เขามองลงไปข้างล่างเรือเหาะด้วยความอับอายและแค้นใจ “ไอ้ตาถั่วที่ไหนกล้าระเบิดเรือข้า!”
ทุกคนมองตามนักพรตชราเช่นกัน เห็นว่าข้างล่างเรือเหาะเป็นทะเลสาบมหึมา
เหนือทะเลสาบตอนนี้ยังมีไอน้ำและหมอกลอยขึ้นอยู่จำนวนมาก ประกายสายฟ้าในนั้นขยับวูบวาบ
เมื่อครู่ทะเลสาบแห่งนี้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง แรงปะทะโถมใส่เรือเหาะ
ตอนนี้พอเห็นนักพรตชราถามก็มีเด็กหนุ่มผมทองก้าวออกมา
เขาสวมชุดคลุมเต๋าของศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ดวงตาตี่เล็กน้อย ดูสุภาพมาก
ตอนนี้เห็นนักพรตชราโผล่มา เด็กหนุ่มนั่นทำหน้าจะร้องไห้นิดๆ “ขอคารวะอาจารย์ลุงบัวมรกต”
นักพรตชราพยักหน้า “ที่แท้ก็เจ้านี่เอง ทำการศึกษาระเบิดอีกแล้วรึ”
เด็กหนุ่มผมทองยิ้มน้อยๆ “ขอรับ อวิ๋นตี๋กำลังทดลองรูปแบบการผสานพลังวิญญาณใหม่อยู่ ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีที่มีขีดความสามารถสูงขึ้น
เพราะภูเขารอบๆ แดนศักดิ์สิทธิ์โดนระเบิดจนเรียบหมดแล้ว ข้าเลยจำใจได้แต่มาทดลองที่ทะเลสาบกระจกจันทรา ไม่เคยคิดเลยว่าแรงปะทะจากยันต์ระเบิดอัสนีจะรบกวนอาจารย์ลุง อวิ๋นตี๋ขออภัยจริงๆ”
นักพรตชราเบ้ปาก “พูดขอโทษคำเดียวก็จบรึ มันระเบิดโดนเรือข้ารู้หรือไม่ จะต้องชดใช้เงิน!”
เด็กหนุ่มผมทองพูดด้วยความจนปัญญา “แต่ว่าอาจารย์ลุงบัวมรกต ตามหลักการล่องเรือเหาะเทพสวรรค์แล้ว ไม่ควรจะเปิดค่ายกลหรอกรึ”
นักพรตชราหน้าดำมืด ขณะกำลังคิดหาข้อแก้ตัวนั้น จางอวิ๋นซีกลับพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรแล้ว “อาจารย์ลุง นี่จะโทษศิษย์น้องไม่ได้นะ!”
เด็กหนุ่มผมทองหรี่ตาลงส่งสายตาซึ้งใจให้จางอวิ๋นซี แม้จางอวิ๋นซีอาจจะไม่รับก็ตาม
ชื่อเสียงไม่ดีของอาจารย์ลุงบัวมรกตโด่งดังในแดนศักดิ์สิทธิ์มาก ครั้งนี้ล่วงเกินเขาคงจัดการไม่ได้ง่ายจริงๆ
ยังดีที่ศิษย์พี่หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือความถูกต้องชอบธรรมที่สุดอยู่ข้างกาย ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหาแน่
เฮ้อ ศิษย์พี่หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพยำเกรงเลื่อมใสเหมือนเดิมเลยจริงๆ!
……
เรือเหาะบินขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ทุกคนอยู่ไม่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว เพราะทะเลสาบกระจกจันทราเป็นทะเลสาบใหญ่ที่สุดใกล้เคียงเมืองเทพสวรรค์ ใกล้กับยอดเขาเทพสวรรค์มาก
ถ้าไม่อย่างนั้น ศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คงไม่ตั้งใจมาทดลองวิชาอัสนีเป็นพิเศษ
บนดาดฟ้าเรือ เสิ่นเทียนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ก่อนถาม “ศิษย์พี่หญิง เมื่อครู่ท่านนั้นคือศิษย์พี่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกันรึ”
จางอวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่ ยุคนี้ในฝ่ายเรามีผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพเก้าท่าน แบ่งกันปกครองเก้ายอดเขาวิญญาณแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่นั้นคือศิษย์ที่มีตำแหน่งสูงสุดของยอดเขาวิญญาณบัวทองคำ ฉินอวิ๋นตี๋ และก็เป็นบุตรชายคนเดียวของอาจารย์อาหญิงบัวทองคำ
แต่ศิษย์น้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายเรา ดังนั้นตามกฎแล้วเขาควรจะเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ต่างหาก”
เสิ่นเทียนเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ที่แท้ก็เช่นนี้เอง ข้าว่าศิษย์น้องนั่นองอาจห้าวหาญไม่ธรรมดามากเลยนะ!”
ใช่ วงรัศมีของเจ้านั่นเป็นสีแดงบริสุทธิ์ขอบทอง จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!
และที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อครู่เสิ่นเทียนชำเลืองตามองด้วยความตกใจ เห็นภาพบนศีรษะเจ้านั่นด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ที่นี่มีคนเยอะมาก ไม่สะดวกจะเสแสร้งแกล้งทำละก็ ตอนนี้เขาคงกระโดดลงมาโอ้อวดแล้ว
เฮ้อ เมื่อครู่เห็นไม่ชัด เดี๋ยวว่างแล้วค่อยไปหาศิษย์น้องท่านนี้ หวังว่าเขาจะยังไม่พบโชคลิขิตนะ
เสิ่นเทียนจดจำศิษย์น้องสายตรงนามฉินอวิ๋นตี๋นี้เอาไว้เงียบๆ ในใจ ทว่าจางอวิ๋นซีกลับไม่คิดเช่นนั้น
นางเอ่ยนิ่งๆ ว่า “จะว่าไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ เสียดายก็แต่ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋มีเพียงพรสวรรค์แต่กลับเปล่าประโยชน์ ด้วยคุณสมบัติของเขาหากตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้คงอยู่ระดับแก่นพลังทองแล้ว
น่าเสียดายก็แต่ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ไม่ได้สนใจการฝึกบำเพ็ญเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษายันต์อัสนี ถึงยันต์อัสนีที่เขาทำขึ้นจะมีอานุภาพไม่ธรรมดาจริงๆ เหนือกว่าของคนอื่นๆ หลายส่วน ซ้ำยังเคยใช้ค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีสร้างฐานหกพันใบระเบิดสัตว์อสูรช่วงปลายแก่นพลังทองตัวหนึ่งตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน