่นนั้นด้วยพลังน่ากลัวของหมอกชั่วร้าย สามคนคงต้านไม่ไหว

ตรงหน้าพวกเขาเป็นเตาหลอมเทพสุริยะขวางห้วงอากาศ เพลิงเทพหมื่นสาย เปล่งแสงสว่างฟ้าดิน ปกคลุมท้องนภา

ไฟแท้สุริยะยิ่งใหญ่มาไม่ขาดสาย สว่างพร่างพราว ใช้พลังแห่งหยางที่แข็งกร้าวที่สุดชะล้างฟ้าดิน

หมอกดำสัมผัสไฟแท้สุริยะจะหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนหิมะเจอไฟ ไม่อาจต่อต้านได้

เหนือเตาหลอมเทพ กฎเกณฑ์มากมายพุ่งขึ้นฟ้า พลังถาโถมฟ้าดิน ยิ่งใหญ่เกรียงไกร

พลังงานพวกนั้นแผ่มาจากการต่อสู้ระหว่างเสิ่นเทียนกับวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียน

เสิ่นเทียนใช้เตาหลอมเทพสุริยะกำราบ บังคับลากวิญญาณร้ายเข้าไปในเตาหลอม ใช้ไฟแท้สุริยะปราบ

เมื่ออยู่ในเตาหลอมเทพสุริยะ พลังวิญญาณร้ายต่างแดนจะแพ้ทางอย่างรุนแรง ยากจะต้านเสิ่นเทียนไหว

เสียงดังสนั่นแว่วมา เป็นเสียงโลหะกระแทกกายเนื้อ ใครที่ได้ยินเป็นต้องใจหนาวสั่น

พวกหวังเสินซวีมีสีหน้าตื่นเต้นเร้าใจ

แม้พวกเขาจะไม่เห็นภาพในนั้น แต่แค่ฟังเสียงก็คาดเดาสถานการณ์รบได้

ไม่ต้องคิด จะต้องเป็นสหายเสิ่นที่เหนือกว่า กำลังทุบตีวิญญาณร้ายแน่นอน!

ไป๋ตี้ไม่รู้หยิบดอกทานตะวันอริยะดอกหนึ่งมาจากที่ใด ปอกออกมาเป็นเมล็ดทานตะวันอริยะใสแวววาวและเอ่อล้นไปด้วยพลังชีวิตเข้มข้น

มันกะเทาะเมล็ดพลางพูดขึ้น “พวกเจ้าว่า เจ้าหนูเสิ่นจะใช้เวลานานเท่าไรจัดการวิญญาณร้ายเตรียมเซียนนั่น”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อลูบคาง จากนั้นแย่งเมล็ดทานตะวันอริยะกองใหญ่มาจากมือไป๋ตี้ ทำให้ไป๋ตี้ร้องเสียงดังโวยวายด้วยความโกรธ

“แม้ศิษย์น้องจะมีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่นั่นก็เป็นวิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียน จะดูถูกไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้กันสิบวันครึ่งเดือนกระมัง!”

การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งจะไปจบลงในระดับนาทีได้อย่างไร

มาถึงระดับอย่างพวกเขา หากสูสีกัน สู้กันสิบวันครึ่งเดือนก็ไม่มีปัญหาเลย เว้นแต่ศักยภาพจะต่างกันมาก กดขี่อยู่ฝ่ายเดียวถึงได้จบการต่อสู้รวดเร็วได้

…..

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อคิดว่าเสิ่นเทียนกำราบมหาอริยะได้ คงจะมีกำลังรบเตรียมเซียน

วิญญาณร้ายต่างแดนก็มีระดับเตรียมเซียนเช่นกัน ทั้งยังแกร่งกว่าเตรียมเซียนปกติ

มันมาจากต่างแดน ไม่ว่าจะกำลังแฝงเร้นหรือศักยภาพ ล้วนเหนือกว่าผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันในโลกมนุษย์

แน่นอนว่านั่นสำหรับผู้บำเพ็ญธรรมดาเท่านั้น หากเจอผู้บำเพ็ญที่มีพรสวรรค์ปีศาจ ต่อให้อยู่ระดับเดียวกันก็ต้องตาย

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อคาดการณ์ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ต้องรอคนหนึ่งพลังฤทธิ์หมดถึงจะหยุดลง

หวังเสินซวีส่ายหน้า พูดโต้แย้ง “ข้าว่าไม่กี่วันก็พอแล้ว! ไม่เห็นสหายเสิ่นเรียกอาวุธจักรพรรดิออกมารึ ยอดอาวุธสูงสุดนี้ จัดการลูกวิญญาณร้ายได้สบายๆ เลย”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าไม่ปฏิเสธ

เสิ่นเทียนมีกำลังรบน่ากลัว พวกเขาเห็นจนชินแล้ว ตกใจจนด้านชา

มีเสิ่นเทียนอยู่ นี่ทำให้แดนต้องห้ามวิญญาณร้ายที่สังหารมหาอริยะได้ไม่มีแรงกดดันใดๆ เลย

…..

“ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลา กินเมล็ดแตงก่อนเถอะ! ครั้งนี้ข้าขาดทุนยับเลย ต้องบำรุงหน่อย!”

เมื่อเอ่ยจบ หวังเสินซวีก็หยิบแตงใหญ่มาจากอกเสื้อ

แสงวิญญาณวนเวียน สดใหม่จะออกมาเป็นหยด ส่งกลิ่นหอมกระชากจิตวิญญาณคน

ในแตงใหญ่แฝงด้วยพลังชีวิตเข้มข้น บำรุงร่างกายได้ ฟื้นพลังชีวิตได้

หวังเสินซวีกอดแตงได้ก็แทะ กินอย่างมีความสุข

เขากินไปพลางฟื้นพลังชีวิตไปพลาง แม้แต่เส้นผมขาวยังหายไปหลายเส้น

เมื่อเห็นมีคนกินแตงใหญ่ ไป๋ตี้กับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อพลันมองเข้ามา

โดยเฉพาะไป๋ตี้ มันอดกลืนน้ำลายมิได้ เมล็ดทานตะวันในมือไม่หอมแล้ว

“เหอะๆ สหายหวัง ของเจ้านี่มันแตงอะไรกัน เหตุใดถึงหอมขนาดนี้ ให้ข้าน้อยลองชิมดูได้หรือไม่”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเดินเข้ามา ถูมือสองข้าง ทำหน้ากระหาย

“พวกเจ้าจะทำอะไร”

หวังเสินซวีซ่อนแตงไว้ข้างกายทันที “นี่เป็นยาบำรุงของแซ่หวัง หากพวกเจ้าอยากกิน ก็ไปหาเจ้าหนูฉีจ้านเอง อย่ามาหวังจากข้า สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ แซ่หวังยิ่งมีน้อยๆ อยู่!”

แตงนี้เป็นผลไม้วิญญาณฟ้าครามล้ำค่าของเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง

แม้แต่อาจารย์สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยยังกระหายในสิ่งนี้ เป็นผลไม้วิญญาณระดับโอสถศักดิ์สิทธิ์

หลังจากหวังเสินซวีได้ทราบข่าวก็ไปหลอกฉีจ้านอยู่หลายวันถึงได้มาสองสามผล

เมื่อเห็นเยวี่ยอวิ๋นเต๋อกับไป๋ตี้ทำหน้ากระหาย จะขอกินแตง หวังเสินซวีย่อมปฏิเสธ

“เหอะๆ นี่ไม่ขึ้นอยู่กับเจ้านะ รีบส่งแตงมา ไม่เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองหมัดเทพอหังการของข้า!”

ไป๋ตี้ถูกำปั้นก่อนเดินไปทางหวังเสินซวี

“สารเลว คิดจะปล้นกันรึ”

หวังเสินซวีร้องเสียงดัง รีบกระโดดขึ้น

มีแต่เขาที่แย่งของคนอื่นมาตลอด ยังไม่เคยมีใครแย่งของเขา!

“สหายหวังหนอสหายหวัง ด้วยศักยภาพของเจ้าตอนนี้ สู้พวกเราไม่ได้หรอก”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อยิ้มชั่วร้าย มาปรากฏตัวอีกด้าน ขวางทางหนีของหวังเสินซวี

“หึ พวกเจ้าอย่าหวังเลย! ข้ายอมตายไม่ยอมแพ้!”

หวังเสินซวีกอดแตงไว้แน่น จิตใจแน่วแน่

เรื่องให้แตงก็ไม่มีทาง ชีวิตนี้ไม่มีทางให้แตงเด็ดขาด!

“อย่างนั้นรึ กินหมัดของข้า!”

ไป๋ตี้พุ่งเข้าไป ควงหมัดเต่ายักษ์ จะแย่งผลวิญญาณฟ้าคราม!

อีกด้านหนึ่ง เยวี่ยอวิ๋นเต๋อออกมือเช่นกัน เรียกยันต์ออกมาจุดและโยนใส่หวังเสินซวี!

“หยุดๆๆ ข้าให้ ข้าให้แล้วยังไม่พอใจอีกรึ”

หวังเสินซวีร้องเสียงดัง อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

ด้วยศักยภาพของเขา ต่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็อาจจะสู้สองคนนี้ไม่ได้ มิหนำซ้ำตอนนี้ยังตัดอายุไปเก้าส่วน กำลังรบเต็มสิบเหลือไม่ถึงหนึ่ง

ขืนดื้อดึงต่อไป จะต้องถูกทุบตีแน่นอน!

เจ้าสองคนนี้ไม่ใช่คนดีเลย!

เขาเลยได้แต่มอบผลวิญญาณฟ้าครามออกไปด้วยความจำใจ แบ่งให้กับทุกคน

แต่เขากลับมุมปากกระตุกด้วยความปวดใจ

มารดาเถอะ!

ไม่นึกเลยว่าจะเจอกับเจ้าบ้าสองคนนี้ รู้จักแต่ทำร้ายแซ่หวัง

…..

ทันใดนั้นเองมีเสียงดังสนั่นมาจากโลกภายนอก มีพลังเทพจู่โจมใส่หมอกดำเรื่อยๆ หมายจะทำลายมัน

เมื่อเห็นภาพนี้ หวังเสินซวีตาเป็นประกาย

“พวกสหายมากันแล้ว!”

สามคนรีบพุ่งทะยานไปนอกหมอกดำ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ นอกหมอกดำเป็นโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพายืนอยู่กลุ่มหนึ่ง

โอรสสวรรค์พวกนี้ล้วนเป็นสหายสนิทของเสิ่นเทียน หลังจากเสิ่นเทียนหายตัวไปจึงตั้งกลุ่มเล็กขึ้น ในนั้นมีหลายคนเคยกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า มีพรสวรรค์เรียกได้ว่าเหนือธรรมดา

พวกเขาออกมือพร้อมกัน กวนหมอกดำจนพลิกฟ้าพลิกดิน

ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์กวาดไปรอบๆ

ไอม่วงพวยพุ่งขึ้น เปล่งแสงม่วงหมื่นจั้ง ทะลวงหมอกดำแตกเป็นรูใหญ่ ทำลายล้างเป็นวงกว้าง

สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ก็ทยอยกันออกมือเช่นกัน

จางอวิ๋นซีระเบิดพยัคฆ์ขาวอัสนีหมื่นจั้งข้างหลัง คำรามฟ้าดิน ทำลายกฎเกณฑ์แตกกระจาย

ฟางฉางกลายเป็นคนยักษ์หมื่นจั้ง ผิวกายเปล่งแสงเทพปัญจธาตุ

ปรากฏการณ์กิเลนผนึกแดนกลางลอยขึ้น กำราบจักรวาลหนึ่งทิศ

จางอวิ๋นถิงดีดพิณเทพ ยิงเสียงเร้นลับงดงามออกไป แต่กลับเหมือนเพลงสงครามสังหารที่มีการจู่โจมสูงสุด ทำลายล้างห้วงอากาศ!

จ้าวเฮ่าพุ่งทะยานขึ้น แปลงเป็นวิหคชาดเพลิง

เขาคุมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าวิหคชาดธาตุไฟลำดับสองมหาศาลจู่โจมใส่ฟ้าดินแห่งนี้จนสั่นสะเทือน

หลังสี่คนพลังบำเพ็ญทะลวงอริยะแท้ ศักยภาพก็เพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า

ทุกการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าเจ้าอริยะ!

……

โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาคนอื่นออกมือเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งทุกคนออกมือพร้อมกัน

ต่อให้เป็นหมอกดำที่วางโดยวิญญาณร้ายเตรียมเซียนก็แทบจะแตกกระจาย

ถึงอย่างไรวิญญาณร้ายก็ไม่ได้คุมค่ายกลนี้ แต่ถูกกระทืบอยู่ในเตาหลอมเทพสุริยะ

หมอกดำที่นี่เหมือนบ่อเกิดไร้ราก ใช้เวลาไม่นานก็ถูกทำลายลง

คนพวกนี้ยังไม่ได้มีศักยภาพที่แกร่งที่สุด

ร่างระหงหนึ่งก้าวออกมา รอบกายเปล่งแสงจันทร์สว่างจ้า

จันทร์เงินสิบสองดวงคับฟ้า ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบ

นางเหมือนเซียนหญิงในพระราชวังสวรรค์ ไม่ควรมาปรากฏในโลกมนุษย์ แค่โบกมือก็ฟันทำลายอากาศ ท้องนภาพังทลายลง

คนนี้คือเทพธิดาชิงเยวี่ย

เหมือนรู้สึกว่าช้าเกินไป เทพธิดาชิงเยวี่ยกางชุดคลุมคราม แสงจันทร์ในกายพลันส่องสว่าง!

ชิ้ง!

กงล้อทองจันทราส่งเสียงร้อง ยิงแสงเรืองรองหมื่นจั้ง สุกสกาวไร้ที่ติ แต่กลับแผ่พลังอำนาจที่น่ากลัวสุดขีด

อาวุธเซียนระดับสูงสุดกงล้อทองจันทราระเบิดพลังโจมตีไร้ที่สิ้นสุด

หวังเสินซวีเห็นภาพนี้แล้วขนหัวลุก

หัวใจเขากำลังสั่นไหว อดพึมพำมิได้

“มารดาข้าเถอะ ต้องโหดขนาดนี้เลยรึ มาถึงก็ใช้อาวุธเซียนสูงสุดเลย แบบนี้จะดีจริงๆ หรือ ข้ารู้สึกว่าท่านไม่ได้จะผ่าหมอกดำ แต่จะผ่าพวกเราไปด้วยกันต่างหาก!”

พวกหวังเสินซวีรีบวิ่งออกมาก่อนตะโกนเสียงดัง “ทุกคนหยุดมือ พวกเดียวกันๆ!”

พอเห็นหวังเสินซวีออกมา ทุกคนก็ทำหน้าสงสัย

“สหายหวัง เจ้าถูกทุบตีอยู่ไม่ใช่รึ”

ขู่ตัวทำหน้างุนงง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน