บทที่ 482 แขกไม่ได้รับเชิญจากทะเลดาราเบิกฟ้า!
โลกจิตวิมานม่วงของเสิ่นเทียนกำลังเปลี่ยนแปลง
เมื่อสองไอหยินหยางกำเนิด ที่นี่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าดินขึ้น
ฟ้าดินสะท้อนออกมาเป็นปรากฏการณ์ประหลาด แสงเทพมากมายเหมือนฝนวิญญาณกระจายไปในฟ้าดิน
พลังแห่งหยางสุดขั้วลุกโชนขึ้น เหมือนแสงตะวันส่องฟ้าดิน ส่องสะท้อนท้องนภา
โลกเบิกฟ้าขมุกขมัวในตอนแรกชัดเจนยิ่งภายใต้แสงหยางสุดขั้วส่องสว่าง ท้องนภาเปิดกว้าง
ขณะเดียวกัน พลังชีวิตเอ่อล้นเวียนวนกำเนิด ตกลงบนเส้นขอบฟ้า
แสงเทพเป็นจุดๆ รอบกาย แสงสว่างจ้าแสบตา
พลังแห่งหยางสุดขั้วกระจายลงมา พืชวิญญาณแตกหน่อเติบโต พลังชีวิตเอ่อล้น
อีกด้านหนึ่ง ฟ้าดินเย็นสบายและเงียบสงัด
โลกถูกปกคลุมด้วยแสงจันทร์สีเงิน เย็นเยือกเหนือธรรมดา ตัดขาดจากโลกภายนอก
พลังแห่งหยินสุดขั้วผ่านไปที่ใด ทุกสรรพสิ่งแห้งเหี่ยว ชีวิตหยุดนิ่ง
พลังงานสองอย่างต่างมีจุดเด่น แยกฟ้าดินออกเป็นสองส่วน
…..
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว
จากการเฝ้ามองการเปลี่ยนของสองปราณหยินหยาง จิตใจเสิ่นเทียนว่างเปล่า ตกอยู่ในขอบเขตลี้ลับ
ในความคิดเขาปรากฏภาพหยินหยางขึ้น ในนั้นมีแสงเทพเวียนวน ลายมรรคเต็มไปหมด
สองปราณหยินหยางตัดสลับกัน วนเวียนกันเป็นวัฏจักร แสดงเป็นภาพทุกสรรพสิ่งเกิดดับ
จากทารกหัดพูดไปถึงชายหนุ่มผู้องอาจ จนไปถึงชายชราผมขาว สุดท้ายทุกอย่างกลายเป็นดินเหลือง กลับคืนสู่ฟ้าดิน
สิ่งพวกนี้คือกฎเกณฑ์สวรรค์ ไม่มีใครเลี่ยงได้
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนเหมือนตระหนักถึงชะตาขึ้นชะตาดับของทุกสรรพสิ่งในโลก กลิ่นอายพลังเขาพลันเปลี่ยนไป พลังชีวิตแก่กล้าพุ่งพรวด เอ่อล้นอย่างยิ่ง
เสิ่นเทียนเปล่งแสงทั้งตัว แสงเทพกระจายออก พลังชีวิตเปี่ยมล้น
พืชรอบกายเติบโตขึ้นด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน สูงพันจั้งขึ้นชั้นเมฆ
แต่จากนั้นพลังชีวิตในกายเสิ่นเทียนพลันลดลงถึงจุดเยือกแข็ง เหมือนเข้าสู่ช่วงโรยรา
พืชรอบกายแห้งเหี่ยว ใบไม้แห้งพากันปลิวว่อน กลายเป็นดินเหลืองสลายหายไป
วัฏจักรเกิดดับหมุนเปลี่ยนสลับกัน สุดท้ายกลับสู่ความเงียบสงบ
ในสภาพลี้ลับเช่นนี้ เสิ่นเทียนตกอยู่ในห้วงนั้น เริ่มผลัดเปลี่ยนอย่างน่าประหลาด
…..
สามเดือนต่อมา
เสิ่นเทียนพลันลืมตาขึ้น ยิงแสงเทพสว่างจ้าออกไป
ดวงตาเขาหยั่งลึก เหมือนทะเลดาราไร้พรมแดน และยังเหมือนโลกกลับตาลปัตร
แม้เสิ่นเทียนจะปิดด่านบำเพ็ญสามเดือน แต่ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานเหมือนปิดด่านบำเพ็ญมาร้อยปี พันปี
เขาหยัดกายขึ้นช้าๆ ดวงตาจ้องมองโลกจิตวิมารม่วงที่ขยายไปสิบล้านลี้ จากนั้นกำมือเหมือนกระชากชีพจรชีวิตฟ้าดินแห่งนี้ไว้
ทันใดนั้นท้องนภาเปลี่ยนไป กฎเกณฑ์วนเวียน
สองปราณหยินหยางไม่มีสิ้นสุดถูกเหนี่ยวนำเข้ามา เปล่งแสงเทพสว่างพร่างพราว สว่างถึงที่สุด
ฟ้าดินปรากฏภาพหยินหยางยักษ์ลอยขึ้น หมุนวนตัดสลับกัน แสงเรืองรองหนาทึบ
พลังแห่งหยางสุดขั้วกับหยินสุดขั้วพุ่งออกมาพร้อมกัน หมุนม้วนฟ้าดิน
ทันใดนั้นทุกสรรพสิ่งฟ้าดินพลันเติบโตขึ้น กำเนิดสิ่งมีชีวิตมากมาย
มีมังกรเทพบรรพกาลคำรามลั่นฟ้าดิน คำรามจักรวาล
มีหงส์เทพบรรพกาลท่องโลก เสียงหงส์สนั่นฟ้า
และยังมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ กำเนิด กลิ่นอายพลังดุร้าย พลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดิน
โลกเหมือนมีเทพมารสามพันตนเพิ่มมา อานุภาพน่าเกรงขาม พลังสั่นสะเทือนท้องฟ้าจักรวาล ทำลายล้างโลก
สิ่งมีชีวิตบางตนน่ากลัวสุดขีด ดวงตาแดงก่ำ กลิ่นอายพลังดุร้ายทั้งตัว
พวกมันพุ่งขึ้นใส่เสิ่นเทียน
ผ่านไปที่ใดห้วงอากาศจะแหลกเป็นผุยผง
สิ่งมีชีวิตพวกนั้นยื่นกรงเล็บแหลมคมยิ่ง ประกายเย็นเยือกวูบวาบ เหมือนจะฉีกสวรรค์เก้าชั้นแตก กดลงมาพร้อมกับพลังทลายหินทะลวงเมฆา
ทว่าเสิ่นเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไปเลย
เขายกมือใหญ่ขึ้นช้าๆ กดอากาศเบาๆ
“ดับสูญ!”
เสิ่นเทียนเอ่ยน้ำเสียงเฉยชาและน่าเกรงขาม เหมือนเสียงลี้ลับสวรรค์ ทำให้ฟ้าดินปริแตก!
ปัง!
ทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตมากมายดับสลายกลายเป็นเถ้าถ่านหายไป
หนึ่งความคิดกำเนิดมหาสมุทร หนึ่งความคิดฟ้าดินดับสลาย!
เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย นี่คือยอดพลังวิเศษที่สร้างขึ้นจากสองปราณหยินหยาง
อานุภาพของมันถึงขั้นไม่ด้อยไปกว่ายอดพลังวิเศษเบิกฟ้าผ่าปฐพีเท่าไร ด้วยพลังที่ปะทุมาจากยอดพลังวิเศษสร้างทุกสรรพสิ่งนี้ สามารถสังหารเตรียมเซียนสิบห้าด่านเคราะห์ลงไปได้ง่ายดาย
เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ดีใจอยู่ข้างใน
ข้าที่ฉลาดจริงๆ เลือกที่ดีๆ แบบนี้ได้
การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้โลกจิตวิมานม่วงเปลี่ยนไป แต่ยังตระหนักยอดพลังวิเศษสร้างทุกสรรพสิ่ง
ครั้งนี้กำไรเลือดสาดเลย!
……
จากนั้นจิตเสิ่นเทียนออกมาจากโลกจิตวิมานม่วง กลับสู่ร่างหลัก
หลังปิดด่านบำเพ็ญมาสามเดือน กายเนื้อเขาดูดซับปราณเบิกฟ้าไปจำนวนมากเช่นกัน ถึงสภาวะอิ่มตัวแล้ว
กายเบิกฟ้าเสิ่นเทียนผลัดเปลี่ยนไปเช่นกัน เปล่งแสงเทพทั้งตัว
อักขระประหลาดวนเวียนรอบกาย เต็มไปด้วยพลังมหาศาลยากจะคาดเดา
ด้วยกำลังเขาตอนนี้ แค่กายเนื้อก็สังหารเตรียมเซียนสิบสามด่านเคราะห์ได้
อีกทั้งศาสตร์หลอมกายเทพมารของเสิ่นเทียนตอนนี้ยังทะลวงผ่านเทวะได้ทุกเมื่อ ก้าวสู่เคราะห์เกิดดับ
ทว่าเขาไม่ได้เลือกทะลวง แต่กดเอาไว้ก่อน เพราะเขาฝึกเคล็ดคบเพลิงเบิกฟ้า หากทะลวงพลังจะทำให้ดวงชะตาลดลงอย่างมาก
ในช่วงวิกฤติเช่นนี้ มั่นคงไว้หน่อยจะดีกว่า ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นบุตรแห่งโชคมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กลัวว่าจะคุมไม่อยู่
มิหนำซ้ำ ดวงชะตาเขาเทียบกับบุตรแห่งโชคที่แท้จริงไม่ได้
ฟาร์มไปเงียบๆ จะดีกว่า
…….
เปรี้ยง!
ตอนนี้เองมีพลังเทพน่ากลัวแผ่เข้ามาไกลๆ
ฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือน ไอเบิกฟ้าหมุนม้วนไม่หยุด คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามา
เหมือนมีคนบุกทะเลดาราเบิกฟ้า ทำให้พลังเทพปะทุสั่นสะเทือนฟ้าดิน
เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนมีสีหน้าตกใจ
ต้องรู้ว่าที่ที่เขาอยู่คือส่วนลึกของเกาะดาราเบิกฟ้า ที่นี่มีไอเบิกฟ้าเข้มข้นที่สุด เหมือนทะเลกว้างใหญ่ไร้พรมแดน
ผู้แข็งแกร่งมหาอริยะยังไม่กล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่
ต่อให้เป็นเตรียมเซียนก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน
หากถูกไอเบิกฟ้ากัดกร่อนเข้าไปในกายก็จะไม่มีกำลังกลับมาได้
เช่นนั้นพลังนี้มาจากที่ใดกัน
ใครกันที่เข้ามาในเกาะดาราเบิกฟ้าตอนนี้
เสิ่นเทียนลุกขึ้นทะยานไปตามพลังนั้น
…..
ห่างไปไม่ไกล มีคนกลุ่มใหญ่กำลังบุกเบิกมายังส่วนลึกของเกาะดาราเบิกฟ้า
พวกเขานั่งเรือเหาะโบราณ บดบังฟ้าบังดวงตะวัน พลังอำนาจยิ่งใหญ่
เรือเหาะขนาดพันจั้ง ลอยอยู่เหนือเขตทะเลเบิกฟ้า กำลังเดินหน้ามาช้าๆ
รอบๆ เป็นไอเบิกฟ้าโหมซัดสาด หมอกขมุกขมัว พลังวนเวียนหนาทึบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน