กว่าจะทะลวงช่วงสร้างฐานไม่ใช่ง่ายๆ จึงเดินทางมาเลือกของขวัญที่สวนหมื่นวิญญาณ ปรากฏว่าระหว่างทางเกิดธาตุไฟเข้าแทรกอย่างน่าพิศวง ตื่นขึ้นมารู้สึกวิ้งๆ ที่หลังศีรษะ
นี่ไม่เท่าไร ถึงอย่างไรก็แค่ปวดหัวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้กระเทือนถึงรากฐานการบำเพ็ญ
ปัญหาคือเขาพักผ่อนคืนหนึ่ง วันที่สองก็ไปสืบข่าวในละแวกสวนหมื่นวิญญาณ ได้รู้ว่าสวนหมื่นวิญญาณแห่งนี้มีปรมาจารย์เซียนค้นวิญญาณนามเสิ่นเอ้าเทียน
ปรมาจารย์เซียนท่านนี้ค้นวิญญาณประเมินแร่แทนผู้มีวาสนา ทั้งยังแม่นยำยิ่ง
ในเวลาหลายวันสั้นๆ ได้ผ่าแร่ออกมาเป็นของดีติดต่อกันหลายสิบก้อน ซ้ำยังมีข่าวลือว่าปรมาจารย์เซียนเปิดได้เมล็ดน้ำเต้าเซียนระดับสูงสุดที่เป็นอันดับสามสิบหกในรายนามไม้วิญญาณ
รู้กันดีว่าเมล็ดวิญญาณระดับสูงสุดเช่นนี้ แม้แต่ในแดนเทวาดาวประกายพรึกที่เสิ่นเอ้าเฝ้าใฝ่หามาตลอด มันยังเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่ศิษย์สายตรงกระทั่งผู้อาวุโสเฝ้าใฝ่ฝัน!
เสิ่นเอ้าย่อมเกิดความสนใจ คิดว่าตนควรไปพบปรมาจารย์เซียนท่านนี้หน่อย
ในมุมมองเสิ่นเอ้า ตนต้องมีวาสนากับปรมาจารย์เซียนท่านนี้แน่
ถึงอย่างไรชื่อสองคนก็ต่างกันแค่คำเดียว
นี่ถ้าบอกไร้วาสนา ก็ไปหลอกคนอื่นเถอะ!
…..
ถ้าให้ท่านเซียนช่วยได้จริงๆ ยังต้องกังวลเรื่องของขวัญคารวะอาจารย์อีกหรือ?
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเอ้าก็เริ่มสืบข่าวเรื่องเกี่ยวกับท่านเซียน จนเขารู้จักลัทธิปรมาจารย์เซียนจากปากผู้มีวาสนาของท่านเซียน อีกทั้งเขายังรู้ด้วยว่าผู้อาวุโสใหญ่ลัทธิปรมาจารย์เซียนในตอนนี้คือเถ้าแก่ซ่งร้านวิญญาณสวรรค์
เสิ่นเอ้าจึงแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยความเฝ้ารอคอยอยู่เต็มอก ก่อนจะก้าวเข้าประตูใหญ่ร้านวิญญาณสวรรค์อย่างจริงจัง
ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือไม่พบเถ้าแก่ซ่งร้านวิญญาณสวรรค์ แต่เจอกับคุณชายซ่ง เสิ่นเอ้าแสดงฐานะทันที หวังจะให้เถ้าแก่ซ่งออกหน้าพาเขาไปพบท่านเซียน
ทว่าคุณชายซ่งกลับบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน ให้ตามเขาเข้าหอในไปดื่มชาสักสองถ้วยก่อน
เมื่อชาเขียวยอดเขานภากาศชั้นดีตกถึงท้อง เสิ่นเอ้าก็ล้มลงอีกครั้ง
ตื่นมาอีกที เขาพบว่าตัวเองถูกมัดอยู่บนไม้กางเขนด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง ที่นี่เป็นห้องลับปิดตาย มองดูน่ากลัวน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
อีกทั้งดูแล้ว…เอ่อ เหมือนจะคุ้นตานิดๆ
“ไม่นึกเลยว่าร้านวิญญาณสวรรค์จะเป็นร้านโจร!”
เสิ่นเอ้าพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ “ประมาทแล้ว ประมาทจริงๆ”
เมื่อหลายวันก่อนเพิ่งสัมผัสกับน้องสิบสาม เหตุใดถึงไม่ระวังเช่นนี้
เฮ้อ ตอนแรกน่าจะไล่เสี่ยวหลี่จื่อออกจากตำหนักไปด้วย ข้ายังระวังไม่มากพอจริงๆ!
…….
ฮัดชิ้ว!
ณ กลางตำหนักใจพิสุทธิ์ เสิ่นเทียนจามทีหนึ่ง
ตอนนี้เขาพากุ้ยกงกงกับฉินเกากลับตำหนักแล้ว ในที่สุดเชือกเส้นนั้นที่ตึงเปรี๊ยะอยู่ในใจก็คลายลงสักที
ในพระราชวังแห่งนี้ เขาไม่ต้องกังวลว่าจะโดนพวกแฟนคลับบ้าคลั่งก่อความวุ่นวายอีก ไม่ต้องกังวลว่าผู้บำเพ็ญเลวทรามพวกนั้นจะมาสอดแนมความลับในตัวเขาอีก และยิ่งไม่ต้องกังวลว่าพี่หกจะรู้เรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นเสิ่นเอ้า
ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนที่ได้ชะล้างจากดำเป็นขาวและกลายเป็นเขียวก็ไม่ต้องดวงซวยอีก ในที่สุดตอนนี้เขาก็มีความมั่นใจสักที จึงปิดด่านฝึกบำเพ็ญสักช่วงเวลาหนึ่งอย่างสงบ
ในโลกบำเพ็ญที่มีอันตรายทุกแห่งหนนี้ ศักยภาพและดวงชะตาสำคัญเท่ากัน
เสิ่นเทียนจึงตัดสินใจว่าก่อนที่กำลังรบตนจะถึงระดับที่มั่นคง เขาจะต้องอดทนกับความเหงาอยู่ในตำหนักใจพิสุทธิ์ไปก่อน
ถึงอย่างไรแค่ดวงชะตาวงสีขาวอมเขียวก็ยังไม่ถือว่าแกร่งมากนัก อย่างน้อยต้องบรรลุถึงช่วงแก่นพลังทอง ดวงชะตาเป็นสีเขียวเข้มก่อนถึงจะถือว่ามั่นคง
ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ จะต้องพยายามต่อไป!
……..
“ใช่แล้ว สหายคนนั้นถ่ายทอดวิชาสามแขนงให้ข้าไม่ใช่หรือ!”
เสิ่นเทียนพลันนึกถึงสามวิชาที่จางอวิ๋นซีถ่ายทอดให้ ก่อนจะเริ่มหวนนึกถึงเคล็ดวิชา
เพราะจี้หยกมังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ได้ประทับมรดกลงในจิตวิญญาณโดยตรง ดังนั้นแค่หวนนึกคิดครู่เดียว สามวิชาก็ลอยขึ้นมาในความคิดเสิ่นเทียน
ในสามวิชานี้ เปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์คือบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนี
ด้วยพลังของเสิ่นเทียนในตอนนี้ ไม่มีคุณสมบัติแตะต้องเคล็ดวิชาฝึกฝนในนั้นเลย
ทว่ามรดกวิชาอีกสองแขนงเริ่มฝึกฝนได้ตั้งแต่ไม่มีพื้นฐานเลย สองวิชานี้ หนึ่งในนั้นมีชื่อว่าเคล็ดวิชาห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม เป็นวิชาฝึกปราณ
วิชานี้คือคัมภีร์เซียนเลิศล้ำที่ต้องเป็นศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ฝึกฝน ให้ความสำคัญในการใช้อวัยวะภายในร่างมนุษย์สอดรับกับห้าธาตุ รวมเป็นอัสนีเทพที่แข็งแกร่งสิบชนิด
อัสสีเทพสิบชนิดนี้แบ่งเป็น
หนึ่ง อัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ สอง อัสนีเทพหกประสานธาตุไม้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน