เสิ่นเทียนเข้าใจแจ่มแจ้งในใจ
ดังนั้นปัญจธาตุของข้าคือธาตุน้ำหรือ
มิน่าข้าถึงนิสัยดีเช่นนี้ จิตใจดีดั่งสายน้ำ
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย ในเมื่อมั่นใจในธาตุตนแล้วก็เริ่มฝึกเลยเถอะ!
เขาโคจรวิชาอัสนีธาตุน้ำในเคล็ดวิชาห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมพลางเริ่มสูบกินพลังวิญญาณรอบกาย
พลังวิญญาณที่อยู่ในศิลาวิญญาณข้างกายถูกเขาสูบกินอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สัญลักษณ์สีทองตรงระหว่างคิ้วเขาเริ่มขยับวูบวาบแล้ว
น้ำมวลหนักปฐมกาลที่เดิมทีเงียบสงบในไตก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน
พลังวิญญาณที่เสิ่นเทียนสูบกินเข้ามาในร่างเขา วนเวียนไปทั่วร่างอย่างเร็วไว สายฟ้าสีทองหลั่งออกมาตรงระหว่างคิ้วเขาทีละสายก่อนจะเชื่อมกับพลังวิญญาณที่สูบกิน
ทางด้านน้ำมวลหนักปฐมกาลในไตเสิ่นเทียนก็ไหลไปทั่วร่าง หลอมรวมกับพลังวิญญาณเช่นกัน วัตถุวิญญาณฟ้าดินพิเศษสองชนิดเหมือนกับสายฟ้าสวรรค์ชักนำสายน้ำผืนปฐพี ทำให้รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าสีดำลอยออกมาจากผิวกายเสิ่นเทียนทีละน้อย
“ข้าต้องการพลังวิญญาณ ต้องการพลังวิญญาณจำนวนมาก!”
………
เสิ่นเทียนหยิบศิลาวิญญาณหมื่นก้อนจากแหวนเวหามาปูไว้ใต้ร่าง จากนั้นก็เริ่มโคจรธาตุน้ำในเคล็ดวิชาห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมให้สูบกินอย่างเต็มกำลัง
ทันใดนั้นพลังวิญญาณจำนวนมากก็หลั่งไหลไปในร่างเสิ่นเทียนราวกับแม่น้ำหลาก
ตอนแรกเสิ่นเทียนยังกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่นานเขาก็พบว่าการโคจรพลังวิญญาณไม่มีปัญหา
เห็นได้ชัดว่าเมื่อวงรัศมีชะตาของเสิ่นเทียนเป็นวงสีขาวอมแสงเขียว ก็สามารถฝึกปราณได้ตามปกติแล้ว อย่างน้อยเขาก็คิดว่าแค่ฝึกอัสนีเทพธาตุน้ำอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้ว
หลังวางใจอย่างเต็มที่เขาก็เริ่มใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม
ทันใดนั้นเองสัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเขาระเบิดแสงสว่างพร่างพราว ส่วนผิวกายก็มีของเหลวสีเงินลอยออกมาช้าๆ เช่นกัน
ขณะเดียวกับที่แสงสีทองและเงินสว่างขึ้นพร้อมกันนั้น ยังเกิดพลานุภาพทรงพลังขึ้นกลางฟ้าดิน ตอนนี้กุ้ยกงกงกับฉินเกาที่อยู่ข้างกายยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
พวกเขามองเสิ่นเทียนพลางรู้สึกเหมือนมองเทพเจ้าด้วยความเคารพ
คุณลักษณะของพลังนั้นสูงมากจริงๆ!
…….
ศิลาวิญญาณรอบๆ เหือดแห้งและแตกสลายไปอย่างเร็วไว
พลังที่แผ่มาจากตัวเสิ่นเทียนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่ใช่แค่พลังบำเพ็ญศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง แต่ยังมีระดับของหลอมกาย
ยามนี้ อัสนีเทพกำเนิดฟ้ากับน้ำมวลหนักปฐมกาลเกิดการรวมกันอย่างน่าประหลาด ทำการชะล้างกระดูกอย่างง่ายดาย
ระดับของศาสตร์ทั้งสองแขนงของเสิ่นเทียนเหมือนประสานและเกื้อหนุนกัน พัฒนาไปพร้อมๆ กัน
คอขวดจุดสูงสุดหลอมกายขั้นสี่ถูกทะลวงทันที
ตอนนี้เสิ่นเทียนบรรลุหลอมกายขั้นห้า!
ส่วนศาสตร์หลอมปราณก้าวหน้าน่าตกใจยิ่งกว่า
หลอมปราณขั้นหนึ่ง
หลอมปราณขั้นสอง
หลอมปราณขั้นสาม
ปลอมปราณขั้นสี่
หลอมปราณขั้นห้า
เพียงสามชั่วยามสั้นๆ เสิ่นเทียนทะลวงถึงหลอมปราณขั้นห้า!
ถ้าการยกระดับด้วยความเร็วเช่นนี้แพร่งพรายออกไป คงจะมีคนตกใจตายกันเป็นหมู่คณะ
……
ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง พลังบำเพ็ญบรรลุช่วงหลอมกายขั้นสี่ พูดได้ว่าแค่ระดับความแกร่งของร่างกาย เสิ่นเทียนยังไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งหลอมปราณขั้นเก้าเลย
ตอนนี้มีศิลาวิญญาณมากพอแล้ว ประกอบกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าและน้ำมวลหนักปฐมกาลตอบสนองประสานกัน ทำให้พลังบำเพ็ญหลอมปราณของเสิ่นเทียนรุดหน้าเร็วกว่าหลอมกายในตอนแรก
กุ้ยกงกงกับฉินเกาที่คุ้มกันอยู่ด้านข้างถึงกับเหม่อมอง
อะไรกัน ไม่ต้องพูดเลยว่ามันกระทบกระเทือนจิตใจขนาดไหน คัมภีร์มารสู่สุริยันที่พูดไว้ดิบดีว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ฝึกฝนรวดเร็วที่สุดในแดนบูรพาล่ะ!
เหตุใดทุกครั้งที่ฝ่าบาททะลวงพลังถึงเหมือนเรื่องเล่นสนุกเลย คนอื่นเขาลำบากฝึกฝนหลายเดือนกระทั่งหลายปีกว่าจะยกระดับขั้นหนึ่งอย่างทุกข์ทรมาน
แต่ฝ่าบาทนี่สิ พอควักศิลาวิญญาณออกมาทีไรก็ปึงๆๆ ทะลวงพลังเลย
ตั้งแต่โบราณกาลมาผนึกที่ใช้ปราบมารร้ายจำนวนมากในแดนบูรพาล้วนแล้วแต่เป็นผนึกกำราบจากร่างจำแลงเต่าดำ
…..
ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนจะฝึกฝนอัสนีเทพเต่าดำธาตุน้ำลำดับเก้าสำเร็จแล้ว ก้าวสุดท้ายคือรวมปรากฏการณ์เต่าดำ
เขาตะโกนเสียงดัง สายฟ้าสีดำทั่วร่างเปล่งแสงสว่างรวมกันอย่างหนาแน่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
กลิ่นอายพลังทั้งลึกลับและดำมืดลอยขึ้นมาจากตัวเขาช้าๆ
นี่ไม่เกี่ยวกับพลังมากหรือน้อย แต่เกี่ยวกับวิถีและอิทธิฤทธิ์ ไม่อาจบรรยายได้
ไม่นานก็ปรากฏแสงสีดำเหนือศีรษะเสิ่นเทียน แสงสีดำนั้นแผ่กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ ค่อยๆ รวมเป็นสัตว์เทพสีดำตัวหนึ่ง มันลอยอยู่เหนือหัวเสิ่นเทียนอย่างมั่นคงราวกับวิทยาราชแน่นิ่ง
นี่ก็คือปรากฏการณ์อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้า เต่าดำถล่มแคว้น!
……
พอเห็นปรากฏการณ์ที่รวมขึ้นเหนือหัวเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาตะลึงงันไป
เสิ่นเทียนเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาตกตะลึงแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เป็นอะไร ทำอย่างกับไม่เคยเห็น ตกใจกับพรสวรรค์ของข้าละสิ?”
กุ้ยกงกงกลืนน้ำลายก่อนยิ้มเก้ๆ กังๆ “ฝ่าบาททรงฝึกฝนรวดเร็วจนเรียกได้ว่าที่สุดตั้งแต่โบราณกาลจนบัดนี้ พรสวรรค์เลิศล้ำเป็นเอก น่าปลื้มใจจริงๆ
หากพระสนมหลานในปรโลกรู้เข้าจะต้องปลื้มใจมากแน่!”
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ทางด้านฉินเกามุมปากกระตุก
เขาอดยื่นกระจกให้มิได้ “ฝ่าบาทท่านส่องกระจกหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
ส่องกระจก?
เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ข้าฝึกวิชาแล้วจะไม่หล่อรึ?
ทันใดนั้นเสิ่นเทียนมองไปที่ศีรษะตนเอง ก่อนจะหน้าดำมืดยิ่งกว่าเดิม!
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน