หลังจากเหอจื่ออันออกมาจากโรงพยาบาล เขาก็ได้ขับรถออกไปคนเดียว
ระหว่างทาง เขาเหยียบคันเร่งไปอย่างแรงราวกับว่าจะระบายความแค้นในใจออกมา ถึงได้ขับรถด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
เขาไม่รู้ว่าขับไปนานแค่ไหน จนกระทั่งน้ำมันรถหมด เขาถึงได้หยุดรถอยู่ที่หน้าประตูบาร์แห่งหนึ่ง
เหอจื่ออันเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อที่เต็มไปด้วยไฟนีออนที่กระพริบของบาร์ พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากของเขา
คาดไม่ถึงว่าจะดันบังเอิญมาจอดอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ไหมที่ฟ้ากำลังจะบอกเขาว่า เขาหมดหวังแล้ว ให้เขาไปดื่มหน่อยเพื่อที่จะได้ปล่อยวาง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ตามนั้นล่ะกัน
เหอจื่ออันอารมณ์เสียมาก พอเดินเข้าไปก็เรียกพนักงานสั่งเหล้าที่มีแอลกอฮอล์แรงและสูงมาสองสามขวด แล้วนั่งลงเริ่มดื่ม
เวลาผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความเมา แต่สมองของเขายังคงมีสติอย่างชัดเจน ยังคงได้ยินคำพูดที่เวินหนิงพูดในวันนี้วนไปวนมาในสมอง
" ทำไม เขาดีขนาดนั้นเชียวเหรอ ... "
ตาที่แดง มือที่ถือขวดเหล้าของเหอจื่ออันเต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่ยอมแพ้
ในตอนนี้เขาพึ่งจะตระหนักได้ว่าเหล้าหมดไปแล้ว " น้อง ๆ เอาเหล้ามาอีกสองสามขวด "
เหอจื่ออันกำลังจะเรียกให้พนักงานเอาเหล้ามาอีกสองสามขวด แต่จู่ๆก็มีมือที่ขาวเรียวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น แล้วไปจับห้ามมือที่กำลังจะยกขึ้นของเหอจื่ออัน
"จื่ออัน พอได้แล้ว นายเมามากแล้ว "
เจนนี่เห็นรูปลักษณ์ที่โทรมของเหอจื่ออัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์
หลายวันนี้ เหอจื่ออันไม่ได้ติดต่อกับฝั่งนู้นเลย เธอเป็นห่วงเขามากจริงๆ เธอจึงมาที่เมืองเจียงเฉิงเพื่อดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
โดยไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่มาถึงเธอนั้นจะไม่สามารถติดต่อเหอจื่ออันได้เลยไม่ว่าจะวิธีไหน ถึงได้ให้คนตรวจสอบตำแหน่งโทรศัพท์มือถือของเขา ถึงได้รู้ว่าเขามานั่งดื่มอยู่ที่นี่เพื่อให้ตัวเองลืมความเจ็บนั้น
“ ฉันไม่ได้เมา ตอนนี้ฉันยังมีสติดีและรู้ชัดเจนดี ถ้าฉันเมาแล้วจริงๆ ฉันก็จะไม่เจ็บปวดเหมือนมีมีดนับพันทิ่มแทงที่หัวใจเช่นนี้ ”
เหอจื่ออันอยากจะสะบัดมือของเจนนี่ออกอย่างไม่สบอารมณ์ แต่น้อยมากที่เจนนี่จะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวต่อเขา “ จื่ออัน นายจะมาดื่มเยอะขนาดนี้ไม่ได้ ซึ่งมันไม่เหมือนคุณเอาซะเลย การที่มาดื่มเหล้าเมาอย่างงี้เป็นพฤติกรรมที่ดูขี้ขลาดสุดๆ ”
" ดีไม่ดีมันก็เรื่องของฉัน เจนนี่เธอถอยไป เธอกลับไปก่อนแล้วฉันจะไปหาเธอพรุ่งนี้"
เหอจื่ออันยังคงดื้อดึง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ฟังคำชักชวน เจนนี่ก็ได้นั่งลงแล้วพูดว่า " งั้นก็ได้ ถ้านายอยากดื่ม ฉันจะดื่มเป็นเพื่อน "
หลังจากพูดจบ เจนนี่ก็สั่งให้พนักงานเอาเหล้ามาเสิร์ฟอีกสองสามขวด หลังจากเปิดขวดเธอก็เทเหล้าไปอย่างเต็มแก้วแล้วกะว่าจะดื่มให้หมดแก้วในทีเดียว
เมื่อเหอจื่ออันเห็นเช่นนี้ รีบคว้าแก้วมาแล้วโยนลงไปกับพื้น “ เธอบ้าไปแล้วใช่ไหม ”
เจนนี่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เธอสามารถมีฐานะตำแหน่งถึงทุกวันนี้ได้ เธอย่อมเสียสละและทำงานหนักยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่า ซึ่งไม่มีใครสามารถจินตนาการได้เลย เพื่อความร่วมมือที่ต้องเข้างานสังสรรค์มากมาย กระเพาะอาหารของเธอจึงถูกแอลกอฮอล์กดจนพังไปตั้งนานแล้ว ถ้าเธอดื่มแอลกอฮอล์ที่แรงและสูงแบบนี้จริงๆ กลัวจะต้องส่งเธอเข้าโรงพยาบาลทันทีเพราะเลือดออกในกระเพาะอาหาร
เมื่อรู้สึกได้ว่าแก้วถูกแย่งไป เจนนี่ถึงมองไปที่เหอจื่ออัน " ฉันบอกแล้วว่าถ้านายยังจะทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้ ฉันก็จะดื่มเป็นเพื่อนนาย เพราะร่างกายเป็นของฉันเอง ฉันอยากจะทำยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายไม่สามารถมาควบคุมฉันได้เช่นกัน "
พอเหอจื่ออันได้ยินเช่นนี้ ก็นั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ว่ายังไง เขาไม่อาจที่จะทนดูเจนนี่ทำร้ายร่างกายของเธอต่อหน้าเขา " เอาคุณไม่อยู่จริงๆ ช่างเถอะ วันนี้พอแค่นี้ "
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจนนี่ถึงได้โล่งใจ จึงรีบเรียกพนักงานมาช่วยพยุงเหอจื่ออันที่กำลังเดินโซซัดโซเซเข้าไปในรถ
เหอจื่ออันที่เมามากแล้ว เห็นว่ายังไงก็ต้องกลับบ้านไป พอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังหลับตาลง ก็นอนหลับไปในไม่ช้า
เจนนี่ดูว่าเขาหลับไปแล้ว ใบหน้าที่ครึ้มเครียดของเธอถึงได้ค่อยๆจางหายไป เธอมองใบหน้าของเหอจื่ออันผ่านกระจกมองหลัง ยังคงเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ แต่เพิ่มความเศร้าเข้ามาเล็กน้อย
เจนนี่ถอนหายใจกำลังจะขับรถกลับไป ในขณะนี้ เหอจื่ออันที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มพูดอย่างกระซิบ
"หนิงหนิง ... หนิงหนิง ทำไมคุณ ... ถึงไม่รักษาคำพูดแบบนี้ ... "
ท่าทางของเจนนี่เปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้ น้ำตาของเธอไหลออกมาด้วยความโกธร
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยอยากให้เหอจื่ออันไปอยู่กับเวินหนิง หัวใจของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ที่เขาเลย และยังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้ในด้านธุรกิจ
อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเหอจื่ออันยืนหยัดอย่างงั้น เธอเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
เดิมทีคิดว่าครั้งนี้เหอจื่ออันควรจะสมหวังซะที แต่คิดไม่ถึง สุดท้ายก็เสียแรงเปล่า
เจนนี่กำหมัดแน่น จากนั้นมองไปข้างหลังเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเหอจื่ออันแล้วขมวดคิ้ว เรื่องนี้เธอจะไม่ให้มันผ่านไปเฉยๆแบบนี้แน่
...
เวินหนิงอยู่เป็นเพื่อนกับไป๋หลินยวี่ในห้องผู้ป่วยต่ออีกสักพัก จากนั้นก็เดินออกไป
บังเอิญว่าไป๋ซินหรานกำลังจะออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ เธอจะต้องไปเก็บข้าวของและจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย
ทันทีที่เวินหนิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยเด็ก เธอก็เห็นลู่อันหรานนั่งอยู่ข้างเตียง ในมือนั้นถือผลไม้ไว้กำลังปอกผลไม้ให้ไป๋ซินหราน
เวินหนิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นลู่อันหรานขยันขันแข็งเช่นนี้ แต่เป็นเพราะว่าที่นี่มีแต่เด็กๆอยู่ จึงไม่มีมีดผลไม้ไว้ให้
เมื่อเห็นลู่อันหรานกำลังหามีดปอกผลไม้อยู่ที่นั่น เวินหนิงจึงเดินเข้าไป “ อันหราน ลูกวางลงเถอะ คุณหมอบอกว่าวันนี้ซินหรานสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว กลับบ้านไปแม่ค่อยปอกผลไม้ให้พวกเธอกิน .”
เมื่อได้ยินว่าไป๋ซินหรานสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ลู่อันหรานรู้สึกดีใจมาก " จริงๆเหรอครับ เย้ดีใจจังเลย"
ไป๋ซินหรานก็หัวเราะตาม จากนั้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่แม่ของเธอสั่งไว้ ทำให้เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ค่อยๆพูดออกมาว่า " น้าหนิงค่ะ หนู ... หนูอยากกลับไปอยู่กับแม่ค่ะ "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวินหนิงถึงกับประหลาดใจ เมื่อมองไปที่สีหน้าของไป๋ซินหรานก็รู้ว่าเธอต้องการอยู่กับแม่ของเธอ
แต่……
ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกลู่จิ้นยวนเรียกให้มา และที่ผู้หญิงคนนั้นมาก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น เวินหนิงไม่ไว้วางใจอยู่ดี ถ้าจะให้เธอมารับไป๋ซินหรานไป
“ อ่า ทำไมหนูถึงอยากไปเร็วขนาดนี้ล่ะ หรือรู้สึกว่าอยู่ที่บ้านน้าไม่ดีเหรอ ”
เมื่อลู่อันหรานได้ยินว่าเธอจะไป รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย มันไม่ง่ายเลยที่จะมีคู่หูที่ดีและเข้ากันได้ ทำไมถึงได้จากกันเร็วขนาดนี้
" เปล่านะคะ แต่คุณแม่บอกว่ายินดีที่จะพาหนูกลับบ้าน หนูก็ได้เจอคุณลุงคนนั้นแล้ว ลุงเขาเป็นคนดี หนูอยากอยู่กับคุณแม่ค่ะ "
กลัวว่าลู่อันหรานจะโกรธ ไป๋ซินหรานรีบทำการอธิบายยิ่งพูดเสียงของเธอก็ยิ่งเบาลง
เมื่อเวินหนิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ รู้สึกสงสารขึ้นมา เลยตบหลังของลู่อันหรานเบา ๆ “ ไม่เอาน่าอันหราน ต่อให้ซินหรานไปหาแม่ของเธอที่นั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะไม่ได้เจอหน้ากันซะหน่อย ยังมีโอกาสที่จะได้เจอกันอีกเยอะ
แต่แค่ว่า ... ซินหรานหนูคิดดีแล้วหรือยัง
ที่น้าตรงนี้ไม่ได้รังเกียจหนูเลยถ้าหนูอยากจะอยู่ที่นี่นานๆ ขอแค่หนูต้องการ หนูสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป "
ไป๋ซินหรานรู้สึกสะเทือนใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเธอนั้นชอบน้าหนิงหนิงมาก แต่หลายปีที่ผ่านมาเธอนั้นเฝ้าหาแม่มาโดยตลอด รอให้แม่ของเธอมารับเธอไป เธอจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้เป็นอันขาด
" หนูคิดทบทวนดีแล้วค่ะ หนูอยากอยู่ด้วยกันกับคุณแม่ น้าหนิงคะ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ในชีวิตนี้หนูจะไม่มีวันลืมค่ะ"
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าไป๋ซินหรานค่อนข้างที่จะยืนหยัด เลยไม่ได้บังคับให้เธออยู่ต่อ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด หากมีปัญหาอะไรขึ้นมา ถ้าถึงขั้นต่อสู้คดีมันจะดูน่าเกลียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก