บทที่ 481 เข้าเกาะดาราเบิกฟ้าอีกครั้ง!
เขตทะเลเบิกฟ้า
เสิ่นเทียนมองเขตทะเลที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนรอบกายแล้วถอนหายใจเบาๆ
ยังดีที่ข้าฉลาด หนีมาเร็ว
หากถูกหญิงพวกนั้นพัวพัน บางทีศีรษะอาจจะระเบิดเอาได้!
สตรีอะไรพวกนี้ น่ากลัวเกินไปจริงๆ!
มีเวลาสู้เอาไปฝึกบำเพ็ญเซียนจะดีกว่า!
สภาพจิตใจเสิ่นเทียนตอนนี้ยังเหมือนเมื่อร้อยปีก่อน ไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากเผชิญหน้ากับพวกนางเท่าไร!
มิหนำซ้ำตอนนี้มหาเคราะห์ภัยมาเยือน ใครจะไปมีเวลาจัดการเรื่องพวกนี้
ภาระอันเร่งด่วนคือคิดหาทางยกระดับศักยภาพ เผ่าวิญญาณร้ายไม่ได้คุกคามแค่นี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าที่ปุถุชนเคยพบมา
มีเพียงศักยภาพตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดในเคราะห์ภัยได้
…..
เสิ่นเทียนกลอกตา เพ่งมองไปข้างหน้า
ตรงนั้นเป็นหมอกเทาขมุกขมัว วนเวียนหนาทึบ กลิ่นอายทำให้คนหวาดกลัว
หมอกเทาหมุนม้วนไม่หยุด เหมือนม่านสวรรค์ปกคลุมเขตแดนนี้
ที่นี่ก็คือแดนต้องห้ามทะเลอุดร…เกาะดาราเบิกฟ้า!
รอบนอกเกาะดาราเบิกฟ้ามียอดค่ายกลเบิกฟ้าอยู่
นั่นเกิดขึ้นจากไอเบิกฟ้าไม่มีสิ้นสุด ปกคลุมเกาะดาราเบิกฟ้าไว้ กล่าวได้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าเป็นเขตแดนที่ลึกลับที่สุดของทะเลอุดร
ในนี้เต็มไปด้วยไอเบิกฟ้าที่ทำให้ทุกสรรพสัตว์หวาดกลัว คนปกติไม่กล้าเข้าใกล้เลย
แม้แต่มหาศึกของผู้บำเพ็ญทะเลอุดรกับเผ่าวิญญาณร้ายยังเกิดขึ้นในเขตรอบนอกเขตทะเลเบิกฟ้า เพราะว่าอำนาจคุกคามของไอเบิกฟ้าที่นี่ทำให้เผ่าวิญญาณร้ายหวาดกลัวเช่นกัน
……
ในสายตาชาวโลก เกาะดาราเบิกฟ้าไม่ใช่แค่แดนลับฝึกฝน
ทุกสามร้อยปี อานุภาพของยอดค่ายกลเบิกฟ้าจะอ่อนลง เกิดรอยแยกมิติขึ้น
ตอนนั้น ผู้บำเพ็ญทะเลอุดรทุกเผ่าจะผ่านรอยแยกเข้าไปหาโชคลิขิตในเกาะดาราเบิกฟ้าได้ แค่ปกติจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่นี่
เพราะในมุมมองของผู้บำเพ็ญทะเลอุดร ที่นี่เหมือนกับแดนเนรเทศของโลกฟ้า ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
โดยเฉพาะพลังไอเบิกฟ้า แม้แต่มหาจักรพรรดิยังหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าไปลึก
ที่นี่สำหรับเสิ่นเทียนแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝนที่อยู่สุดยอดที่สุด
ไอเบิกฟ้าที่ทำให้ชาวโลกหวาดกลัวพวกนี้ เสริมพลังให้เขาได้อย่างมหาศาล
เพราะเขามีกายเบิกฟ้า สามารถหลอมรวมพลังน่ากลัวอย่างไอเบิกฟ้ามาใช้เองได้
ต้องรู้ว่าไอเบิกฟ้ามีประโยชน์มาก ไม่ใช่แค่ใช้หล่อหลอมกายเบิกฟ้า แต่ยังเพิ่มการโจมตีได้ หากการโจมตีเสริมด้วยไอเบิกฟ้าชั้นหนึ่ง พลังโจมตีจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
คนธรรมดาหากถูกไอเบิกฟ้าซึมเข้าร่างกาย ก็ยากจะขจัดได้ ดังนั้นการจะเพิ่มศักยภาพ ตามหาโชคลิขิต เกาะดาราเบิกฟ้าจึงเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุด
….
เกาะดาราเบิกฟ้าไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นภายนอก
เล่าลือว่าเกาะนี้เป็นแดนลับสูงสุดโลกเซียนตกลงมา มีสุดยอดความลับ
เสิ่นเทียนเคยเดินทางมาเกาะดาราเบิกฟ้า ได้โชคลิขิตมากมายเช่นวิชาคุนเผิงและคัมภีร์อมตะนิรันดร์
เนื่องด้วยปัญหาของเวลา และยังมีพื้นที่มากมายยังสำรวจไม่เสร็จ แต่เสิ่นเทียนก็รู้ว่าในนี้จะต้องซ่อนโชคลิขิตไว้อีกมากมายแน่นอน
กระทั่งเสิ่นเทียนคาดเดาว่าที่เผ่าวิญญาณร้ายลงแรงหนัก เคลื่อนกำลังมากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่อยากยึดครองทะเลอุดรเท่านั้น
ในนี้จะต้องมีอะไรที่ดึงดูดพวกมัน มีโอกาสสูงที่จะเป็นเพราะเกาะดาราเบิกฟ้า
ตอนแรกที่เสิ่นเทียนเข้าไปในเกาะดาราเบิกฟ้า ก็เคยพบแดนลับอย่างเกาะมังกรและตำหนักคุนเผิง
พึงรู้ไว้ว่าในเกาะมังกรซ่อนการคงอยู่ที่น่าสะพรึงไว้ แต่มันเหมือนถูกบางอย่างผนึกไว้ ออกมาไม่ได้
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าเกาะดาราเบิกฟ้าไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
……
แต่ว่าเสิ่นเทียนไม่ได้รีบร้อนเข้าเกาะดาราเบิกฟ้า
การเดินทางครั้งนี้ ไม่รู้ว่าต้องอีกนานเท่าไรถึงจะได้ออกมา เขายังมีบางเรื่องที่ต้องไปจัดการหน่อย
ตอนนี้เองหมอกหนาทึบข้างหลังเขาขยับแสง มิติไหลเวียน ก่อนร่างเงาหนึ่งจะก้าวออกมา
คนนี้สวมชุดกระโปรงยาวสีดำ รูปร่างสูงโปร่ง เอกลักษณ์เย็นชาและสูงส่ง
เสิ่นเทียนตกใจเล็กน้อย “เจ้ามาได้อย่างไร”
คนนี้ก็คือเอ๋าปิง
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนออกมา นางก็ตามมาในทันทีเลย
เอ๋าปิงสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย ทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าไปตั้งหลายปี ในที่สุดก็รู้จักกลับมาแล้วรึ”
ช่วงเวลาที่เสิ่นเทียนหายไปนั้น เอ๋าปิงเป็นกังวลมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ นางยังตั้งครรภ์เสิ่นเอ๋าเสวี่ย
เสิ่นเทียนชักช้าไม่กลับมา ทำให้เอ๋าปิงคับแค้นใจ
เสิ่นเทียนยิ้มแห้งๆ “นี่ข้าทำตามใจตัวเองไม่ได้กระมัง”
เขาเล่าเรื่องกระดานหมากฟ้าขุ่นให้ฟัง
เอ๋าปิงต่างกับคนอื่น ถึงอย่างไรก็เป็นมารดาของบุตรเขา ย่อมต้องง้อให้ดี
เพียงแต่ว่าด้วยสติปัญญาตอนนี้ของเสิ่นเทียน ก็ยังไม่รู้ว่าจะรับฐานะสามีอย่างไร
ความเย็นชาบนใบหน้าเอ๋าปิงหายไปเล็กน้อย “หากไม่รู้ว่าเจ้าดวงแข็ง ข้าคงคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว”
“ข้าก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่รึ”
เสิ่นเทียนเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม โอบกอดเอ๋าปิงไว้
เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดที่คุ้นเคย เอ๋าปิงตัวสั่นเบาๆ ไม่ได้ขัดขืน
สองคนอยู่กันเงียบๆ เช่นนี้จนดวงตะวันตกลงช้าๆ จันทร์เงินลอยขึ้น
ยามราตรีเงียบสงบ จันทร์เงินดั่งตะขอ
แสงจันทร์สุกสกาวสาดแสงลงมาที่สองคน สะท้อนออกมาเป็นภาพงดงามที่สุด
เอ๋าปิงหยัดกายขึ้น จ้องมองเสิ่นเทียน “จากนี้จะไปที่ใด”
นางรู้ว่าด้วยปณิธานของเสิ่นเทียน ไม่มีทางอยู่ที่นี่แน่ อีกทั้งโลกข้างนอกยังเกิดหายนะยังไม่สงบลง
นี่คือยุคสมัยของเขา ห้าดินแดนต้องการเขา
……..
เสิ่นเทียนเบนสายตาเล็กน้อย “ว่าจะไปเกาะดาราเบิกฟ้าสักครั้ง”
ตอนนี้ต้องเพิ่มศักยภาพให้เร็วที่สุด และเกาะดาราเบิกฟ้าก็เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เขาใช้ไอเบิกฟ้าหล่อหลอมกายเนื้อได้
เอ๋าปิงเอ่ยถาม “รีบหรือไม่”
เสิ่นเทียนชะงักงันเล็กน้อย ก่อนถามด้วยความไม่เข้าใจ “ไม่ได้รีบมาก”
เอ๋าปิงหน้าแดงนิดๆ “เช่นนั้นเดือนนี้อยู่กับข้า!”
เสิ่นเทียนงุนงง
แต่เสิ่นเทียนยังไม่ทันตอบเขาก็ถูกเอ๋าปิงลากเข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วน
นางโบกมือกว้าง พลังแห่งมังกรเทพพุ่งทะลักออกมา กลายเป็นม่านแสงสว่างพร่างพราวปกคลุมสองคนไว้
ฉึก!
เสียงอาภรณ์ฉีกขาดดังขึ้น!
สองคนถูกแสงเทพไม่มีสิ้นสุดปกคลุม เสียงครวญครางดังขึ้นไม่หยุด ดังก้องไปทั้งมิติ
……
หนึ่งเดือนต่อมา
บนฟ้าเขตทะเลเบิกฟ้า มิติถูกคนฉีกออก เผยเป็นรอยแยกมหึมา
จากนั้นมีสองร่างเงาก้าวออกมา
หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมขาว หล่อเหลาดั่งหยก เอกลักษณ์เหนือธรรมดา ข้างหลังเขายังมีหญิงสวมชุดกระโปรงดำอีกคน
นางมีเอกลักษณ์เหมือนน้ำแข็ง สูงส่งอย่างยิ่ง ใบหน้างดงามเลิศล้ำนั้นเต็มไปด้วยสีแดงเรื่อ สดจนแทบจะออกมาเป็นหยด
สองคนนี้ก็คือเสิ่นเทียนกับเอ๋าปิง
หลังจากผ่าน ‘ศึก’ อันยาวนานหนึ่งเดือน ในที่สุดสองคนก็ก้าวออกมา
เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย คึกคักกระปรี้กระเปร่า กำลังวังชาเต็มเปี่ยม
แต่เอ๋าปิงกลับมีสีหน้าเหนื่อยล้านิดๆ เหมือนเสียพลังไปมากเกิน
ครั้งนี้ ในที่สุดเสิ่นเทียนก็พลิกกลับมาเป็นใหญ่ อยู่เหนือกว่า
นี่ทำให้จิตใจเสิ่นเทียนสว่างจ้าขึ้นเป็นพิเศษ
เหอะๆ ตอนนี้รู้ถึงความร้ายกาจของข้าแล้วสิ!
ใครให้เจ้ากล้าดูถูกข้ากัน
เอ๋าปิงเหมือนเดาความคิดในใจเสิ่นเทียนได้ก็ถลึงตามองเขาไปที
แต่ใบหน้านางในสายตาเสิ่นเทียนกลับมีความงดงามหลากหลาย ทำให้เขาจิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมา!
“พี่สาวปิง เรามาลองกันอีกดีหรือไม่”
เสิ่นเทียนเลิกคิ้ว เหมือนยังสนุกไม่สุด
เอ๋าปิงสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนรีบพูด “ข้ายังมีธุระต้องจัดการ ครั้งหน้าค่อยว่ากันใหม่!”
เสิ่นเทียนเดินทางไปล้านลี้ ในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกเขตทะเลเบิกฟ้า
ที่นี่มีหมอกหมุนตลบ เหมือนคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้า ม้วนฟ้าดิน
ไอเบิกฟ้าเข้มข้นถึงที่สุด แฝงไว้ด้วยพลังสังหารทุกสรรพสัตว์
คนธรรมดาแม้แค่สัมผัสเล็กน้อยก็จะถูกกัดกร่อนกลายเป็นกระดูกในพริบตา ทว่า เสิ่นเทียนกลับพุ่งเข้าไปอย่างแน่วแน่
ทันใดนั้นไอเบิกฟ้ามากมายไหลหลากเข้ามาปกคลุมเขาไว้ทั้งตัว
เสิ่นเทียนเปล่งแสงรอบกาย ผิวกายมีไอเบิกฟ้าสีเงินวนเวียน กู่ก้องพร้อมกับฟ้าดิน
เขารู้สึกสบายไปทั้งตัว เหมือนมังกรเวียนว่ายในมหาสมุทร ทะยานไปอย่างรวดเร็ว
ไอเบิกฟ้าขมุกขมัวพุ่งเข้ามาพลันถูกเขาดูดเข้าร่างกาย ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเงิน
ไม่นานนัก เสิ่นเทียนก็เข้าสู่ความเงียบ ดูดซับไอเบิกฟ้าอย่างเต็มที่
เหนือศีรษะเขามีน้ำวนมหึมาปรากฏขึ้น ร่างเหมือนหลุมดำเหนี่ยวนำไอเบิกฟ้ารอบกายเข้ามาทั้งหมด
ภายใต้การชะล้างด้วยไอเบิกฟ้า กายเนื้อเสิ่นเทียนใสแวววาวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับผลึกหยกไขสีขาวแกะสลัก เต็มไปด้วยแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
เสิ่นเทียนมีใบหน้าจริงจัง ไม่ขยับ ปล่อยให้ไอเบิกฟ้าชะล้าง
กายเนื้อเขากำลังผลัดเปลี่ยน ผิวกายมีอักขระมหัศจรรย์วนเวียน เหมือนจะก้าวไปสู่จุดสูงสุด
…..
และในตอนนี้เอง สภาพจิตใจเสิ่นเทียนกลับตกอยู่ในโลกจิตวิมานม่วง
ที่นี่ก็มีไอเบิกฟ้าไหลเข้ามาเช่นกัน
โลกจิตวิมานม่วงที่เดิมทีใหญ่ล้านลี้ ภายใต้การไหลหลากเข้ามาของไอเบิกฟ้า ทำให้มันขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
จากล้านลี้ในตอนแรกขยายเป็นสองล้านลี้ สามล้านลี้…
ทั้งโลกจิตวิมานม่วงกลายเป็นยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน กว้างใหญ่ไพศาล
ที่นี่เหมือนแบบจำลองโลกและยังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งในโลกจิตวิมานม่วงยังมีก้อนพลังงานใสแวววาวอยู่อีกสองก้อน
พวกมันกลืนกินไอเบิกฟ้าไปเรื่อยๆ สว่างจ้าแสบตาขึ้น กลิ่นอายพลังชีวิตค่อยๆ แกร่งขึ้น
ไอเบิกฟ้าที่ไหลเข้าไปในโลกจิตวิมานม่วงมีครึ่งหนึ่งถูกกลุ่มพลังงานสองก้อนนี้ดูดซับ
ยิ่งดูดซับไอเบิกฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มพลังงานสองก้อนนี้ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น แสงเรืองรองส่องสว่าง กลิ่นอายพลังปกคลุมฟ้าดิน
กึก!
ก่อนจะเห็นก้อนพลังงานสองก้อนพลันแตกกระจาย ระเบิดพลังมหาศาลออกมา หมุนตลบไปแปดทิศ!
ฟ้าดินโคลงเคลง กฎเกณฑ์ตกลงมา
แสงเทพสว่างพร่างพราวพุ่งออกมาทั้งหมด ปกคลุมฟ้าดิน สีสันหลากสียิ่ง
แสงมงคลตกมาจากท้องนภา ทยอยกันเกิดปรากฏการณ์
ภาพงดงามมากมาย วิชาต่างๆ ปรากฏขึ้น ลี้ลับในลี้ลับ
เหมือนเสียงเทพหลักการธรรมชาติ และยังเหมือนเสียงมหามรรค ดังสนั่นในใจเสิ่นเทียน
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว
กลุ่มพลังงานสองกลุ่มนี้กำเนิดในกายมาหลายปี ดูดซับไอเบิกฟ้าจำนวนมาก จะเกิดเป็นอะไรกันแน่
เห็นเพียงพลังงานยิ่งใหญ่สองกลุ่มพุ่งออกมา
ด้านหนึ่งคือพลังหยางสุดขั้ว แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
แสงเทพร้อนแรงส่องสะท้อนฟ้าดิน ส่องแสงแปดทิศ
อีกด้านเป็นพลังหยินสุดชั้ว เย็นเยือกและศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์
แสงจันทร์สุกสกาวสาดลงมา ทำให้ฟ้าดินปกคลุมด้วยแสงเงินหนึ่งชั้น
มองไปเห็นดวงตะวันกับดวงจันทร์เงินลอยสูงอยู่บนฟ้า
สองสิ่งหลอมรวมกัน วนเวียนเป็นวัฏจักร
หยินหยางตัดสลับ เปลี่ยนแปลงและกำเนิดออกมาเป็นภาพสร้างทุกสรรพสัตว์
หยางบริสุทธิ์เป็นฟ้า หยินขุ่นเป็นดิน ทำให้กฎเกณฑ์โลกนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มไปทางสมบูรณ์แบบ
เสิ่นเทียนตัวสั่นไหวเบาๆ ดวงตาสว่างขึ้น
พลังนี้คือสองปราณหยินหยางสวรรค์ประทานรึ
…..
หรือว่าโลกจิตวิมารม่วงของข้าจะผลัดเปลี่ยนเป็นโลกแท้จริงแล้ว
ยังไม่ใช่แค่นั้น
พลังนี้เหมือนจะกำเนิดพลังวิเศษบางอย่างขึ้นหรือ
…………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน