บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 623

" จื่ออันฉันขอโทษ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ฉันแค่ ... "

" พอได้แล้ว ผมไม่ต้องการฟังอีกต่อไป หนิงหนิง ผมยังจะทำเรื่องที่คุณจะย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศต่อ เมื่อไรที่คุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถมาหาผมได้ทันที ผมจะรอคุณ"

เหอจื่ออันไม่ต้องการฟังอีกต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ต่อให้ฟังต่อก็คงเป็นเรื่องที่เวินหนิงพูดแทนลู่จิ้นยวน

เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ทำให้จิตใจของเวินหนิงยิ่งไม่ดีไปใหญ่ เมื่อดูเหอจื่ออันจากไปด้วยความโกรธ เธอจึงได้แต่ก้มหัวลงพูดอะไรไม่ออก

ที่เธอตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ คนที่เธอรู้สึกผิดที่สุด ก็คือเหอจื่ออันที่คอยช่วยเหลือเธอทำเรื่องต่างๆในการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ต่างประเทศให้เธอ

แต่……

ในเมื่อเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็จะมานั่งเสียใจในภายหลังไม่ได้

เวินหนิงยังคงอยู่ข้างนอกอีกสักพัก เพื่อที่จะสงบอารมณ์ จากนั้นก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วย

เมื่อเห็นว่าเวินหนิงกลับมา ไป๋หลินยวี่ถึงได้นึกอะไรบางอย่างออก " หนิงหนิง จื่ออันล่ะ เขาโทรมาเมื้อกี้ว่าจะมา ยังบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ทำไมยังมาไม่ถึงซะที"

เมื่อเวินหนิงได้ยินคำถามนี้ ในใจนั้นยิ่งรู้สึกไม่ดีใหญ่ "เขา ... บอกว่ามีธุระนิดหน่อย ขอตัวกลับไปก่อน"

แต่ไป๋หลินยวี่จะไม่รู้นิสัยของเวินหนิงได้อย่างไร เมื่อได้ยินเวินหนิงพูด เออๆอาๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน

ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น " ลูกทะเลาะกับเขาเหรอ

หนิงหนิง แม่เคยบอกลูกแล้วว่าจื่ออันเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ ลูกอย่าไปทำร้ายจิตใจของเขา "

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวินหนิงถึงกับถอนหายใจออกมา เธอก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของเหอจื่ออัน หรือทำให้เขาเสียใจ แต่ ...

แต่ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่สามารถที่จะยอมรับเขาได้เลย แทนที่จะมาลั้งเขาเอาไว้แบบนี้ แต่กลับไม่สามารถรักเขาอย่างเต็มหัวใจได้ บางทีการปฏิเสธเขาโดยเร็วที่สุดอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านี้

ซ่งรั่วอวิ้นที่นั่งอยู่ข้าง มองเห็นความลำบากใจบนใบหน้าของเวินหนิง จึงพูดขึ้นมาว่า " คุณแม่ค่ะ ทำไมคุณแม่ถึงชอบไปเชียร์ให้เวินหนิงอยู่กับเหอจื่ออันอยู่นั้นแหละ รู้สึกว่าหนิงหนิงจะไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายคนนั้นแบบชายหญิง "

ก่อนหน้านั้นซ่งรั่วอวิ้นเคยไปสืบประวัติของเหอจื่ออันมาแล้ว เธอได้ข้อมูลมาว่า ผู้ชายคนนั้นประสบการณ์และประวัติไม่ใช่ย่อยๆเลย จากผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลยคนหนึ่งค่อยๆฆ่าฟันกันมาตลอดทางถึงได้มีตำแหน่งฐานะในทุกวันนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะถูกลบล้างจนขาวสะอาดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนโหดคนหนึ่ง

ประสบการณ์เหล่านี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความอ่อนโยนที่เขาแสดงออกต่อหน้าเวินหนิงและครอบครัวของเธอ ซ่งรั่วอวิ้นรู้สึกว่าบางทีอาจเป็นเพราะเขาพยายามซ่อนนิสัยส่วนนี้ไว้

ถ้าจะคบกันจริงๆ แต่กลับไม่มีความจริงใจต่อกัน แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงก็ไม่กล้าแสดงมันออกมา แล้วยังจะมีความหมายอะไรอีก ...

" รั่วอวิ้น หนูยังอายุน้อย บางครั้งเรื่องความรู้สึกที่ลึกซึ้งอะไรนี้ก็ได้จริงอย่างที่คิด แต่ก่อนนั้นแม่ก็เคยโดนมันหลอกมาแล้ว "

เมื่อไป๋หลินยวี่นึกถึงสิ่งที่เวินฉีโม่เคยทำกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงมาก

ตอนนั้นเป็นเพราะเธอตาบอดไปจริงๆถึงได้ไปรักคนอย่างเวินฉีโม่ที่ฐานะยากจนสุดๆ เดิมที่คิดว่าทั้งสองกัดฟันสู้ไปด้วยกันก็จะสามารถอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าสิ่งที่ได้มาก็คืนถูกเขาไล่ออกจากบ้าน

ดังนั้น ตอนนี้ไป๋หลินยวี่แค่หวังว่าลูกสาวของเธอจะมีชีวิตหลังแต่งงาน ที่สามารถดูแลซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช่ไปไล่ตามความรู้สึกอะไรนั่น

“ คุณแม่ค่ะ หนูรู้ว่าคุณแม่กำลังกังวลเรื่องอะไร คุณแม่กังวลว่าถ้าหนิงหนิงกับลู่จิ้นยวนอยู่ด้วยกันจะถูกพวกเขารังแกอีกหรือเปล่า ”

ไป๋หลินยวี่พยักหน้า

ซ่งรั่วอวิ้นได้แต่ยิ้ม " แต่หนูก็ไม่เห็นว่าหนิงหนิงจะเป็นคนประเภทที่คอยแต่จะพึ่งพาผู้ชาย ซึ่งตอนนี้ในใจของหนิงหนิงมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ให้แม่บังคับให้หนิงหนิงไปแต่งงานกับคนที่แม่คิดว่าดีและเหมาะสมที่สุด หนิงหนิงก็จะไม่มีวันมีความสุขที่แท้จริง แล้วยังจะมีความหมายอะไรอีก "

ซ่งรั่วอวิ้นยังอยากจะบอกอีกว่า ตอนนี้เวินหนิงมีโอกาสที่จะเป็นลูกสาวของตระกูลหยง ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ พูดตามตรงเวินหนิงจะเป็นคนที่เหมาะสมคู่ควรกับลู่จิ้นยวนอย่างแน่นอน เพราะเธอยังไม่เคยเห็นใครหรือตระกูลไหนที่กล้ารังเกียจฐานะตระกูลหยงเลย

เพียงเพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นดีกัน ซ่งรั่วอวิ้นจึงยังไม่พูดคำนี้ออกมา แค่บอกว่า " ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ ยังมีหนูอีกคน ถ้าลู่จิ้นยวนกล้ารังแกหนิงหนิงจริงๆ หนูเป็นคนแรกที่จะไม่มีวันปล่อยเขาไว้แน่ .”

" เฮ้ย เด็กคนนี่นี้ ... "

เมื่อได้ยินซ่งรั่วอวิ้นคอยแต่ช่วยทั้งสองคนพูดขนาดนี้ ทำให้ไป๋หลินยวี่พูดอะไรไม่ออก

“ ลูกสนิทกับลู่จิ้นยวนมากเหรอ

ทำไมถึงได้ช่วยเขาอยู่นั่นแหล่ะ ทำให้แม่รู้สึกว่าหนูได้อะไรดีจากเขาหรือเปล่า "

ซ่งรั่วอวิ้นส่ายหัว ถึงแม้ว่าเธอจะเคยพบเจอกับลู่จิ้นยวนสองสามครั้ง แต่ก็เป็นเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น นอกจากคิดว่าผู้ชายคนนี้เก่งมากและมีความสามารถไม่น้อย ก็แค่นั้นเอง

แค่ว่า ... เมื่อไม่นานมานี้เธอสนิทสนมกับลู่อันหรานมากขึ้น พอมีเวลาว่างก็จะชอบเล่าเรื่องระหว่างเวินหนิงกับลู่จิ้นยวนให้เธอฟัง หลังจากที่ซ่งรั่วอวิ้นค่อยๆรู้เรื่องราวพวกนี้ ทำให้เธอเห็นใจไม่น้อย

ไม่ว่ายังไง ทั้งสองคนนี้ได้ผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่ใจนั้นยังมีกันและกัน แถมยังมีลูกที่น่ารักฉลาดคนหนึ่ง เป็นอะไรที่น่าเสียดายถ้าพวกเขาจะต้องแยกทางกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามเชียร์ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน

" ไม่มีแน่นอน หนูแค่คิดว่าตอนนี้หนิงหนิงยังอายุน้อย น่าจะปล่อยให้เธอได้ไปทำตามที่ใจต้องการ มิฉะนั้นพออายุมากก็จะมานั่งเสียดายเปล่าๆ ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และที่สำคัญตอนนี้ยังมีคุณแม่กับหนูที่คอยสนับสนุนเธอปกป้องเธอ ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจริงๆ คิดว่าพวกเราจะนั่งเฉยๆไม่สนใจเธอเหรอ ”

เมื่อได้ยินซ่งรั่วอวิ้นชักชวนซ้ำไปซ้ำมา ไป๋หลินยวี่จึงไม่พูดอะไรได้อีก

บางที เรื่องบางเรื่องจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเอง นิสัยของเวินหนิงก็ค่อนข้างที่จะดื้อดึงเหมือนกัน ถ้าไม่ปล่อยให้เธอไปสัมผัสเอาเองเธอก็คงจะไม่มีวันรู้ และไม่ยอมตายใจอย่างแน่นอน

" เฮ้ย เรื่องความรักพวกนี้ของพวกเธอแม่ไม่ไปยุ่งแล้ว งั้นก็ตามใจพวกเธอก็แล้วกัน แต่ว่าหนิงหนิงถ้าลูกถูกพวกเขารังแก ลูกจะต้องรีบกลับมาเข้าพวกเรานะ แม่จะไม่มีวันนิ่งดูดายแน่นอน "

หลังจากได้ยินคำพูดของทั้งสองคนแล้ว เวินหนิงรู้สึกอบอุ่นใจและซาบซึ้งใจมาก

เธอช่างมีบุญวาสนาจริงๆ ผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะขนาดนี้ ยังมีแม่ทีรักเธอมากยิ่งกว่าชีวิต แถมยังมีพี่น้องที่ห่วงใยและเข้าใจกันเช่นนี้

" หนูรู้แล้วค่ะ ขอบคุณคุณแม่กับรั่วอวิ้นมากนะคะ "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก