บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 71

บทที่ 71 ปรากฏการณ์เต่าดำถล่มแคว้น
เป็นน้ำ!

เสิ่นเทียนเข้าใจแจ่มแจ้งในใจ

ดังนั้นปัญจธาตุของข้าคือธาตุน้ำหรือ

มิน่าข้าถึงนิสัยดีเช่นนี้ จิตใจดีดั่งสายน้ำ

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย ในเมื่อมั่นใจในธาตุตนแล้วก็เริ่มฝึกเลยเถอะ!

เขาโคจรวิชาอัสนีธาตุน้ำในเคล็ดวิชาห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมพลางเริ่มสูบกินพลังวิญญาณรอบกาย

พลังวิญญาณที่อยู่ในศิลาวิญญาณข้างกายถูกเขาสูบกินอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สัญลักษณ์สีทองตรงระหว่างคิ้วเขาเริ่มขยับวูบวาบแล้ว

น้ำมวลหนักปฐมกาลที่เดิมทีเงียบสงบในไตก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน

พลังวิญญาณที่เสิ่นเทียนสูบกินเข้ามาในร่างเขา วนเวียนไปทั่วร่างอย่างเร็วไว สายฟ้าสีทองหลั่งออกมาตรงระหว่างคิ้วเขาทีละสายก่อนจะเชื่อมกับพลังวิญญาณที่สูบกิน

ทางด้านน้ำมวลหนักปฐมกาลในไตเสิ่นเทียนก็ไหลไปทั่วร่าง หลอมรวมกับพลังวิญญาณเช่นกัน วัตถุวิญญาณฟ้าดินพิเศษสองชนิดเหมือนกับสายฟ้าสวรรค์ชักนำสายน้ำผืนปฐพี ทำให้รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

สายฟ้าสีดำลอยออกมาจากผิวกายเสิ่นเทียนทีละน้อย

“ข้าต้องการพลังวิญญาณ ต้องการพลังวิญญาณจำนวนมาก!”

………

เสิ่นเทียนหยิบศิลาวิญญาณหมื่นก้อนจากแหวนเวหามาปูไว้ใต้ร่าง จากนั้นก็เริ่มโคจรธาตุน้ำในเคล็ดวิชาห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมให้สูบกินอย่างเต็มกำลัง

ทันใดนั้นพลังวิญญาณจำนวนมากก็หลั่งไหลไปในร่างเสิ่นเทียนราวกับแม่น้ำหลาก

ตอนแรกเสิ่นเทียนยังกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่นานเขาก็พบว่าการโคจรพลังวิญญาณไม่มีปัญหา

เห็นได้ชัดว่าเมื่อวงรัศมีชะตาของเสิ่นเทียนเป็นวงสีขาวอมแสงเขียว ก็สามารถฝึกปราณได้ตามปกติแล้ว อย่างน้อยเขาก็คิดว่าแค่ฝึกอัสนีเทพธาตุน้ำอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้ว

หลังวางใจอย่างเต็มที่เขาก็เริ่มใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม

ทันใดนั้นเองสัญลักษณ์สายฟ้าสีทองตรงระหว่างคิ้วเขาระเบิดแสงสว่างพร่างพราว ส่วนผิวกายก็มีของเหลวสีเงินลอยออกมาช้าๆ เช่นกัน

ขณะเดียวกับที่แสงสีทองและเงินสว่างขึ้นพร้อมกันนั้น ยังเกิดพลานุภาพทรงพลังขึ้นกลางฟ้าดิน ตอนนี้กุ้ยกงกงกับฉินเกาที่อยู่ข้างกายยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

พวกเขามองเสิ่นเทียนพลางรู้สึกเหมือนมองเทพเจ้าด้วยความเคารพ

คุณลักษณะของพลังนั้นสูงมากจริงๆ!

…….

ศิลาวิญญาณรอบๆ เหือดแห้งและแตกสลายไปอย่างเร็วไว

พลังที่แผ่มาจากตัวเสิ่นเทียนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่ใช่แค่พลังบำเพ็ญศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง แต่ยังมีระดับของหลอมกาย

ยามนี้ อัสนีเทพกำเนิดฟ้ากับน้ำมวลหนักปฐมกาลเกิดการรวมกันอย่างน่าประหลาด ทำการชะล้างกระดูกอย่างง่ายดาย

ระดับของศาสตร์ทั้งสองแขนงของเสิ่นเทียนเหมือนประสานและเกื้อหนุนกัน พัฒนาไปพร้อมๆ กัน

คอขวดจุดสูงสุดหลอมกายขั้นสี่ถูกทะลวงทันที

ตอนนี้เสิ่นเทียนบรรลุหลอมกายขั้นห้า!

ส่วนศาสตร์หลอมปราณก้าวหน้าน่าตกใจยิ่งกว่า

หลอมปราณขั้นหนึ่ง

หลอมปราณขั้นสอง

หลอมปราณขั้นสาม

ปลอมปราณขั้นสี่

หลอมปราณขั้นห้า

เพียงสามชั่วยามสั้นๆ เสิ่นเทียนทะลวงถึงหลอมปราณขั้นห้า!

ถ้าการยกระดับด้วยความเร็วเช่นนี้แพร่งพรายออกไป คงจะมีคนตกใจตายกันเป็นหมู่คณะ

……

ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิง พลังบำเพ็ญบรรลุช่วงหลอมกายขั้นสี่ พูดได้ว่าแค่ระดับความแกร่งของร่างกาย เสิ่นเทียนยังไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งหลอมปราณขั้นเก้าเลย

ตอนนี้มีศิลาวิญญาณมากพอแล้ว ประกอบกับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าและน้ำมวลหนักปฐมกาลตอบสนองประสานกัน ทำให้พลังบำเพ็ญหลอมปราณของเสิ่นเทียนรุดหน้าเร็วกว่าหลอมกายในตอนแรก

กุ้ยกงกงกับฉินเกาที่คุ้มกันอยู่ด้านข้างถึงกับเหม่อมอง

อะไรกัน ไม่ต้องพูดเลยว่ามันกระทบกระเทือนจิตใจขนาดไหน คัมภีร์มารสู่สุริยันที่พูดไว้ดิบดีว่าเป็นหนึ่งในวิชาที่ฝึกฝนรวดเร็วที่สุดในแดนบูรพาล่ะ!

เหตุใดทุกครั้งที่ฝ่าบาททะลวงพลังถึงเหมือนเรื่องเล่นสนุกเลย คนอื่นเขาลำบากฝึกฝนหลายเดือนกระทั่งหลายปีกว่าจะยกระดับขั้นหนึ่งอย่างทุกข์ทรมาน

แต่ฝ่าบาทนี่สิ พอควักศิลาวิญญาณออกมาทีไรก็ปึงๆๆ ทะลวงพลังเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน