บทที่ 486 แดนเทพมรณะหยินหยาง บัววาสนาวัฏจักร!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการทำลายค่ายกลสังหารอย่างง่ายดายของเสิ่นเทียน
แต่จากนั้นพวกเขาก็เพ่งมองไปที่บัวเก้าใบนั้น
ดอกบัวเก้าใบเป็นสีแดงฉานทุกส่วน แสงเทพปกคลุม ส่องสว่างไปรอบๆ
ดอกบัวแกว่งไกวตามสายลม เหมือนคมดาบ ตัดห้วงอากาศได้ง่ายดาย
แสงสีแดงตกกระทบ กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดา แผ่อำนาจศักดิ์สิทธิ์รุนแรงออกมา
เมื่อตั้งใจสัมผัสจะสังเกตเห็นถึงจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันยิ่งพุ่งออกมา พลานุภาพน่าสะพรึงกลัว
ดอกบัวนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนสมุนไพรล้ำค่า แต่เหมือนอาวุธสูงสุด อาวุธสังหาร!
จูเก่อซือหม่าหรี่ตาลงเล็กน้อย “นี่มัน…”
จิตสังหารที่เขาสัมผัสได้จากค่ายกลก่อนหน้านี้เหมือนกับกลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากดอกบัวนี้ทุกประการ
หรือว่าเขาจะถูกสมุนไพรล้ำค่าจู่โจมถอยออกมากัน
นี่คือสมุนไพรล้ำค่าอะไรกันถึงมีจิตสังหารน่ากลัวขนาดนี้
เสิ่นเทียนเหมือนเห็นความสงสัยของจูเก่อซือหม่า จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “นี่คือดอกบัวเก้าใบใจฟ้า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด!”
เขาเคยฝึกคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิคราม ในนั้นมีบันทึกว่านแปลกล้ำค่าต่างๆ ของห้าดินแดน ในนั้นรวมถึงบัวเก้าใบใจฟ้าด้วย
สมุนไพรล้ำค่าต้นนี้ต่างกับโอสถศักดิ์สิทธิ์อื่น มันกำเนิดในค่ายกลสังหาร จึงดูดซับจิตสังหารในค่ายกลถือกำเนิดขึ้น
บัวเก้าใบใจฟ้าเพิ่มกำลังให้ผู้ฝึกค่ายกลเขตแดนอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่แค่ยกระดับพลัง แต่ยังเสริมความแกร่งการตระหนักรู้ค่ายกลของผู้บำเพ็ญ
ผู้บำเพ็ญเสริมอานุภาพค่ายกลเขตแดนผ่านการหลอมรวมจิตสังหารในนั้น วางค่ายกลสังหารแข็งแกร่ง
โอสถศักดิ์สิทธิ์พิเศษชนิดนี้ไม่อาจประเมินค่าได้ สำหรับคนที่ฝึกค่ายกลแล้วมีค่าไม่ด้อยไปกว่าอาวุธเจ้าอริยะ กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า
ถึงอย่างไรอาวุธอริยะก็เสริมกำลังภายนอก แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์เสริมความแกร่งของตนเอง
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนได้สมบัติสุดยอด ผู้บำเพ็ญสองตระกูลต่างเผยสีหน้าตื่นตกใจและอิจฉา
พวกเขาปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ช่างสมกับเป็นบุตรแห่งโชค
ไม่นึกเลยว่าแก้ค่ายกลสังหารน่ากลัวแล้วยังได้สมบัติสุดยอดเช่นนี้อีก
ทำให้คนอิจฉาจนปวดไข่จนหน้าม่วงเลยจริงๆ!
…..
ทว่าสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือหลังเสิ่นเทียนเก็บบัวเก้าใบใจฟ้ามาแล้วกลับส่งให้จูเก่อซือหม่า
“บัวเก้าใบใจฟ้านี้ไม่มีประโยชน์กับแซ่เสิ่น ให้น้องจูหม่าแล้วกัน!”
จูเก่อซือหม่าตัวสั่นไหวเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเช่นนี้ ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อยากมีไว้เยอะๆ
พี่ใหญ่เสิ่น เหตุใดถึงมอบให้ข้า
เขาตั้งสติกลับมาได้ก็รีบบอกปัด “นี่เป็นโชควาสนาของพี่ใหญ่เสิ่น จะมอบให้ข้าได้อย่างไร”
แม้บอกว่าบัวเก้าใบใจฟ้ามีประโยชน์กับจูเก่อซือหม่ามาก ยกระดับศักยภาพได้อย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังเกรงใจอยู่ดี
ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เป็นคนแก้ค่ายกลสังหาร บัวเก้าใบใจฟ้าก็เป็นเขาที่เอาออกมา
จูเก่อซือหม่าจะรับโอสถศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ ไม่ว่าจะด้านน้ำใจหรือเหตุผลก็ไปกันไม่ได้
เสิ่นเทียนยิ้ม “พบกันคือมีวาสนาต่อกัน นี่ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าที่ข้าให้เจ้าแล้วกัน!”
จูเก่อซือหม่าได้รับความเมตตาเช่นนี้ก็ตกใจ พูดด้วยใบหน้าลำบากใจ “แต่ว่า…นี่มันล้ำค่ามากเกินไป ข้าไม่ทำอะไรเลยจะให้รับผลตอบแทนได้อย่างไร พี่ใหญ่เสิ่น นี่…อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย!”
เสิ่นเทียนเอ่ยนิ่งๆ “โอสถนี้มีประโยชน์กับข้าไม่มาก ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า หากกินโอสถนี้ ความชำนาญด้านค่ายกลจะพัฒนาขึ้น บุรุษค้ำฟ้าค้ำดิน อย่าผลักสามกันสี่ ทำตัวเป็นเด็กสาวเลย”
โอสถศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลอัศจรรย์กับจูเก่อซือหม่า แต่ไม่มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนมากนัก ถึงอย่างไรวิชาที่เขาฝึกเป็นหลักก็ไม่ใช่การพยากรณ์เร้นลับ
มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นโชคลิขิตเดิมของจูเก่อซือหม่า
ในโชคลิขิตเดิม สองบรรพบุรุษช่วยจูเก่อซือหม่าให้ได้บัวเก้าใบใจฟ้ามา
ตอนนี้เสิ่นเทียนถือว่าคืนของกับเจ้าของเดิม
ไม่ใช่แค่ได้สร้างความรู้สึกดี แต่ยังได้ดวงชะตากลับมา ทำหนึ่งได้ถึงสอง
จูเก่อซือหม่าได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็ไม่ปฏิเสธอีก
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณพี่ใหญ่เสิ่นมาก ภายภาคหน้าหากมีอะไรให้ข้าจูเก่อซือหม่าช่วยก็บอกมาได้เลย ข้าจูเก่อซือหม่าจะบุกน้ำลุยไฟ ไม่เกี่ยงงอนเด็ดขาด!”
เสิ่นเทียนเอ่ยราบเรียบ “ไม่ต้องทำเป็นคนอื่นคนไกลไป ภายภาคหน้าหากพบศิษย์เทพสวรรค์ข้า ก็ช่วยดูแลหน่อยก็พอ”
“ขอรับ!”
จูเก่อซือหม่ารับบัวเก้าใบใจฟ้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ล้ำค่ายิ่งนัก ต่อให้เป็นตระกูลขุนนางลับอย่างจูเก่อกับซือหม่าก็ยังเป็นสมบัติสุดยอด
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สมกับเป็นบุตรแห่งโชคในตำนาน ยิ่งใหญ่จริงๆ!
เมื่อบัวศักดิ์สิทธิ์ถึงมือ วงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะจูเก่อซือหม่าก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ แสงสีม่วงสว่างไสว
ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตัวเบาขึ้นมาก
ไม่ต้องคิด เห็นได้ชัดว่าดวงชะตาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เสิ่นเทียนยิ้มเจิดจรัสขึ้น
…..
พวกศิษย์ของสองตระกูลขุนนางลับรอบข้างเห็นภาพนี้ก็มองตาค้าง
พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะมีน้ำใจมากขนาดนี้
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดบอกให้ก็ให้เลย อย่างกับผักกาดขาว
นี่ไม่ถูกใจจริงๆ รึ หรือว่าที่บ้านมีเหมืองกัน
จิตใจเช่นนี้ น้ำใจเช่นนี้ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่มีใครเทียบได้เลย!
จูเก่อซือหม่าได้สมบัติสุดยอดไป ทุกคนก็เผยสีหน้าอิจฉา
ถึงอย่างไรโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเช่นนี้ ใครจะไม่อยากได้
ตอนนี้เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย
เขาโบกมือกว้าง ยิงเถาวัลย์ออกมาหลายเส้น ทะลวงไปในหุบเขาเมื่อครู่
ไม่นานนัก เถาวัลย์พวกนั้นก็ม้วนผลสีแดงใสแวววาวออกมากองใหญ่
เสิ่นเทียนนำผลสีแดงพวกนั้นแบ่งให้ศิษย์ตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งสอง
“ทุกท่าน ผลจูกั่วพวกนี้ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าที่ข้ามอบให้พวกเจ้าแล้วกันนะ!”
ผลจูกั่วพวกนั้นมีหลายสิบลูก แจกจ่ายให้กับศิษย์พวกนี้ได้พอดี
แม้ศิษย์พวกนี้จะมีดวงชะตาเทียบกับจูเก่อซือหม่าไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ศีรษะเปล่งแสงสีแดง ถือว่าเป็นบุตรแห่งโชค
ด้วยหลักการยิ่งมีกุยช่ายมากเท่าไรยิ่งดี เสิ่นเทียนจึงลำเอียงไม่ได้ ย่อมชโลมน้ำฝนไปให้ทั่ว
มิหนำซ้ำ ผลจูกั่วระดับโอสถวิญญาณสูงสุดพวกนี้ เสิ่นเทียนจะมีหรือไม่มีก็ได้
แต่กับโอรสสวรรค์หนุ่มพวกนี้คือของหายาก
“ขอบคุณพี่ใหญ่เสิ่นมาก!”
ศิษย์สองตระกูลขุนนางพลันตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง
พวกเขาพากันเอ่ยขอบคุณ ภายในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อเสิ่นเทียน
…..
ทุกคนเดินหน้าต่อ บุกเบิกไปยังส่วนลึกของเกาะเทพลอยฟ้า
ตอนนี้ในใจทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างยิ่ง คิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องได้ประโยชน์อู้ฟู้แน่นอน
นี่เป็นเพียงขอบเขตรอบนอก ก็มีโอสถศักดิ์สิทธิ์โอสถวิญญาณมากขนาดนี้แล้ว
แค่คิดก็รู้ว่าส่วนลึกของเกาะเทพลอยฟ้าจะต้องมีมหาโชคลิขิตแน่นอน ทว่าพวกเขาไม่ได้ไปไกลนัก ก็ถูกขวางไว้
ตรงหน้าพวกเขามีม่านแสงยักษ์ลอยอยู่ เปล่งแสงหลากสี บดบังฟ้าบังดวงตะวัน
หมอกกลางม่านแสงขมุกขมัว หมอกเทาอบอวล เต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกและเฉียบคม
พลังแห่งหยินวนเวียน กลิ่นอายหนาวเยือกยิ่ง ทำให้คนขนพองสยองเกล้า
เหมือนนรกเก้าชั้น มืดมิดไร้ดวงตะวัน น่าพรั่นพรึง
จากนั้นทิศทัศน์พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นแสงสว่างร้อนแรง เหมือนดวงตะวันลอยสูง
พลังหยางยิ่งใหญ่ร้อนระอุยิ่ง เหมือนจะเปลี่ยนที่นี่เป็นนรกทะเลเพลิง อานุภาพหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนหยุดชะงัก เผยแววตาจริงจัง
ที่นี่น่ากลัวยิ่งนัก แผ่อำนาจคุกคามแก่กล้า ทำให้คนไม่กล้าแตะต้อง
จูเก่อหยวนเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หรือว่าจะเป็นเขตแดนเทพมรณะหยินหยางที่บรรพบุรุษรุ่นแรกกล่าวไว้กัน”
“ท่านบรรพบุรุษ เขตแดนเทพมรณะหยินหยางคืออะไรกัน”
จูเก่อซือหม่าเอ่ยถาม เขาไม่เคยได้ยินเขตแดนนี้มาก่อน
ซือหม่าเฉิงก้าวออกมาเช่นกัน ดวงตาลึกล้ำ “เมื่อหลายหมื่นปีก่อน บรรพบุรุษรุ่นแรกเคยเข้ามาที่นี่ ค้นพบเขตแดนเทพมรณะหยินหยาง เล่าลือว่าที่นี่เป็นดินแดนแห่งเขตแดนลึกลับ
ในนี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่ใช่ของโลกนี้…ปราณหยินหยางกำเนิดที่แยกออกมาจากไอเบิกฟ้า พลังงานนี้ คนธรรมดาหลอมรวมไม่ได้เลย ตอนนั้นบรรพบุรุษรุ่นแรกสัมผัสแค่เล็กน้อยก็เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรก”
ในน้ำเสียงของซือหม่าเฉิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตกใจ กลัวกับที่นี่อย่างยิ่ง
…..
บรรพบุรุษรุ่นแรกของสองตระกูลขุนนางในตอนนั้นก้าวสู่ระดับเตรียมเซียนแล้ว ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด
ทว่า แม้แต่พวกเขายังเกือบถูกปราณหยินหยางกำเนิดกลืนกิน จะเห็นได้ว่าที่นี่น่ากลัวเพียงใด
เวลานี้ ทุกคนใจสั่นไหว หวาดกลัวกันยิ่งนัก
จูเก่อหยวนอธิบายต่อ “ต่อมา ท่านบรรพบุรุษรุ่นแรกได้รับมรดกตำราสวรรค์เกราะมังกร จึงคิดจะเข้าไปสำรวจที่นี่อีกครั้ง พลังแห่งเขตแดนของพวกเขายกระดับขึ้นอย่างยิ่ง จึงมั่นใจว่าจะเปิดที่นี่ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังเข้าไม่ถึงส่วนลึกก็ถูกกดดันออกมา
เล่าลือว่าในนี้ซ่อนความสะพรึงกลัวไว้ สังหารเทพเจ้าและเซียนแท้ไว้มากมาย! กระทั่งยังมียักษ์ใหญ่สุดยอดสิ้นชีพลงที่นี่!”
จูเก่อหยวนหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาเหมือนคุยถึงสิ่งต้องห้ามบางอย่าง จึงสั่นกลัวไม่หยุด
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างชัดเจน
แค่ฟังเรื่องพวกนี้ก็ทำให้พวกเขาใจสั่นไหว ไม่กล้าเดินหน้าต่อแล้ว
“ดีที่การเข้าส่วนลึกเกาะเทพลอยฟ้ายังมีทางอื่นอีก พวกเราไม่ต้องฝ่าที่นี่ อ้อมไปกันเถอะ!”
จูเก่อหยวนได้รู้จากคัมภีร์บรรพชนที่บรรพบุรุษรุ่นแรกฝากเอาไว้ว่ายังมีทางอื่นที่ผ่านไปได้ จึงไม่ได้กังวลมาก
ด้วยความสามารถของพวกเขาตอนนี้ ไม่มีทางทลายค่ายกลนี้ได้เลย
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า
แม้แต่บรรพบุรุษทั้งสองยังหวาดกลัวที่นี่ขนาดนี้ พวกเขายิ่งไม่มีทางแตะต้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน