บทที่ 485 ค่ายกลสังหารสะท้านโลกรึ แค่ดีดนิ้วก็ทลายแล้ว
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงดวงตาเหม่อลอย จ้องไปข้างหน้า
เกาะนั้นโอ่อ่ายิ่ง เหมือนตำหนักเซียนนอกฟ้าลอยอยู่บนฟ้าสูง ยิ่งใหญ่อลังการ
แสงเทพรอบกายสว่างจ้า กฎเกณฑ์ตกลงมา แสดงภาพมหัศจรรย์ออกมาทั้งหมด
แสงเทพไม่มีสิ้นสุดตกลงบนฟ้าดิน ปรากฏการณ์ทยอยกันปรากฏ นิมิตมงคลเวียนวน แผ่พลังยิ่งใหญ่
แต่เกาะนี้แปลกมาก เห็นๆ ว่าอยู่ข้างหน้า แต่กลับให้ความรู้สึกไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
การจะไปถึงเกาะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงตัวสั่นไหว ก่อนพูดด้วยความตกใจระคนดีใจ “ที่นี่ ต้องเป็นเกาะเทพลอยฟ้าแน่!”
พวกเขารู้สึกได้ว่าที่นี่วางค่ายกลเขตแดนไว้ พลังแห่งลายมรรคแกร่งถึงที่สุด
หากไม่มีความชำนาญด้านค่ายกลที่แน่นอนเกรงว่าคงเข้าใกล้ไม่ได้
นี่เป็นการทดสอบของเจ้าของเกาะเทพลอยฟ้า เพื่อกันไม่ให้คนที่ไม่เข้าใจในค่ายกลหลงเข้ามาที่นี่
แต่สำหรับตระกูลขุนนางค่ายกลทั้งสอง การจะทำลายค่ายกลพวกนี้ก็ไม่ยาก แค่ต้องใช้เวลาหน่อยเท่านั้น
“ในที่สุดก็มาถึงเป้าหมายแล้ว!”
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงมีสีหน้าดีใจ แววตาที่มองเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
พวกเขามองตากัน ต่างเห็นความคิดในใจอีกฝ่าย
จะว่าอย่างไรดี
ได้กอดต้นขานี่สบายจริงๆ
……
และตอนนี้เองทุกคนเข้าไปในเขตทะเลนี้สำเร็จ
เขตทะเลที่นี่กว้างใหญ่ คลื่นลมสงบนิ่ง
ฟ้าดินถูกม่านแสงขมุกขมัวปกคลุม ทำให้ไอเบิกฟ้าไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้เลย
เมื่อเข้ามาถึงที่นี่ ทุกคนพลันรู้สึกสุขสบายใจ พวกเขาเดินทางในเขตทะเลเบิกฟ้ามาหนึ่งเดือน ถูกไอเบิกฟ้าจู่โจมเข้ามาไม่หยุดหย่อน อยู่ในสภาวะอกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา
ตอนนี้ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลง
ทว่าท้องนภาพลันเปลี่ยนไป
แสงเทพไม่มีสิ้นสุดวนเวียน เหมือนธารดาราสว่างจ้าตกลงมา
ม่านแสงเขตแดนโปร่งใสพลันรวมขึ้น บดบังฟ้าบังดวงตะวัน ขวางหน้าทุกคนไว้
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย
ที่นี่มหัศจรรย์จริงๆ มีแต่ยอดค่ายกลทุกที่ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยยิ่ง
แค่วัตถุดิบที่ต้องใช้ไปกับค่ายกลพวกนี้ก็ต้องจ่ายไปอย่างไม่อาจจินตนาการได้แล้ว
เจ้าของเกาะเทพลอยฟ้าต้องไม่ธรรมดาแน่
“ทุกคนไม่ต้องกังวล ข้าจะทำลายค่ายกลที่นี่เอง!”
ตอนนี้เอง จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงเดินออกมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาขายหน้าต่อหน้าคนในตระกูล จะต้องหาโอกาสกู้หน้ากลับมา
จูเก่อซือหม่าได้ยินดังนั้นก็เข้าใจเหตุผลในนั้น
เขาป้องมือและพูดขึ้น “เช่นนั้นก็รบกวนท่านบรรพบุรุษทั้งสองด้วย”
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นพุ่งทะยานขึ้นไป เริ่มทำลายค่ายกลที่นี่
ไม่นานพวกเขาก็เปล่งแสงเทพทั้งตัว พลังแห่งเขตแดนพุ่งออกไป
พลันเกิดปรากฏการณ์ท้องนภาขึ้น ลายเทพปลิวว่อน
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงถือแผ่นค่ายกลโบราณ ตบลายมรรคออกไป ทำให้ฟ้าดินเกิดแสงเทพหมื่นจั้งลอยขึ้นมา
ค่ายกลพิเศษพวกนั้นกำลังถูกทำลายลงเรื่อยๆ ภายใต้การร่วมมือกันของสองบรรพบุรุษ
……
เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนไม่ได้ออกมือ
ถึงอย่างไรก็พบเกาะเทพลอยฟ้าแล้ว ไม่ได้กลัวเสียเวลาตรงนี้
ที่สำคัญคือรอบตัวเขายังมีศิษย์หนุ่มสาวรายล้อมกลุ่มใหญ่
ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสและอยากรู้อยากเห็น “พี่ใหญ่เสิ่น ท่านหาเส้นทางที่แท้จริงพบได้อย่างไรกัน ในนี้มีความลี้ลับเฉพาะในด้านค่ายกลอะไรหรือไม่”
เสิ่นเทียนเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นง่าย
ประกอบกับเขาเองก็อายุร้อยกว่าปี ในโลกบำเพ็ญไม่ถือว่าเท่าไรเลย
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมา ในมุมมองของศิษย์สองตระกูลขุนนาง เสิ่นเทียนเป็นเหมือนพี่ใหญ่เพื่อนบ้าน
ดังนั้นพวกเขาจึงรวมเป็นปึกแผ่น เรียกพี่ใหญ่เสิ่นเทียนอย่างสนิทสนม
บรรพบุรุษทั้งสองที่อยู่ห่างไปไม่ไกลได้ยินดังนั้นก็มุมปากกระตุก
พวกเขาเรียกเสิ่นเทียนด้วยความว่าสหาย ถือว่าศักดิ์เท่ากัน
การแบ่งรุ่นจะจัดเรียงมั่วๆ ได้อย่างไร
นี่มันไม่มีรุ่นเล็กรุ่นใหญ่แล้ว!
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงรู้สึกปวดไข่ แต่เสิ่นเทียนไม่สนใจ พวกเขาเองก็อายที่จะเอ่ยถึง
….
จูเก่อซือหม่าตาเปล่งประกาย ก่อนพูดด้วยความเคารพ “พี่ใหญ่เสิ่น ไม่นึกเลยว่าท่านจะชำนาญด้านเขตแดนลึกล้ำขนาดนี้”
ในช่วงเวลานี้ พูดได้ว่าพวกเขามืดแปดด้าน น่าสงสารยิ่ง
ปรากฏว่าพอเสิ่นเทียนปรากฏตัวก็พาพวกเขามาถึงเกาะเทพลอยฟ้าได้สบายๆ!
ดังนั้น จูเก่อซือหม่าจึงยิ่งเคารพเสิ่นเทียนมากกว่าเดิม
เสิ่นเทียนส่ายหน้า “แซ่เสิ่นไม่ได้เข้าใจในด้านค่ายกลเท่าไรเลยจริงๆ”
นอกจากยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าแล้ว เสิ่นเทียนแทบจะไม่เคยเรียนค่ายกลพิเศษอะไรเลย
ทิศทางเกาะเทพลอยฟ้าก็เห็นมาจากในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของจูเก่อซือหม่า
แน่นอน เสิ่นเทียนย่อมไม่บอก
จูเก่อซือหม่ากลับไม่คิดอย่างนั้น เขาพูดด้วยความเลื่อมใส “พี่ใหญ่เสิ่นถ่อมตัวไปแล้ว มองทีเดียวก็เห็นค่ายกลที่นี่ นี่คือยอดด้านฝีมือค่ายกลอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เสิ่นจะชี้แนะแก่นสำคัญของค่ายกลกับพวกเราได้หรือไม่”
ค่ายกลที่แม้แต่บรรพบุรุษพวกเขายังมองไม่ออก แต่เสิ่นเทียนกลับมองทีเดียวออก
เช่นนั้นก็หมายความว่าพี่ใหญ่เสิ่นแกร่งกว่าบรรพบุรุษสิ!
หากได้รับการชี้แนะจากเสิ่นเทียน ความชำนาญด้านค่ายกลจะต้องพัฒนาไปอีกขั้นแน่
เสิ่นเทียนพลันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะอธิบาย “ข้าแค่เข้าใจยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าเล็กน้อยเท่านั้น”
“ยอดค่ายกลดาราครอบฟ้ารึ”
เมื่อได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ทุกคนก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาเคยได้ยินว่ายอดค่ายกลสูงสุดนี้มีอานุภาพไร้ขีดจำกัด ตอนนั้นสือเทียนจื่อยังใช้ยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าสู้กับเผ่าวิญญาณร้ายมาร้อยปี
นี่เป็นยอดค่ายกลสูงสุด ระเบิดพลังอำนาจแก่กล้ายิ่ง เพิ่มกำลังรบได้หลายสิบเท่า
ไม่นึกเลยว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเข้าใจยอดค่ายกลนี้ด้วย
เวลานี้ทุกคนเกิดความสนใจขึ้น เฝ้ารอคอยใจจดจ่อ “พี่ใหญ่เสิ่น อธิบายความลี้ลับของค่ายกลนี้หน่อยได้หรือไม่”
เสิ่นเทียนยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้สิ! ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าฟัง”
นี่คือยอดกุยช่ายที่มีดวงชะตาไม่ธรรมดา จะต้องดูแลให้ดีหน่อย
ดังนั้นเขาจึงอธิบายแก่นสำคัญคร่าวๆ ของยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าให้ฟัง
เสิ่นเทียนมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เอ่ยเนิบนาบ เหมือนเสียงลี้ลับมหามรรค ทำให้คนจิตใจเปิดกว้าง
เวลานี้ทุกคนตกอยู่ในห้วงความเงียบ ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
พวกเขาเหมือนท่องไปผืนฟ้ากว้างใหญ่ สอดส่องช่องทางการเปลี่ยนแปลงดารา ร่างกายจมอยู่ในขอบเขตลี้ลับ
จิตมรรคตกลง กฎเกณฑ์วนเวียน ลึกลับไม่อาจคาดเดา
ไม่นานก็มีคนระเบิดพลังมหาศาลมาจากในกาย แกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่นานนัก จูเก่อซือหม่าตื่นขึ้นมาก่อน ใบหน้ามีความปลงอนิจจัง
“พี่ใหญ่เสิ่น ท่านยังบอกอีกว่าไม่เข้าใจค่ายกล ความชำนาญด้านค่ายกลของท่านคือการคงอยู่สุดยอดของห้าดินแดนแล้ว!”
หลังได้ฟังเสิ่นเทียนอธิบาย จูเก่อซือหม่าตระหนักรู้ในค่ายกลพัฒนาขึ้นอีกก้าวใหญ่
กระทั่งยังทะลวงพลังบำเพ็ญ ทะลวงสู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลาง ด้วยความสามารถตอนนี้ของจูเก่อซือหม่า ประกอบกับภูมิประเทศวางยอดค่ายกลเขตแดน ถึงขั้นมีความมั่นใจจะสู้กับผู้อริยะปกติได้เลย
นี่หมายความว่าอย่างไร
เพียงชั่วครู่เดียว จูเก่อซือหม่าก็เพิ่มกำลังรบได้หลายเท่า
เสิ่นเทียนยิ้มเรียบๆ ไม่ได้พูดอะไรมาก
ถึงอย่างไรยอดค่ายกลดาราครอบฟ้าก็เป็นมรดกราชาเซียน ย่อมมีความลี้ลับ
แม้เสิ่นเทียนจะเข้าใจเพียงผิวเผิน ก็ยังทำให้ศิษย์ที่นี่ได้ประโยชน์ไปมากมาย
….
และในตอนนี้เอง ในที่สุดเรือเหาะก็หยุดลง
ในช่วงเวลานี้ จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงทำลายค่ายกลจำนวนมากลงได้แล้ว พวกเขาเข้าใกล้เกาะเทพลอยฟ้า แต่ถูกค่ายกลสุดท้ายขวางไว้
ตรงนั้นปรากฏลายมรรคขึ้น ม่านแสงค่ายกลปกคลุมฟ้าดิน พลังเอ่อล้นยากจะต้านทาน
ค่ายกลที่นี่เหมือนกับฟ้าดินหนึ่งทิศ ตัดขาดเกาะเทพลอยฟ้าจากโลกภายนอก
จูเก่อหยวนเอ่ยขึ้น “ค่ายกลที่นี่เป็นค่ายกลที่แกร่งที่สุดของเกาะเทพลอยฟ้า กำลังมนุษย์ไม่อาจทำลายได้ ดีที่บรรพบุรุษรุ่นแรกฝากบัญญัติบรรพชนไว้ ค่ายกลนี่ต้องใช้กุญแจฟ้าดินก็จะเปิดได้”
เมื่อเอ่ยจบ จูเก่อหยวนก็นำกุญแจแห่งฟ้าโบราณออกมาจากเรือเหาะ
ทันใดนั้นแสงเทพส่องสว่าง ยอดอาวุธโบราณนั้นพลันกลายเป็นขนาดเท่าจี้หยก ฝังบนยอดค่ายกลฟ้าดิน
ซือหม่าเฉิงด้านข้างเห็นดังนั้นก็นำกุญแจแห่งดินออกมาเช่นกัน
กุญแจฟ้าดินรวมเป็นหนึ่ง สร้างเป็นภาพฟ้าดินสมบูรณ์
พริบตานั้น แสงเทพเหมือนฝนเทวะถาโถมลงมา แสงสว่างจ้าฟ้าดิน
ค่ายกลที่แผ่อำนาจคุกคามมหาศาลในตอนแรกพลันเปิดออก ปรากฏประตูแสงกฎเกณฑ์ขึ้น มุ่งไปสู่ในเกาะ
พอเห็นดังนั้น ทุกคนตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง
ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าเกาะเทพลอยฟ้า ได้ไปตามหามรดกค่ายกลสูงสุด
“เราเข้าไปกันเถอะ!”
จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงมีใบหน้าเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย เดินนำหน้าสุด
คนอื่นตามหลังไปติดๆ เข้าเกาะเทพลอยฟ้าไปพร้อมกัน
……
มาถึงที่นี่ครั้งแรก ทุกคนพลันรู้สึกปลอดโปร่ง
เสียงนกดอกไม้หอมรอบกาย หินผาตั้งตระหง่าน เผยเป็นทิวทัศน์ที่สงบนิ่ง
ต้นไม้เติบใหญ่ สูงเสียดเมฆ
เทือกเขาสูงตระหง่านรวมเป็นปึกแผ่น โอบล้อมทั้งหมู่เกาะ โอ่อ่ายิ่งใหญ่
ใครจะไปคิดได้ว่าตรงส่วนลึกของทะเลดาราเบิกฟ้าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่
ที่นี่มีพลังวิญญาณเปี่ยมล้น หมอกอบอวล เหมือนทะเลวิญญาณเอ่อล้นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน