บทที่ 494 เจ้ามั่นใจนะว่าอยากโดนฟ้าผ่า
หลังยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายเขตแดนเสถียรภาพแล้ว เสิ่นเทียนก็ยิ้ม “ไปเถอะ!”
เขาไม่อยากเสียเวลาแล้ว คิดว่าจะไปให้ถึงการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ให้เร็วที่สุด
เสิ่นเทียนพุ่งขึ้น ดึงมือเสิ่นเสี่ยวเข้าไปในเส้นทางมิติ
เมื่อเห็นเด็กสาวที่จู่ๆ โผล่มา เอ๋าเลี่ยก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย
เขาพึมพำเสียงเบา “เด็กหญิงคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะเหนือธรรมดาเช่นนี้ หมอกบนตัวนางคืออะไรกัน ถึงทำให้คนหวาดกลัวได้เช่นนี้”
เอ๋าเลี่ยตื่นตกใจ
เขารู้สึกว่าในตัวเสิ่นเสี่ยวเต็มไปด้วยความลับ บรรยายไม่ได้
นี่ทำให้เขาคาดเดาลับๆ ในใจ
สหายเสิ่นหยวน มาจากตระกูลขุนนางลับใดกันแน่
ไม่ใช่แค่มีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่ยังพาเด็กหญิงน้อยน่ากลัวเช่นนี้มาด้วย
ดิดไม่ออก คิดไม่ออกเลย!
…..
ไม่ว่าเอ๋าเลี่ยจะคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจว่าขุมอำนาจใดจะปรากฏโอรสสวรรค์เช่นนี้ได้
และตอนนี้เอง เสิ่นเทียนไปไกลแล้ว
“หืม สหายเสิ่นหยวน รอข้าด้วย!”
เอ๋าเลี่ยตะโกนเสียงดัง ก่อนรีบตามไป
ยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายพลันเปิดออก แผ่พลังยิ่งใหญ่ฟ้าดินออกมา
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว พลังเทพโหมซัดสาด
จนเมื่อแสงสว่างขยับวูบวาบ สามคนพลันหายไป
…..
นอกยอดเขาประตูสวรรค์ดินแดนกลาง
ห้วงอากาศบิดรูป ฟ้าดินถูกพลังยิ่งใหญ่ฉีกออก ถ้ำแสงลอยขึ้นมา
จากนั้นสามร่างเงาก้าวออกมาจากถ้ำแสง
สามคนนี้ก็คือพวกเสิ่นเทียน
เอ๋าเลี่ยได้บอกตำแหน่งไว้ ทำให้เสิ่นเทียนเคลื่อนย้ายมาถึงที่นี่ได้ทันที
ดังนั้นแล้วจึงประหยัดเวลาไปได้มาก ตามการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ทัน
เมื่อสามคนปรากฏตัว ก็พบว่าที่นี่ไม่ธรรมดา
ตรงหน้าพวกเขาเป็นยอดเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง สูงเสียดเมฆ โอ่อ่ายิ่งใหญ่
ภูเขาเปล่งแสงสว่าง หมอกหนาทึบวนเวียน
มีกฎเกณฑ์มากมายตกมาจากฟ้า ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด
ที่นี่เหมือนกับแดนเซียน เมฆหมอกวนเวียน ลอยล่องอย่างชัดเจน
ตรงตีนเขามีทางเข้าแห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นแสงเทพสว่างจ้า แสงเรืองรองสว่างไปรอบๆ ลี้ลับยากจะคาดเดาเหมือนประตูสวรรค์
เมื่อเข้าไปที่นี่ก็เหมือนเชื่อมฟ้าไปสู่ผู้อริยะ ดูเพ้อฝันยิ่งนัก
ที่นี่ก็คือขุนเขาเทพ…ยอดเขาประตูสวรรค์
เสิ่นเสี่ยวมองยอดเขานี้ด้วยแววตาตื่นตกใจ
นางร้องตกใจดังขึ้น “อาจารย์ ที่นี่มหัศจรรย์มาก เหมือนมีกฎเกณฑ์ลี้ลับวนเวียนอยู่เลย!”
เสิ่นเสี่ยวพบว่าที่นี่ไม่ธรรมดา ต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
เอ๋าเลี่ยเผยแววตาตกใจ ไม่นึกเลยว่าเด็กตัวน้อยเท่านี้จะมองเห็นความลี้ลับได้ขนาดนี้
เขาอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เล่าลือว่ายอดเขาประตูสวรรค์เป็นประตูแห่งโลกเซียน ต่อมาเนื่องจากเจอมหาเคราะห์ภัย จึงตกลงมาโลกมนุษย์พร้อมกับห้าดินแดน
ที่นี่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์วิถีเซียน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งสูงสุดเผ่าวิญญาณร้ายยังไม่กล้าเข้าใกล้ จึงจัดการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ที่นี่เหมาะสมที่สุดแล้ว!”
ยอดเขาประตูสวรรค์มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยมียักษ์ใหญ่ปกครองอยู่
อาบกฎเกณฑ์วิถีเซียน ทำให้สิ่งชั่วร้ายเงามืดย่างกรายไม่ได้
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ห้าดินแดนกับโลกเซียนมีสัมพันธ์แน่นแฟ้น มีซากโบราณจากโลกเซียนเหลืออยู่บ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก
ยอดเขาประตูสวรรค์นี่เต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาจริงๆ
ไม่ใช่แค่ยอดเขาเดียว แต่เป็นฟ้าดินแห่งหนึ่ง
เอ๋าเลี่ยพูดด้วยความตื่นเต้น “สหายเสิ่นหยวน เราเข้าไปกันเถอะ!”
เขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากจะทำศึกกับทุกคน
…..
ทุกคนก้าวเข้าประตูสวรรค์ เหมือนเข้าไปอีกโลกหนึ่ง
ฟ้าดินผันเปลี่ยน ปรากฏการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก
สิ่งมงคลต่างๆ ทะยานขึ้น กฎเกณฑ์มากมายตกลงมา สว่างจ้าแสบตา
ทะเลเมฆหมุนม้วน หมอกกว้างใหญ่ไพศาล
เหมือนแดนเซียนในเมฆ ทำให้คนท่องไปในนั้นลืมกลับ
แม่น้ำภูเขารอบๆ งดงามพริ้มเพรา กระเรียนขาวโผบิน อัจฉริยะเลิศล้ำ
เมื่อเข้ามาที่นี่ ทุกคนรู้สึกตัวเบา เหมือนอยู่ในทะเลพลังวิญญาณ
ที่นี่ไม่ธรรมดาเลย เหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ปกติ
หากฝึกบำเพ็ญที่นี่ จะได้ผลดีเป็นเท่าตัว
…..
สามคนเดินหน้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงยอดเขา
ที่นี่มีผู้คนขวักไขว่เต็มไปหมด นับไม่หวาดไม่ไหว
ผู้บำเพ็ญมีให้เห็นทุกที่ คึกคักยิ่ง เผยความเจริญรุ่งเรืองอย่างชัดเจน
ทุกคนยังหนุ่มสาวมาก ไม่เกินร้อยปี กลิ่นอายพลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง
ส่วนใหญ่ทะลวงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ โอรสสวรรค์ระดับอริยะแท้ยังมีไม่น้อย
ที่นี่รวมโอรสสวรรค์ห้าดินแดนไว้ เรียกได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งตั้งกันสลอน
โอรสสวรรค์ทุกเผ่าต่างมีรูปร่างต่างกัน
บางคนเปล่งแสงเงินทั้งตัว เหมือนเผ่ามนุษย์สัตว์ที่หลอมขึ้นจากเหล็กเงิน
และยังมีเผ่ามนุษย์ม้าที่ครึ่งบนเป็นมนุษย์ครึ่งล่างเป็นขาม้า
มีเผ่าทูตสวรรค์ที่มีวงรัศมีเหนือศีรษะ มีปีกนางฟ้าข้างหลัง
แต่เผ่าที่มากที่สุดคือเผ่ามนุษย์กับเผ่าอสูร
ทุกคนรวมกัน บรรยากาศคึกคักมาก
พวกเขากำลังรอการประลองใหญ่โอรสสวรรค์เริ่ม จึงกำลังสนทนามรรคกับการคงอยู่สุดยอดมากมาย
……
เอ๋าเลี่ยเพิ่งเข้ามาที่นี่ก็ตาเป็นประกาย
ที่นี่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดต่อเขาอย่างยิ่ง ทำให้เขาตื่นเต้นมาก
เอ๋าเลี่ยรีบวิ่งไปหน้าโอรสสวรรค์พวกนั้น “สหาย พวกเรามาประลองกันดีหรือไม่
สหาย ข้าว่าเจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่ง เรามาประลองกันดีหรือไม่
มีใครจะประลองกับข้าหรือไม่ มาเลยๆ!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเอ๋าเลี่ย โอรสสวรรค์พวกนั้นหน้ากระตุกเล็กน้อย หัวเราะแห้งๆ กันไม่หยุด
พวกเขาต่างเคยได้ยินชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเทพมังกรเอ๋าเลี่ยกันมาแล้ว
เจ้านี่เป็นองค์รัชทายาทตำหนักเทพมังกร มีสายเลือดมังกรดำระดับสิบสอง ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของเขา ต่อให้เป็นทั้งห้าดินแดนก็ยังถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์
ที่สำคัญคือเอ๋าเลี่ยชอบหาคนมาวิวาทด้วยตลอด และยังไม่ยั้งมือ
โอรสสวรรค์ทุกคนที่ประมือกับเอ๋าเลี่ยปกติจะหนังหลุดลอก
การถูกโอรสสวรรค์เช่นนี้จับจ้อง ทุกคนจึงรู้สึกขนหัวลุก
หลายคนเห็นเอ๋าเลี่ยแล้วก็พากันถอยไปเหมือนเจอเทพแห่งโรคห่า
เอ๋าเลี่ยตะโกนเสียงดังด้วยความสนุกสนาน อดบ่นพึมพำไม่ได้ “อะไรกัน เหตุใดถึงไม่มีใครอยากฝึกมือกับข้าเลย เฮ้อ ไร้พ่ายยังเงียบเหงาเหลือเกิน!”
…..
ตอนนี้เองห้วงอากาศไหลหลาก
มิติบิดเบี้ยว แผ่พลังแห่งมิติมหาศาลออกมา
บุรุษชุดคลุมม่วงคนหนึ่งก้าวออกมาจากมิติ ร่างลอยล่องไม่อาจคาดเดา เหมือนหลอมรวมกับมิติฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียว
เขาผิวพรรณขาวผ่องดั่งหยก เอกลักษณ์สง่างามดั่งหยก เหนือธรรมดา สตรียังริษยา
คนนี้ยกกระจกโบราณ เหมือนยกฟ้าดินหนึ่งทิศ พลานุภาพมหาศาลไม่อาจปัดป้อง
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ร้องตกใจดังไม่ขาดสาย
“มีสุดยอดโอรสสวรรค์มาแล้ว!”
“นั่นคือ…บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาเซิ่งหยางซวี!”
“กระจกในมือเขา หรือว่าจะเป็นกระจกโบราณสุญญะยอดอาวุธสูงสุดกัน”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภามีชื่อเสียงโด่งดังมาก เลื่องลือไปทั้งห้าดินแดน
เมื่อเขาปรากฏตัว โอรสสวรรค์มากมายต่างยำเกรง และยังมีธิดาสวรรค์ไม่น้อย ตอนนี้ทำหน้าเคลิบเคลิ้ม “เซิ่งหยางซวี!”
“เซิ่งหยางซวี!”
“เซิ่งหยางซวี”
พวกนางหลงใหลในใบหน้าสุดยอดของเซิ่งหยางซวี กลายเป็นสาวน้อยผู้คลั่งไคล้
…..
จากนั้นก็ปรากฏแสงเรืองรองขึ้นอีก
ห้วงอากาศไม่ไกลพลันแตกสลาย กระจายเป็นผุยผง
ร่างเงาอหังการยิ่งก้าวออกมา พลานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน
เขาเดินหน้ามา ทุกย่างก้าวจะเหยียบอากาศแตกกระจาย ทำให้ฟ้าดินยุบลง
ข้างหลังเขาเกิดปรากฏการณ์น่ากลัวลอยขึ้น บดบังฟ้าบังดวงตะวัน
ดวงตายักษ์สะท้อนฟ้าดิน เป็นลายพร้อยซับซ้อน ปกคลุมเต็มไปด้วยลายมรรค
แค่ดวงตานี้ก็ทำให้คนเงียบกริบแล้ว
ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังเก่าแก่และดึกดำบรรพ์กระจายออกมา เหมือนฟ้าดินเข้าสู่หายนะ อานุภาพสูงสุด
คนนี้เหมือนผู้อริยะมาแต่กำเนิด ทำให้ฟ้าดินยอมศิโรราบ
“นี่มัน…ผู้มีดวงตาซ้อนทับ!”
“เซี่ยงฉงโหลวแห่งตระกูลขุนนางโบราณ เขาก็มาด้วย!”
ผู้มีดวงตาซ้อนทับมีชื่อเสียงเลื่องลือเช่นกัน ทำให้คนมากมายยำเกรง
พลังบำเพ็ญเขาเพียงแค่มหาอริยะสิบด่านเคราะห์ แต่กลับเคยสังหารเตรียมเซียนสิบสี่ด่านเคราะห์
กำลังรบเช่นนี้น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!
เซี่ยงฉงโหลวปรากฏตัวแล้วก็พุ่งขึ้นแท่นผนึกเทพ
แท่นผนึกเทพเป็นเวทีประลองสูงสุดของยอดเขาประตูสวรรค์ เล่าลือว่าเวทีประลองนี้สร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งสูงสุด แม้แต่เซียนแท้เทพเจ้ายังเคยประลองกัน
สถานที่จัดงานหลักของการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ครั้งนี้ก็คือแท่นผนึกเทพ
เซี่ยงฉงโหลวยืนบนแท่นผนึกเทพ มองเซิ่งหยางซวีในห้วงมิติไกลๆ “หยางซวี ขึ้นมาสู้กัน”
เซิ่งหยางซวีหน้าดำมืด ท่วงท่าสง่างามพลันหายไป
เขาตะโกนเสียงดัง “เจ้าคนแซ่เซี่ยง แซ่เซิ่งเกลียดคนที่เรียกข้าเช่นนี้ที่สุด เจ้าเติมแซ่เข้าไปหน่อยได้หรือไม่”
เซี่ยงฉงโหลวเอ่ยราบเรียบ “เช่นนั้นก็เรียกเจ้าว่าเซิ่งสวี!”
เซิ่งหยางซวีตัวสั่นอย่างรุนแรง “เจ้านี่เรียกนามเต็มข้าไม่ได้รึ”
เซี่ยงฉงโหลวส่ายหน้า “ไม่ได้!”
เซิ่งหยางซวีกระทืบเท้าด้วยความโมโห ด่าทอเสียงดัง “เจ้า ปากสุนัขอย่างเจ้านี่ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาง้างกระจกโบราณสุญญะและปาใส่เซี่ยงฉงโหลว
พริบตานั้น ฟ้าดินมืดครึ้มลง
กระจกโบราณสุญญะกดอัดท้องนภา เหนี่ยวนำพลังยิ่งใหญ่กดใส่เซี่ยงฉงโหลว
ห้วงอากาศพลันแตกกระจาย ถล่มเป็นซากปรักหักพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน