ไม่อยากเชื่อว่าจะเปิดได้สมบัติวิเศษระดับสูงสุดอีกชิ้นแล้ว!
ทุกคนที่มุงดูอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์พากันตกตะลึง!
“ประเสริฐนัก ค้อนนี่เหมือนจะแข็งแกร่งมาก!”
“ค้อนเปล่งแสงสายฟ้าสีม่วงทอง พลานุภาพโดดเด่นชวนให้คนอดตัวสั่นมิได้”
“ในมุมมองข้า ค้อนม่วงทองนี่เกรงว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าปิ่นขนหงส์เสียอีก”
……
ผู้มีวาสนาทั้งหมดต่างมองด้วยแววตาชื่นชมอิจฉา
ถึงแม้หินแร่วิญญาณที่ท่านเซียนเลือกแทนพวกเขาจะได้ของดีมาเช่นกัน แต่เมื่อเทียบมูลค่ากับค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่แล้ว กลับเทียบกันไม่ได้เลย
เถ้าแก่ซ่งฝ่าฟันสร้างกิจการใหญ่ในสวนหมื่นวิญญาณได้ ย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว
ถ้ารู้แต่แรกว่าแขวนคำกลอนคู่ไว้หน้าร้าน เดิมตามท่านเซียนซ้ายขวา จะทำให้ท่านเซียนช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่ออกมาเป็นของวิเศษสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ละก็
พวกเขาก็คงจ้างขบวนตีฆ้องตีกลองคุยโวโอ้อวดให้ท่านเซียนเหมือนกัน!
เฮ้อ จะโทษก็ต้องโทษที่ตนเหนียมอายเกินไป ไม่ได้ใจกว้างอย่างเถ้าแก่ซ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ได้ค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่ต้องเป็นตนไม่ใช่หรือ
พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าผู้มีวาสนารอบกายต่างตีอกชกหัวกันใหญ่ สาบานในใจเงียบๆ ว่าครั้งหน้าจะต้องพยายามให้มากกว่านี้!
พยายามประจบท่านเซียนทุกวิถีทางให้ถึงระดับพึงพอใจที่สุด!
……………
พอเห็นเถ้าแก่ซ่งจ้องค้อนม่วงทองด้วยความตกตะลึงและหลงใหลแล้ว ผู้มีวาสนาคนที่สองกลอกตาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมไปอยู่ข้างเถ้าแก่ซ่ง
“เถ้าแก่ซ่ง เถ้าแก่คิดจะรับสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไว้เองหรือ”
เถ้าแก่ซ่งได้สติกลับมา พูดเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ขอบคุณสหายที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว
ตาแก่อย่างข้าจะไปหาสหาย แล้วดำเนินเรื่องเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียน ส่วนมูลค่าของค้อนม่วงทองนี่ แน่นอนว่าต้องมีส่วนของท่านเซียนเอ้าเทียนด้วยครึ่งหนึ่ง”
ผู้มีวาสนาคนที่สองทำสีหน้าเลื่อมใส สมกับเป็นเถ้าแก่ซ่งจริงๆ!
หลายวันมานี้ เขาพูดจาโน้มหน้าโน้มหลังให้ผู้มีวาสนาแบ่งผลประโยชน์ให้ท่านเซียนห้าส่วน แต่ก็ต้องเสียเวลาพูดกับผู้มีวาสนาทุกคน หลังจากสาธยายถึงส่วนได้ส่วนเสียอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงได้ยอมให้
มีเพียงเถ้าแก่ซ่งที่เขาแค่จี้จุดเพียงเล็กน้อย ก็เข้าใจทุกอย่างโดยพลัน
มิน่าเขาถึงได้เป็นเถ้าแก่ ระดับความฉลาดทางอารมณ์สังหารได้หลายคนในพริบตาเดียว!
…….
ผู้มีวาสนาคนที่สองเห็นเถ้าแก่ซ่งเดินไปหาเสิ่นเทียน ในนัยน์ตาไร้ซึ่งความโดดเดี่ยว
เถ้าแก่ซ่งหยิบค้อนม่วงทองบนพื้นขึ้นมา พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด
ไม่เลวเลย เป็นของดีระดับสูงสุดที่พบเห็นได้ยากในท้องตลาดจริงๆ
ในค้อนม่วงทองยังสลักจารึกตราเวทสายฟ้าที่ลี้ลับเอาไว้ด้วย แค่ส่งพลังวิญญาณเข้าไป ก็จะกระตุ้นให้ตราเวทปล่อยสายฟ้าทรงพลังออกมาได้
หากเถ้าแก่ซ่งมองไม่ผิด ค้อนม่วงทองนี่น่าจะเคยเป็นสมบัติวิญญาณมาก่อน เพียงแต่ผนึกอยู่ในหินแร่วิญญาณนานเกินไปจึงสูญเสียแก่นราก ระดับชั้นตกลงมา
ถ้ามีผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้าเก่งๆ ใช้พลังวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์บำรุงรักษามัน ให้เวลามันอีกสักหน่อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณได้เลย
หากให้เถ้าแก่ซ่งประเมินราคาค้อนม่วงทอง อย่างน้อยก็ต้องมีสามแสนก้อนศิลาวิญญาณ!
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “เถ้าแก่ซ่งเป็นอย่างไรบ้าง มันไม่ทำให้เจ้าผิดหวังละสิ!”
เถ้าแก่ซ่งขยับดวงตาเล็กน้อย พูดยิ้มๆ ว่า “ที่ไหนกันๆ ท่านเซียนสุดยอดจริงๆ ค้อนม่วงทองนี่ค่อนข้างไม่ธรรมดา ตาแก่อย่างข้ามองว่าน่าจะอย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้อนศิลาวิญญาณ”
คำพูดของเถ้าแก่ซ่งทำให้คนที่มีความรู้เรื่องสมบัติรอบๆ พากันขมวดคิ้ว
เจ้าว่าสมบัติวิเศษระดับสูงสุดที่เปล่งแสงสายฟ้าม่วงทองทุกส่วนนี่ มีค่าเพียงหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณหรือ
เถ้าแก่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเถ้าแก่คนก่อนที่กดราคาต่อหน้าท่านเซียนมีจุดจบเป็นอย่างไร
ผู้มีวาสนาคนที่สองกับผู้มีวาสนาคนแรกมองเถ้าแก่ซ่งพลางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
เดิมทีก็คิดว่าเถ้าแก่ซ่งเป็นคนฉลาด ตอนนี้ดูๆ แล้ว…
เฮ้อ จริงๆ เลย เถ้าแก่ซ่งก็ยังต้านความเย้ายวนไม่ไหว!
เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ใส่ใจราคาที่เถ้าแก่ซ่งประเมิน ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยคนค้นวิญญาณประเมินแร่ ไม่ได้คิดจะตักตวงผลประโยชน์อะไรมากอยู่แล้ว
ขอแค่ไอดำมืดเหนือศีรษะน้อยลงเรื่อยๆ ก็พอ
ก็ได้!
ความจริงสาเหตุหลักๆ คือเสิ่นเทียนไม่รู้เลยว่าสิ่งนี้มีค่าเท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวซวยที่โชคร้ายมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขายากจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ไม่เคยมีเครื่องประดับระดับสูงอะไรมาแต่ไหนแต่ไร จะประเมินราคาอย่างแม่นยำได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน