บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 466

บทที่ 466 ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่คู่ควร!

จางอวิ๋นซีกำลังซบอกเสิ่นเทียนเงียบๆ เสพความอบอุ่นที่มีเฉพาะเขา

แต่ตอนนี้เอง หวังเสินซวีก้าวออกมา เอ่ยขึ้น “สหายเสิ่น เจ้าจะลำเอียงไม่ได้นะ จะกอดนางเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หน้าตางดงามไม่ได้ แซ่หวังก็อยากจะกอดเหมือนกัน! ไม่อย่างนั้น เราสามคนมากอดด้วยกันดีหรือไม่”

เมื่อพูดจบ หวังเสินซวีก็กางสองแขน เดินไปหาเสิ่นเทียน

“ไปให้พ้น!”

“ไปให้พ้น!”

เสิ่นเทียนกับจางอวิ๋นซีพูดแขวะอย่างไม่ชอบใจ เจ้านี่อยู่ไม่สุขเลยจริงๆ

“ก็ได้!”

หวังเสินซวีถอยไปด้วยใบหน้าเก้อเขิน เขาเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น

หลังผ่านเรื่องก่อกวนจากหวังเสินซวี จางอวิ๋นซีก็ได้สติกลับมาเช่นกัน

นางถอยมาจากอ้อมอกเสิ่นเทียนช้าๆ ใบหน้างามแดงเรื่อ

แต่จากนั้นนางก็แอบกัดฟัน ทำเสียงหึในใจ

ต้องโทษเจ้าเด็กเหม็นโฉ่นี่ มาทำเสียบรรยากาศดีๆ หมด ไม่เช่นนั้นข้าคงได้อยู่ในอ้อมกอดศิษย์น้องนานอีกกว่านี้อีกหน่อย

ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งคิดยิ่งโกรธ!

จางอวิ๋นซีถลึงตามองหวังเสินซวีทีหนึ่ง “สหายหวัง ข้าว่าเจ้ามีสีหน้าดีมากเลย พลังบำเพ็ญคงจะก้าวหน้าไปบ้าง วันนี้ข้าจะประลองกับเจ้าหน่อยแล้วกัน!”

เมื่อเอ่ยจบ จางอวิ๋นซีก็ระเบิดอัสนีเทพธาตุทองไม่มีสิ้นสุดมาจากในกาย ก่อนจะเดินไปทางหวังเสินซวีด้วยท่าทีดุดัน

ทุกคนได้ยินดังนั้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย

สภาพหวังเสินซวีจะลงดินนั่นเรียกว่ามีสีหน้าดีรึ

ไม่มีใครกล้าออกมาพูดให้หวังเสินซวีในตอนนี้

จางอวิ๋นซีกำลังโมโห หากล่วงเกินนาง พวกเขาคงโดนไปด้วย!

ทุกคนหันหลังกลับเงียบๆ เริ่มสวดภาวนาให้หวังเสินซวีในใจ

สหายหวัง เจ้าล่วงเกินใครไม่ว่า ดันไปล่วงเกินหญิงคนนี้รึ

เจ้าก็สวดภาวนาให้ตัวเองด้วยเถอะ ขอให้ปลอดภัย!

……

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกรัว ทำหน้ามึนงง

อะไรกัน

พี่หญิงใหญ่ เจ้ามีเหตุผลได้หรือไม่

ท่านจะทุบตีข้า ดีเลวอย่างไรก็หาเหตุผลที่มันดีๆ หน่อย!

มีอย่างที่ไหนรังแกคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

หวังเสินซวีเกิดความขมขื่นในใจ ตอนนี้เขาเข้าใจหลักการหนึ่งแล้ว

สตรีล่วงเกินไม่ได้!

โดยเฉพาะหญิงพยัคฆ์แก่ ยิ่งล่วงเกินไม่ได้!

“พี่หญิงใหญ่ ข้าผิดไปแล้วพี่หญิงใหญ่! เจ้าอย่าสนใจคำพูดข้าเลย!”

หวังเสินซวีรีบอ้อนวอน ด้วยสภาพเขาตอนนี้ ต้านการรัวทุบตีของจางอวิ๋นซีไม่ได้เลย

“เจ้ากำลังสอนข้าอยู่รึ”

จางอวิ๋นซีทำเสียงขึ้นจมูก คุมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าจู่โจมใส่หวังเสินซวี

หวังเสินซวีร้องว๊ากเสียงดัง “อย่า! สหายเสิ่นช่วยข้าด้วย!”

เขาวิ่งหนีไป กระโดดขึ้นลง รีบหลบการโจมตี

จางอวิ๋นซีไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ อยู่แล้ว เคลื่อนอัสนีเทพมากมายไล่จู่โจมใส่ก้นเขา!

เวลานี้เกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงร้องน่าสงสารดังไม่ขาดสาย

…..

หลังจากสองคนก่อเรื่องกันแล้ว บรรยากาศก็เบาสบายขึ้น

เสิ่นเทียนมองไปรอบๆ พบว่าคุ้นหน้าคนส่วนใหญ่

พวกเขาล้วนเป็นโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์สุดยอดในดินแดนบูรพาเมื่อร้อยปีก่อน

ทุกคนมีกลิ่นอายพลังหนาแน่น มหาศาลยากจะคาดเดา เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่ฝ่าเคราะห์เป็นผู้อริยะแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนอดถอนหายใจมิได้ “ดูท่าร้อยแปดสิบปีมานี้ ทุกคนคงหมั่นเพียรกันน่าดู!”

การฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะในราวๆ สองร้อยปี เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์

มองไปตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ มีน้อยคนนักที่จะบรรลุขอบเขตนี้

“เป็นเพราะสหายเสิ่นต่างหาก!”

ทุกคนยิ้มแย้ม ป้องมือพูดด้วยความเคารพ

โอรสสวรรค์สุดยอดพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นมิตรกับเสิ่นเทียน ได้รับโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

คุณสมบัติกายพรสวรรค์พวกเขาสูงยิ่ง ทักษะการตระหนักรู้เพิ่มขึ้นมาก ผนวกกับยุคแห่งการแย่งชิงทำให้พลังวิญญาณหนาแน่น กฎเกณฑ์ชัดเจน

ไม่นานทุกคนก็หลอมรวมฤทธิ์ยาโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าได้ส่วนใหญ่ พลังบำเพ็ญพุ่งพรวดขึ้น

ส่วนโอรสสวรรค์ที่ไม่ได้กินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าก็ได้บารมีจากเสิ่นเทียนเช่นกัน

เนื่องจากมหาเคราะห์ภัยมาเยือน ขุมอำนาจทั้งห้าดินแดนต่างตึงเครียด คิดหาทางสร้างผู้แข็งแกร่งในเวลาอันสั้นให้มากที่สุด

ดังนั้น แดนผาสุกบำเพ็ญทุกแห่งในห้าดินแดนจึงเริ่มเปิดต่อภายนอก เสนอการฝึกฝนให้กับโอรสสวรรค์ห้าดินแดน

ในนั้นมีแดนผาสุกบำเพ็ญที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นั่นคือหอคอยเทพสงครามของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

หอคอยนี้ตกมาจากโลกเซียน เก่าแก่และคงอยู่มานาน แฝงไว้ด้วยมรดกมากมาย เป็นดินแดนฝึกฝนสูงสุด

ในหอคอยเทพสงคราม พวกเขาจะได้สู้กับเงาสะท้อนโอรสสวรรค์โลกเซียน ได้ชื่นชมท่วงท่าสง่างามของผู้แข็งแกร่งในยุคต่างกัน ได้ตระหนักวิชาลับมรดกโลกเซียน

เพียงแต่หอคอยเทพสงครามเก็บค่าเข้าแพงมาก คนมากมายต่างหยุดชะงัก

โอรสสวรรค์พวกนี้ที่เป็นมิตรกับเสิ่นเทียน หอคอยเทพสงครามจะลดข้อจำกัดให้พวกเขาเป็นพิเศษ ลดค่าเข้าลงอย่างมาก

ดังนั้น พวกเขาจึงได้สู้กับเงาสะท้อนโอรสสวรรค์โลกเซียนในหอคอยเทพสงครามอย่างเต็มที่

เวลาร้อยแปดสิบปีก็มากพอจะทำให้ทุกคนเติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีกำลังรบแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่นบุตรพุทธะขู่ตัวแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี

เขาเคยสู้กับโอรสสวรรค์โลกเซียน ตระหนักรู้คัมภีร์โพธิ สำเร็จอรหันต์ในทันที

แม้ขู่ตัวจะไม่ได้กินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า แต่ศักยภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์เท่าไร

พลังบำเพ็ญเขาถึงจุดสูงสุดผู้อริยะสามด่านเคราะห์ ห่างจากอริยะแท้เพียงก้าวเดียว

กำลังรบของขู่ตัว ผนวกกับคัมภีร์โพธิสูงสุด ต่อให้เป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ก็มีกำลังสู้ได้

และยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน เดิมทีเขาอยู่อันดับสี่รายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา ถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์เช่นกัน!

แต่เนื่องจากเมื่อก่อนเฉินจงเทียนเป็นศัตรูกับเสิ่นเทียน จึงทำให้ดวงจิตดรุณแตก บ่อเกิดเสียหาย พลังบำเพ็ญลดลงพันจั้ง

เขาแทบจะพิการไปเลย ถูกชนรุ่นหลังมากมายแซงหน้า

สุดท้ายเฉินจงเทียนเลือกผูกมิตรกับเสิ่นเทียนตามฉีเซ่าเสวียน

เขาได้รับสวัสดิการจากหอคอยเทพสงครามเช่นกัน พลังบำเพ็ญทะลวงผู้อริยะเคราะห์แรกเพราะเหตุนี้

ดังนั้น ทุกคนจึงซาบซึ้งใจในตัวเสิ่นเทียนมาก

……

เสิ่นเทียนยิ้ม “ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ทุกคนเปลี่ยนไปมากเลย”

ร้อยกว่าปี สำหรับคนธรรมดาแล้วยาวนานมาก!

แต่ผู้อริยะมีอายุขัยหมื่นปี ร้อยกว่าปีเป็นเพียงก้าวแรก

หลังจากผ่านช่วงเวลาไปนานขึ้น โอรสสวรรค์เยาว์วัยในตอนแรกเติบใหญ่แล้ว กลายเป็นสุขุมสุกงอม

เทียบกับเมื่อร้อยปีก่อน ต่างกันอย่างมาก!

ฟางฉางแบะปาก “เจ้าพวกนี้ แต่ละคนกลายเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตัวเอง จะไปเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไร!”

ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่มีประเพณีคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนทุกร้อยปี เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนทุกพันปี

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่ในที่นี้ล้วนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นสิบของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่

พวกเขาดำรงตำแหน่งมาร้อยปี ถึงช่วงเลือกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พอดี

เนื่องจากพรสวรรค์และพลังบำเพ็ญของโอรสสวรรค์ยุคนี้เหนือกว่าในอดีต คนมากมายโดดเด่นกว่าใคร จึงได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

อย่างเช่นหวังเสินซวี ฉีเซ่าเสวียน บุตรพุทธะขู่ตัวและเฉินจงเทียนเป็นต้น ต่างก็ได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของตน

เสิ่นเทียนตกใจเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือใครกัน”

ตามหลักแล้ว เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นสุดท้าย ได้เข้าคัดเลือกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกัน แต่เขาปิดด่านบำเพ็ญในกระดานหมากฟ้าขุ่นมาร้อยแปดสิบปี พลาดโอกาสนี้ไปแล้ว

เสิ่นเทียนแปลกใจนิดๆ ว่าศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนใครจะได้รับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ฟางฉางส่ายหน้า “รุ่นนี้ไม่มีใครรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ อีกทั้งอาจารย์ยังกำกับดูแลทั้งหมด!”

“เพราะอะไรกัน”

เสิ่นเทียนแปลกใจ สืบทอดประเพณีมาไม่รู้กี่ปี เหตุใดถึงไม่ยึดถือต่อไป

“เพราะพวกเรากำลังรอศิษย์น้องกลับมา! ศิษย์น้องมีความสามารถเป็นหนึ่ง พรสวรรค์สูงสุด ทั้งยังสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยิ่งใหญ่ พวกเราจึงเห็นตรงกันว่ามีเพียงศิษย์น้องที่มีคุณสมบัติรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเดินเข้ามาพูดด้วยใบหน้าจริงใจ

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็แอบแขวะในใจ

มีใครไม่อยากเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บ้าง แต่ฐานะไม่อนุญาตจริงๆ!

ตามหลักแล้ว พลังบำเพ็ญกับกำลังรบของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อแกร่งที่สุดในบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่น!

แน่นอน ว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นนอกจากเสิ่นเทียน!

อีกทั้งเขายังเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก ก็ควรจะรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

แต่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เกินไป ก่อนหน้านี้ยังหลอกเขาไปทั่ว กลายเป็นศัตรูของสาธารณะ สร้างความโกรธแค้นทั่วกัน

ต่อให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะให้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสและศิษย์คนอื่นก็คงไม่เห็นด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน