บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 501

บทที่ 501 ข้าไม่ใช่บุตรแห่งโชคจริงๆ

เสิ่นเทียนไม่นึกเลยว่าตนจะข้ามมิติกลับมาเมื่อสี่แสนเก้าหมื่นปีก่อน

ก่อนหน้านี้เขายังตามหาสหายเก่ามาตลอด

ไม่นึกเลยว่าราชันมนุษย์จะเป็นตัวเขาเอง

เมื่อสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในช่วงนี้ เสิ่นเทียนก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

สุดยอดโอรสสวรรค์ร้อยแปดคนตรงหน้า ที่แท้คือร้อยแปดขุนพลแห่งโถงสวรรค์ยุคบรรพกาล

มิน่าพวกเขาถึงมีวิชาในมรดกของร้อยแปดขุนพล

เพราะเดิมทีนี่เป็นมรดกของพวกเขาเอง

เพียงแต่ว่าภายหลังสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ แกร่งขึ้นเรื่อยๆ

และที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือราชันมนุษย์รุ่นสองที่คนเฝ้าสุสานพูดถึงก็คือเขาเอง

หรือว่าเป็นเพราะตนข้ามมิติมา จึงทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป

ไม่เข้าใจในจุดนี้จริงๆ

ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีความขัดแย้งมากมาย อย่างเช่นการผิดเวลาบางอย่าง

……

แต่เสิ่นเทียนก็ค่อยๆ ยอมรับฐานะนี้

ข้ามมาเมื่อสี่แสนเก้าหมื่นปีก่อน นี่อาจจะเป็นเรื่องดี บางทีอาจจะแก้ประวัติศาสตร์ยุคบรรพกาล ช่วยโลกนี้ได้

หากไม่มีอดีต จะมีอนาคตได้อย่างไร

เสิ่นเทียนไม่ใช่แค่จะปกป้องโลกนี้ แต่จะสร้างโอกาสรอดชีวิตในอนาคตให้

ถึงอย่างไรญาติพี่น้องและพวกอาจารย์และสหายของเขาก็กำลังรอเขาอยู่

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนเผยแววตาแน่วแน่

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องช่วยยุคสมัยที่กำลังอยู่ในวิกฤติร้ายแรงนี้ให้ได้

…..

เหล่าโอรสสวรรค์ดวงตาลุกวาว จ้องเสิ่นเทียนเขม็ง

พวกเขามีสีหน้าตื่นเต้น ภายในใจเต็มไปด้วยความหวัง

เพราะราชันมนุษย์คือการคงอยู่ระดับสูงสุดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์แล้ว

ตอนนั้นราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งซุ่ยปรากฏขึ้น นำพาหมื่นเผ่าพันธุ์ต่อต้านวิญญาณร้ายต่างแดน

หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งลากจักรพรรดิเซียนวิญญาณร้ายสามตนตายไปด้วยกัน จะมียุคหลังได้อย่างไร

ตอนนี้เผ่าวิญญาณร้ายรุกรานมาอีกครั้ง ทุกคนเกิดวิกฤติร้ายแรงขึ้น

ทุกคนรู้ว่าหากไม่เกิดจุดเปลี่ยน พวกเขาจะยื้อไว้ได้ไม่กี่ปี ต้องถูกเผ่าวิญญาณร้ายล้างบางแน่

จากสงครามดินแดนทักษิณครั้งนี้ก็มองออกแล้วว่าหากไม่ได้เสิ่นเทียนออกมือ พวกเขาต้องตายกันที่นี่

ดังนั้น เสิ่นเทียนไม่ใช่แค่ผู้สืบทอดกายราชันมนุษย์ แต่ยังเป็นความศรัทธาของทุกคน

เขาคือความหวังที่จะนำพาห้าดินแดนกลับไปสู่จุดสูงสุด ต่อต้านวิญญาณร้าย!

…..

เหล่าโอรสสวรรค์เผยแววตามีความหวัง พูดขอร้อง “ขอเชิญราชันมนุษย์รุ่นสองนำพาพวกเราต่อต้านวิญญาณร้าย ช่วยห้าดินแดนด้วย! พวกเรายินดีติดตามใต้บัญชาราชันมนุษย์ ร่วมสู้กับวิญญาณร้าย”

เหล่าโอรสสวรรค์พูดพร้อมกัน คำพูดเด็ดขาด

เดิมทีพวกเขาเป็นโอรสสวรรค์สูงสุดของทุกขุมอำนาจ มีความหยิ่งยโสโอหัง เหนือสามัญ

ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของเหล่าโอรสสวรรค์ ภายภาคหน้าจะเป็นยักษ์ใหญ่หนึ่งทิศ คำรามดังสนั่นเมฆลม

ทว่าพวกเขายินดีติดตามเสิ่นเทียนอย่างไม่ลังเลเลย

เมื่อเห็นดังนั้น เตรียมจักรพรรดิสามคนแววตาเปลี่ยนไป

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะกล้าหาญเช่นนี้ ทำให้เหล่าโอรสสวรรค์ยอมศิโรราบ

แต่ด้วยศักยภาพของเขาก็ทำเช่นนี้ได้จริงๆ

เสิ่นเทียนตั้งสติกลับมาได้ก็เผยรอยยิ้ม “แซ่เสิ่นเป็นส่วนหนึ่งของห้าดินแดน ย่อมต้องต่อต้านวิญญาณร้ายอย่างเต็มความสามารถ! พวกเราจะช่วยกันขับไล่เผ่าวิญญาณร้ายไปจากที่นี่!”

เหล่าโอรสสวรรค์มีสีหน้าตื่นเต้น ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน “ขอรับ ตามคำสั่งราชันมนุษย์!”

มีเสิ่นเทียนกายราชันมนุษย์นำ ห้าดินแดนมีหวังชนะมากกว่าเดิมแล้ว

บางทีอาจจะใช้โอกาสนี้บุกกลับโลกเซียน กลับไปสู่บ้านเกิดอีกครั้ง

ดังนั้นทุกคนจึงตื่นเต้นอย่างยิ่ง

…..

อวี้ซวีจื่อเดินเข้ามา “สหายเสิ่น ในเมื่อเจ้าปลุกตื่นกายราชันมนุษย์ ก็ลองฟื้นฟูขุมอำนาจราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งเถอะ! ราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง ‘ซุ่ย’ เคยสร้างตำหนักราชันมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ ปกครองโลกหล้า

นี่เป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดของโลกเซียน เป็นที่สุดในประวัติการณ์ หมื่นเผ่าพันธุ์ยอมศิโรราบ ขณะเดียวกัน ตำหนักราชันมนุษย์ยังได้รับขนานนามว่าเป็นตำหนักที่สูงส่งที่สุดในยุคดึกดำบรรพ์ มีความลี้ลับมากมาย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาอวี้ซวีจื่อเต็มไปด้วยการเฝ้าใฝ่หา

เขามีกายมรรคสวรรค์ประทาน ชอบตามหาคัมภีร์โบราณ รู้ความลับของยุคดึกดำบรรพ์อยู่บ้าง

อวี้ซวีจื่อเคยอ่านเจอในคัมภีร์โบราณว่าตำหนักราชันมนุษย์ไม่ใช่แค่ตำหนักสูงส่งที่สุด แต่ยังเป็นอาวุธสังหารที่แข็งแกร่ง

มันกับตราราชันมนุษย์ร่วมกันส่งเสริมราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง เปล่งแสงสว่างในยุคมืดช่วงปลายดึกดำบรรพ์

นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายมากมายหวาดกลัว แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล

จากนั้นอวี้ซวีจื่อถอนหายใจเบา “เมื่อราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งสิ้นชีพลง ตำหนักราชันมนุษย์ก็ตกต่ำลง เงียบสงบในห้าดินแดน

แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตำหนักของราชันมนุษย์รุ่นหนึ่ง มันไม่ธรรมดาเลย! จากในบันทึกคัมภีร์โบราณ ราชันมนุษย์เคยวางค่ายกลสังหารที่แกร่งที่สุดในโลก หากคุมโดยการคงอยู่ระดับราชาเซียน ถึงขั้นสู้กับจักรพรรดิเซียนได้ น่ากลัวที่สุด

หากฟื้นตำหนักราชันมนุษย์ขึ้น จะต้องต่อกรกับวิญญาณร้ายต่างแดนได้ดีกว่าเดิมแน่ แต่การจะปลุกตำหนักราชันมนุษย์ ไม่ใช่แค่ต้องมีกายราชันมนุษย์ แต่ต้องใช้ตราราชันมนุษย์ ทว่าตราราชันมนุษย์หายไปในช่วงปลายยุคดึกดำบรรพ์ ไม่พบร่องรอย”

เมื่อได้ฟังคำพูดของอวี้ซวีจื่อ เสิ่นเทียนตาเป็นประกายวาววับ

เขายังไม่รู้ความลับพวกนี้ เกือบจะพลาดสมบัติสุดยอดไปแล้ว

แต่ก็ไม่เป็นไร

เสิ่นเทียนเคยไปตำหนักราชันมนุษย์ รู้ตำแหน่งของมัน

อีกทั้ง ตราราชันมนุษย์ยังอยู่ในมือเขา

การปลุกตำหนักราชันมนุษย์ไม่ใช่เรื่องยาก

…….

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ดี ข้าเข้าใจแล้ว! ที่นี่ยกให้พวกเจ้าจัดการแล้วกัน”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายที่นี่ตายหมดแล้ว เหลือแค่พวกเดรัจฉานเล็กน้อย ไม่ต้องกลัวเลย

ด้วยพลังของสามเตรียมจักรพรรดิกับเหล่าโอรสสวรรค์ การจัดการที่นี่เป็นเรื่องง่ายดาย

เสิ่นเทียนไม่ได้ห่วงหลัง เขาจะเดินทางไปทะเลอุดร นำตำหนักราชันมนุษย์กลับมา

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า

เจียงไท่อี่เหมือนนึกอะไรได้จึงรีบพูดขึ้น “สหายเสิ่น เช่นนั้นขุมอำนาจเราตั้งนามว่าอะไรดี”

ตอนนี้พวกเขาอยู่ใต้บัญชาเสิ่นเทียน เท่ากับก่อตั้งขุมอำนาจใหม่

ขุมอำนาจนี้รวมขึ้นจากโอรสสวรรค์ที่เป็นสุดยอดที่สุดของยุคนี้ ทั้งยังมีราชันมนุษย์นำ

ขุมอำนาจนี้ บอกว่าเป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดนก็ไม่เกินจริงไป!

ดังนั้นย่อมต้องตั้งนามเจ๋งๆ

เสิ่นเทียนครุ่นคิดเล็กน้อย ดวงตาขยับวาววับ “ถ้าเช่นนั้น ชื่อว่าโถงสวรรค์แล้วกัน!”

เมื่อเอ่ยออกไปก็เหมือนฟ้าร้อง!

พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน เหล่าโอรสสวรรค์ตัวสั่นไหวเบาๆ

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะตั้งนามนี้

ต้องรู้ว่า ‘โถงสวรรค์’ เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งอัปมงคลในความทรงจำทุกคน

เล่าลือว่าในช่วงยุคดึกดำบรรพ์ ราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งก็คิดจะสร้างโถงสวรรค์ ต่อมาเพราะสาเหตุที่ไม่อาจบรรยายได้บางอย่างจึงเปลี่ยนเป็นตำหนักราชันมนุษย์

นี่เหมือนกับคำสาปจำกัดการกำเนิดพลังนี้

เสิ่นเทียนเองก็รู้ในจุดนี้ แต่ไม่สนใจ

เขาไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์อยู่แล้ว ทั้งยังมีใจไร้พ่าย จะกำราบศัตรูทั้งหมดในโลก

มีคนไม่ให้สร้างขุมอำนาจนี้ เขาก็จะสร้าง!

เสิ่นเทียนอยากรู้ว่าเบื้องหลังนี้ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่!

……

เจียงไท่อี่ดวงตาสว่างจ้าเหมือนดวงตะวัน “ดี เช่นนั้นก็ชื่อโถงสวรรค์!”

แม้รู้ว่าไม่มงคล แค่ทุกคนก็ไม่กลัว

เพราะผู้นำพวกเขาคือเสิ่นเทียน เป็นกายราชันมนุษย์รุ่นสอง ทั้งยังสังหารจักรพรรดิแล้ว!

มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ พวกเขาไม่ต้องกลัวอะไรเลย

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เจียงไท่อี่พูดด้วยความตื่นเต้น “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่บันทึกไว้ได้อย่างไร นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการสร้างโถงสวรรค์ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปเป็นหมื่นปี!”

พอเอ่ยจบ เจียงไท่อี่ก็หยิบพู่กัน นำม้วนหนังโบราณออกมาบันทึก

“วันนี้ห้าดินแดนพบเจอหายนะ วิญญาณร้ายนอกฟ้ารุกราน

กายราชันมนุษย์พลิกฟ้าถือกำเนิด สังหารเทพมารสามพัน สังหารวิญญาณร้ายสูงสุด

สุดยอดโอรสสวรรค์ร้อยแปดท่านศิโรราบใต้บัญชาราชันมนุษย์ ร่วมกันสร้างโถงสวรรค์ ปราบเหล่าทวยเทพ!”

……

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนพาเสิ่นเสี่ยวจากไป มุ่งหน้าไปทะเลอุดร

เนื่องจากเคยมาที่นี่ก่อนเลยรู้ตำแหน่งมัน

เสิ่นเทียนวางยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายเขตแดน มุ่งตรงไปตำหนักราชันมนุษย์

ไม่นานสองคนก็มาถึงเป้าหมาย

มองตำหนักโอ่อ่ายิ่งใหญ่ตรงหน้า สองคนก็ยังตกตะลึงในใจยิ่ง

ก่อนหน้านี้เสี้ยววิญญาณราชันมนุษย์รุ่นหนึ่งปรากฏมาแล้ว เสิ่นเทียนจึงไม่ได้สนใจตำหนักราชันมนุษย์มาก

แต่ตอนนี้เมื่อเขาพิจารณามองอย่างละเอียด ก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาจริงๆ

ทั้งตำหนักราชันมนุษย์เต็มไปด้วยลายมรรคแปลกประหลาด นี่คือลายเก่าแก่ ไม่รู้สืบทอดมาจากยุคอะไร

ในนั้นยังแผ่พลังที่ทำให้เสิ่นเทียนหวาดกลัว เห็นได้ชัดมากว่านี่เป็นค่ายกลสังหารที่แกร่งที่สุดในโลกตามที่อวี้ซวีจื่อบอก

เสิ่นเทียนรู้สึกได้ว่าหากตนปลุกค่ายกลสังหารพวกนี้ บางทีอาจจะสังหารการคงอยู่ระดับมหาจักรพรรดิได้

นี่ยังเป็นสาเหตุที่ตำหนักราชันมนุษย์เคยเสียหายหนัก ต้นกำเนิดเสียหาย

เสิ่นเทียนพลังบำเพ็ญอ่อนแอเกินไป ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในนั้น

หากฟื้นฟูค่ายกลในตำหนักราชันมนุษย์ได้ ขณะเดียวกันพลังบำเพ็ญยังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

บางทีสักวัน เสิ่นเทียนอาจจะสังหารราชาเซียนได้จริงๆ!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนดวงตาแวววาว

เขาเรียกตราราชันมนุษย์ออกมาอย่างไม่ลังเล

….

เสิ่นเทียนยิงแสงเทพสว่างจ้าออกจากฝ่ามือ ส่องสว่างฟ้าดิน

ตราโบราณสีทองชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไป ส่องสะท้อนบนนภา แผ่อำนาจเทพมหาศาล

แสงเทพหมื่นสายชะล้างฟ้าดิน ปกคลุมโลกนี้ไว้ทั้งหมด

ขณะเดียวกันเสิ่นเทียนยังปลุกพลังกายราชันมนุษย์ ส่งเข้าไปในตราราชันมนุษย์เรื่อยๆ ทำให้แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

รอบนอกตำหนักราชันมนุษย์ปกคลุมด้วยแสงสีทองหลากสี ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แสงเรืองรองส่องสว่าง

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่น ฟ้าดินโคลงเคลง

ภายใต้กายราชันมนุษย์กับตราราชันมนุษย์ส่งเสริม ตำหนักราชันมนุษย์สั่นไหวอย่างรุนแรง

ปรากฏแสงสีสันหลากสี นิมิตมงคลลอยขึ้น

ตำหนักราชันมนุษย์ที่เดิมทีใหญ่โตกลายเป็นตำหนักเล็กลอยอยู่ในมือเสิ่นเทียน

แม้ตำหนักจะเล็ก แต่แฝงไว้ด้วยพลังยิ่งใหญ่สูงสุด มากมายมหาศาล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน