บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 472

บทที่ 472 เมื่อพบเสิ่นเทียนทุกชีวิตเป็นต้องเข้าใจผิด!

สือเทียนจื่อระเบิดพลังอีกครั้ง ผิวกายปรากฏแสงเทพลอยขึ้นมา ร่างเป็นอักขระมหัศจรรย์ ไหลเวียนไปรอบกาย

แสงเทพสว่างจ้าปะทุออกมาและแผ่หมอกขมุกขมัว พลังเทพไม่มีสิ้นสุดพุ่งทะลัก หลอมรวมกับฟ้าดิน

เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ห้วงอากาศแตกกระจาย ทำให้กฎเกณฑ์ฟ้าดินพังทลายลงทั้งหมด

“สหายเสิ่น แซ่สือจะออกมือเต็มกำลังแล้ว!”

สือเทียนจื่อสูดลมหายใจเข้าลึก เคลื่อนไหวดั่งสายฟ้า คล่องแคล่วดั่งมังกร

เหมือนกับดาวตกลูกใหญ่ พลังดุดันจนน่าตกใจ!

ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์สร้างโลกมหึมา

พลังแห่งหยินหยางหมุนวนไหลมารวมกัน สุดท้ายสร้างเป็นรูปทรงโลกกว้างใหญ่ยิ่ง!

ในนั้น พลังแห่งดินน้ำลมไฟตัดสลับกัน กฎเกณฑ์มหามรรคไหลหลาก เหมือนฟ้าดินกำเนิดฟ้ากดอัดขึ้นไป!

สือเทียนจื่อควงหมัด ลำแสงกำปั้นเหมือนมังกรแท้รกร้าง ปราณโลหิตพุ่งขึ้นฟ้า

การโจมตีราวกับเหนี่ยวนำพลังแห่งฟ้าดิน มาพร้อมกับอำนาจเทพไม่มีสิ้นสุด ทำลายล้างภูผานที!

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย รอบกายเปล่งแสงดารา ก่อนจะเหนี่ยวนำพลังแห่งดาราตกลงมา!

ข้างหลังเขามีปรากฏการณ์น่ากลัวลอยขึ้นมาเช่นกัน

เสียงคำรามมังกรดังสนั่นฟ้า เสียงร้องหงส์ดังกึกก้อง แสงเทพมากมายพุ่งขึ้นฟ้า

มังกรเทพยักษ์คำราม ข้างหลังเป็นปีกหงส์บดบังฟ้าดินลอยขึ้นมา

ปีกหงส์กางออก ก่อพายุหมุนเทียมฟ้าขึ้น!

หงส์เทพร้อนระอุจุดเพลิงอมตะลุกโชตช่วง วนเวียนรอบกายมังกรหงส์ ประกายไฟส่องฟ้า ส่องสะท้อนฟ้าดิน

เสิ่นเทียนงุ้งห้านิ้วมือ หมอกวนเวียนหนาทึบ ก่อนพุ่งโจมตีไปด้วยพลังบดบังโลก น่ากลัวอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นสองคนปะทะกัน พริบตาเดียวออกหมัดเทพฟ้าขุ่นไปพันสามร้อยห้าสิบสองครั้ง พลังอำนาจน่ากลัวเหมือนจะทำให้ฟ้าดินพังทลายลง!

ห้วงอากาศถล่ม พังทลาย สุดท้ายแตกกลายเป็นซากปรักหักพัง

อากาศดับสลาย กฎเกณฑ์ปั่นป่วน

กระแสมิติปั่นป่วนน่ากลัวม้วนออกมากลืนกินสองคนไว้

แต่พวกเขาไม่สนใจ ยังคงสู้ต่อไปในกระแสมิติปั่นป่วนอันกว้างใหญ่

แสงสีดำขยับวูบวาบรอบกาย พลังอำนาจสะท้านฟ้า

กระแสมิติปั่นป่วนสีดำน่ากลัวอย่างยิ่ง แผ่พลังกระชากจิตวิญญาณคนออกมา

สองร่างเงาตัดสลับกันไม่หยุด ปะทะออกมาเป็นแสงเทพสว่างจ้า ส่องฟ้าดิน แสงมงคลสว่างเรืองรอง

สือเทียนจื่อเปล่งแสงทั้งตัว ดวงตาซ้อนทับปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระดูกจักรพรรดิโผล่ออกมา ระเบิดพลังน่าสะพรึง หมายจะทำลายนภาแห่งนี้

พลังของเขาบ้าอำนาจยิ่ง เหมือนเทพเจ้าสูงสุดโจมตีหมื่นโลก ทำให้ฟ้าดินต้องยอมศิโรราบ!

ระหว่างโบกมือห้วงอากาศก็สูญสิ้นไป ดวงดาราตกลงมา ทำให้กฎเกณฑ์ฟ้าดินสั่นสะเทือน เหมือนจะตัดขาด ดับสลายไปในที่นี้

ด้านตรงข้าม เสิ่นเทียนองอาจห้าวหาญ ชุดคลุมขาวเหนือธรรมดา แกว่งไกวตามสายลม ไม่ปนเปื้อนสิ่งธุลีใดๆ

เขายืนในกระแสมิติปั่นป่วน มั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน ไม่ว่าเจ้าจะโจมตีอย่างไร เขาใช้แค่หมัดเดียวทำลายได้!

สองคนสู้กันไม่หยุด ทุกหมัดจะทะลวงมิติ ทำลายท้องนภา กลิ่นอายพลังน่ากลัวถึงที่สุด ทำลายล้างมหาโลก!

กระแสมิติปั่นป่วนยังรับพลังนี้ไม่ไหว เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมากมาย น่าสะพรึงถึงจิตวิญญาณคน

กระแสมิติปั่นป่วนสีดำน่ากลัวหมุนม้วนไปไกลหมื่นลี้ น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง แฝงไว้ด้วยพลังอำนาจมหาศาล

ผ่านไปที่ใดจะทำลายล้างทุกอย่าง

สถานการณ์รบที่นี่น่ากลัวมาก เต็มไปด้วยพลังทำลายฟ้าดิน เหมือนจะทำลายจักรวาลแห่งนี้

แค่ลำแสงกำปั้นที่กระจายออกมาสายเดียวก็ทำให้อริยะแท้ปกติบาดเจ็บสาหัสได้ สังหารผู้อริยะได้ในพริบตา

หากเข้าใกล้อีกหน่อย พลังน่าสะพรึงจะทำให้เจ้าอริยะขลาดกลัว มหาอริยะยังต้องจิตใจหนาวสั่น!

สองคนสู้กันไม่หยุด สู้กันจนฟ้ามืด ท้องนภาพังทลาย อานุภาพเหี้ยมโหดเหมือนจะทะลวงฟ้าดิน

มิติรอบตัวพวกเขาแตกกระจาย ฟ้าดินสั่นสะเทือนตาม ถูกทำลายเป็นซากปรักหักพัง

สองคนเหมือนเทพเจ้าที่สุดแห่งยุค พุ่งขึ้นยอดเมฆฟ้าเก้าชั้น ไปเหนือทะเลเมฆ!

……

ผ่านไปนาน ในที่สุดก็มีร่างเงาหนึ่งตกลงมา ถอยไปหลายหมื่นจั้ง

ทุกก้าวจะเหยียบอากาศแตกกระจาย สลายเป็นผุยผง ทำให้ฟ้าดินกู่ร้องพร้อมกัน

คนนี้ก็คือสือเทียนจื่อ

หลังสู้กับเสิ่นเทียนเกือบหมื่นกระบวนท่า ในที่สุดเขาก็ต้านไม่ไหว พ่ายแพ้ถอยไป

สือเทียนจื่อหายใจหนักหน่วง กลิ่นอายพลังปั่นป่วน ตรงกำปั้นมีโลหิตไหล

สองมือเขากำลังสั่นไหว ปรากฏการณ์ข้างหลังอ่อนแสงลง พลังเลือดลมปั่นป่วน

สือเทียนจื่อไม่สนใจ แต่ร้องอย่างมีความสุข

ตอนนี้เองเสิ่นเทียนสยายชุดคลุมขาว ลอยลงมา เนื้อตัวไม่มีบาดแผลใดๆ เลย แม้แต่กลิ่นอายพลังยังสงบนิ่งมาก

“สหายเทียนจื่อแข็งแกร่งจริงๆ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ด้วยกำลังรบของสือเทียนจื่อ ต่อให้เป็นมหาอริยะอาวุโส ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา

สือเทียนจื่อที่มีดวงตาซ้อนทับและกระดูกจักรพรรดิ ทั้งยังมียอดพลังวิเศษสร้างโลกเช่นนี้ ถูกลิขิตให้อยู่สูงสุด ท่องไปในจักรวาล

เมื่อได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน สือเทียนจื่อก็ยิ้มแห้งๆ “เทียบกับสหายเสิ่นแล้วยังห่างชั้นอีกไกล! ศึกนี้ แซ่สือแพ้แล้ว!”

สือเทียนจื่อตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง ต่อให้เขาใช้กำลังทั้งหมดก็ยังไม่อาจสั่นคลอนเสิ่นเทียนได้แม้แต่น้อย

ระหว่างที่สองหมัดปะทะกัน เขารู้สึกว่าตนกำลังโจมตีทองคำเซียนนอกฟ้า แข็งแกร่งไม่อาจทลายได้ ทั้งยังสะเทือนสองมือตนจนชาไปหมด

ต้องรู้ว่าเขาเป็นจุดสูงสุดอริยะแท้หกด่านเคราะห์ แต่เสิ่นเทียนเพียงแค่ครึ่งก้าวฝ่าด่านเคราะห์

หากรอเสิ่นเทียนพลังบำเพ็ญเท่าเขา เกรงว่าแค่พลิกมือเขาก็แหลกสลายไปได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ สือเทียนจื่ออดถอนหายใจมิได้

สหายเสิ่นสมกับมีพรสวรรค์สูงสุด กำลังรบเช่นนี้จะต้องท่องมหาโลก กำราบศัตรูได้ทุกคนแน่นอน!

แซ่สือเทียบกับเขาแล้วต่างกันมากเกินไปจริงๆ

แต่ว่าแซ่สือเหมือนจะเห็นโอกาสเสี้ยวหนึ่งในตัวสหายเสิ่น

โอกาสที่จะช่วยโลกนี้ได้

ด้วยพรสวรรค์และกำลังรบของสหายเสิ่น เมื่อเขาเติบใหญ่จะต้องนำพาความหวังมาให้ห้าดินแดนแน่นอน!

ห้าดินแดนรอดแล้ว!

……..

สือเทียนจื่อจ้องเสิ่นเทียน ดวงตาเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ลึกล้ำอย่างยิ่ง

ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ส่ายหน้าพลางยิ้มแห้งๆ “สหายเสิ่น หากเจ้ามีเวลาก็ไปดูยัยเด็กหลิงหลงนั่นหน่อยเถอะ! ยัยนั่นเริ่มอาละวาดในช่วงที่เจ้าหายไป เป็นทุกข์มานานหลายปี

กระทั่งไปหาท่านจักรพรรดิ ร้องไห้โวยวายจะให้ท่านจักรพรรดิออกมือพาเจ้าออกมา! ดีที่ต่อมารู้ว่าเจ้าไม่เป็นอันตราย ยัยนั่นถึงได้สงบลง ไม่อย่างนั้นนางได้ก่อความวุ่นวายไปทั้งราชวงศ์เซียนแน่!”

สือเทียนจื่อเองก็ทำหน้าจนปัญญา เขามองออกนานแล้วว่าองค์หญิงหลิงหลงจมปรักอยู่กับเสิ่นเทียน ถอนตัวไม่ขึ้น

แต่นี่จะโทษนางไม่ได้ ใครให้สหายเสิ่นหน้าตาหล่อเหลาเป็นหนึ่ง มีเสน่ห์สูงสุดกันล่ะ!

เห็นทีว่าสตรีทุกคนคงต้องหลงใหลในความสง่างามที่สุดของสหายเสิ่นกระมัง!

แต่นี่ก็เป็นน้องสาวที่เขารักที่สุด ช่วยนางได้ก็จะต้องพยายามช่วยอย่างเต็มที่!

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

เขามีสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดอะไรดี

เรื่องแต่งงานมาอีกแล้ว!

พูดความจริง ข้าไม่เคยทำอะไรพวกนางเลยจริงๆ!

การถูกคนมากมายพูดเรื่องแต่งงานเช่นนี้ แซ่เสิ่นเหนื่อยมากเหมือนกัน!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเงียบ สือเทียนจื่อก็ถอนหายใจ ส่ายหน้า “พบกันครั้งแรกที่สุสานจักรพรรดิทะเลอุดร เมื่อพบเสิ่นเทียนทุกชีวิตเป็นต้องเข้าใจผิด สหายเสิ่น รักษาตัวเองด้วย”

สือเทียนจื่อหมุนตัวจากไป ทิ้งเสิ่นเทียนให้งงเป็นไก่ตาแตก

ผ่านไปพักใหญ่ เสิ่นเทียนถึงถอนหายใจ “นี่เป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องหาเวลาไปจัดการ!”

พอคิดได้ดังนั้นเขาก็พุ่งทะยานบินไปนอกโลก

……

แท่นวิหคทองแดง

ตอนนี้เงาคนในแท่นวิหคทองแดงบางตา เงียบสงบมาก

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงรับศิษย์ใหม่ของตำหนักศึกษาจี้เซี่ย โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่เลยเดินทางมาสมัครเข้าเรียน

ดังนั้นแท่นวิหคทองแดงจึงเงียบสงบขึ้นเล็กน้อย

เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนพลันโล่งอก

เขายังคิดไม่ถี่ถ้วนเลยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร อย่างน้อยต้องตรึกตรองสักช่วงหนึ่ง!

ส่วนพวกจางอวิ๋นซี ยังคงรออยู่ที่หอหงส์ทอง

พอเห็นเสิ่นเทียนกลับมา ทุกคนต่างมีสีหน้าดีใจ

จางอวิ๋นถิงเดินเข้ามาสอบถาม “ศิษย์น้อง เมื่อครู่เจ้าไปทำอะไรมา”

ทุกคนสงสัยเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสิ่นเทียนถึงไปไม่พูดไม่จาเลย

เสิ่นเทียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “เอ่อ เมื่อครู่ท่านจักรพรรดิเรียกหาข้า เลยต้องไปจัดการก่อน”

เขาคงบอกว่าเป็นเพราะเจ้าหนูพวกนั้นไม่ได้กระมัง!

ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้สงสัย

จางอวิ๋นถิงพูดต่อ “ศิษย์น้อง เมื่อครู่อาจารย์ส่งข่าวมาบอกให้ศิษย์น้องกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุดเพื่อร่วมพิธีส่งมอบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อแปดสิบปีก่อน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้ประกาศต่อทุกคนแล้วว่าเสิ่นเทียนคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้

ตอนนี้เสิ่นเทียนกลับมา แม้จะไม่ได้จัดพิธีใหญ่แต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่บางพิธีก็ต้องผ่านขั้นตอนอยู่

ถึงอย่างไรพิธีส่งมอบเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคำสองคำก็ทำได้

เสิ่นเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นเรารีบกลับกันเถอะ!”

ไม่ได้กลับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มานานหลายปี เสิ่นเทียนเองก็คิดถึงเหมือนกัน

เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นสำนักของเขา ทั้งยังช่วยเขาอย่างมากมาตลอด ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงมีความรู้สึกลึกซึ้งกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

“ดี พวกเราออกเดินทางกันเลย!”

ทุกคนขานรับ ก่อนจะออกจากแท่นวิหคทองแดนพร้อมกัน มุ่งหน้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน